บทที่ 117 การประลอง (3)
ยามซูเฉินเดินลงจากสนามประลอง สายตาหลายคู่ที่มองเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เจ้าคนขี้ขลาดผู้นี้ต่อสู้ฟันฝ่ามาจนเข้าการจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยนได้ หลาย ๆ คนเข้าใจแล้วว่าตนเข้าใจเขาผิด คนที่ดูถูกเยาะเย้ยเขา ตอนนี้กลับถูกเยาะเย้ยเสียเอง
“เขาเข้ามายังการจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยนได้ ดูท่าพวกเราจะดูถูกเขาเกินไป”
“เรื่องเริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว คนที่ไม่เข้าการประลองสิ้นปีมานานถึง 8 ปี ดาหน้าประลองคราเดียวกลับมีชื่อขึ้นอันดับ ดูท่าปีนี้คงมีของดีให้ดูเสียแล้ว”
“มีแต่แบบนี้จึงจะน่าสนใจ ไม่เช่นนั้นก็เป็นคนหน้าเดิม น่าเบื่อยิ่ง ต้องมีคนหน้าใหม่เข้ามาปั่นป่วนอันดับบ้างจะได้น่าตื่นเต้น”
“ถูกต้อง ถูกต้อง” กลุ่มคนร้องตอบ
สายตาที่มองมาทางซูเฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ได้แต่หวังว่าการประลองสิ้นปีในปีนี้จะมีอะไรใหม่บ้าง
หากแต่ไม่ใช่ทุกคนที่คิดเห็นเช่นนั้น
ไม่ห่างจากสังเวียนที่ 4 นัก ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนขึ้น ในมือถือดาบ จ้องซูเฉินด้วยความเยียบเย็น
ข้าง ๆ เขาคือไป๋อี่หง
“เป้าหมายคือเขาใช่หรือไม่ ?” ชายหนุ่มถือดาบเอ่ยถาม
ไป๋อี่หงมองซูเฉินแล้วกัดฟันแน่น “ถูกต้อง เป็นเขา หากเจ้าสามารถทำให้เขาพิการได้ บัวแดงโหยหาจะเป็นของเจ้า”
“ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องติดหนึ่งใน 100 อันดับ ไม่เช่นนั้นข้าก็หมดโอกาสพบเขา”
“เขาทำได้แน่ ข้ารู้ว่าเขาแข็งแกร่งเช่นไร ติด 100 อันดับแรกไม่นับว่ายากเกินเอื้อม แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแน่ !”
“เช่นนั้นก็ดี อีกฝ่ายไปได้ไกลถึงขั้นนั้น แล้วข้าจะทำลายเขาเอง” ชายหนุ่มถือดาบเอ่ย จากนั้นหมุนตัวเดินจากไป
“หลิ่วเยวี๋ยน !”
“หืม ?” ชายหนุ่มหันกลับมา
ไป๋อี่หงเอ่ย “อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
ชายหนุ่มยกยิ้มมั่นใจที่มุมปาก
หลังชายหนุ่มเดินจากไป ไป๋อี่หงจ้องซูเฉินนิ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความแค้น “ซูเฉิน เจ้ากล้าทำกับพวกข้าเช่นนี้ คอยดูเถอะ ข้าจะทำลายเจ้าเอง !”
ร่างเขาสั่นสะท้านน้อย ๆ
เขาโกรธ เกลียด และยังมีร่องรอยความหวาดกลัวผุดขึ้นในจิตใจ
แม้จะมีเหตุไม่คาดฝันที่ช่วยปลุกไป๋อี่หงออกจากฝันร้ายอันน่าสะพรึง แต่ความกลัวที่ซูเฉินฝังลงให้หัวเขายังคงไม่จางหายไปจนสิ้น แม้จะคิดแก้แค้น แต่ลึก ๆ ภายในก็ยังหวาดกลัว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรง
นับเป็นความทรมานใหญ่หลวงของไป๋อี่หง
เขารู้ดีว่าต้นเหตุแห่งความกลัวของเขาจะหายไปหากสังหารซูเฉิน…
หากแต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดแก้แค้นซูเฉินผู้นี้
อีกมุมหนึ่งของสังเวียนที่ 4 ยังมีนัยน์ตาอีกคู่ที่จับจ้องซูเฉินไม่วางตา
เมื่อเจ้าของดวงตาเห็นว่าซูเฉินเข้าสู่การจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยนได้ เขาก็หัวเราะเสียงทะมึนออกมา “ซูเฉิน เจ้าไม่อาจฝืนทนได้แล้วหรือ ? ดี ดียิ่ง ! เจ้าวางแผนลวงตระกูลใหญ่ทั้งหก ไม่เพียงทำร้ายคุณชายของเรา แต่ยังทำร้ายผู้อาวุโสสอง ตระกูลใหญ่ทั้งหกยังคงต่อสู้อยู่กับตระกูลจู แต่เจ้าคิดว่าจะสามารถหลบหนีจากเรื่องนี้ได้อย่างแท้จริงหรือ ? รอก่อนเถอะซูเฉิน วันที่เจ้าก้าวเท้าออกจากสถาบันมังกรซ่อนเร้นจะเป็นวันตายของเจ้า !”
เงาร่างนั้นเลือนหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะชั่วร้าย
เมื่อซูเฉินออกจากห้องทดลอง พวกที่ถูกเขาล่วงเกินจึงมีโอกาสลงมือ
และแน่นอนว่าย่อมมีสหายบางคนยินดีกับการเปลี่ยนแปลงนี้
จีหานเยี่ยนออกตามหาตัวเขา
ยามนางเดินมาตรงหน้าเขา ก็ส่งหมัด ‘ทักทาย’ ออกไปหมัดหนึ่ง
เป็นหมัดที่เต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือก
จีหานเยี่ยนเอ่ยขึ้น “ไม่เลว ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจเข้าร่วมการประลองสิ้นปี”
ตั้งแต่คิดค้นตาข่ายลมพิสุทธิ์เสร็จสมบูรณ์ จีหานเยี่ยนและซูเฉินก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันนัก
ไม่ใช่ว่าคนทั้งคู่เหินห่างกันไป เป็นเพราะซูเฉินมักอยู่ในห้องทดลอง ไม่ค่อยออกมาด้านนอก ดังนั้นจะได้เจอหรือพูดคุยกับเขาจึงยากเย็นนัก
แต่หากคนทั้งคู่เดินเจอกันในสถาบันก็จะหยุดพูดคุยกันตลอด
จีหานเยี่ยนมีนิสัยวางตัวสูงส่งและหยิ่งผยอง ในสถาบันมีคนไม่มากที่ทำให้นางสนใจได้ จึงเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มเป็นหนึ่งในคนที่นางมองในแง่ดี
ไม่ว่าคนอื่นจะมองซูเฉินอย่างไร นางรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนขี้ขลาด นางรู้มาจากอาจารย์ส่วนตัวว่าเหตุใดเขาจึงมีทีท่าเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกนับถือเขา คนยิ่งเรียนไม่เก่งจะยิ่งนับถือบัณฑิตผู้มากความสามารถ
จีหานเยี่ยนเก่งกาจด้านการต่อสู้ แต่ด้านการเรียนนางเรียกได้ว่าไม่มีชิ้นดี ดังนั้นนางจึงนับถือผู้ที่สามารถทำความเข้าใจทฤษฎีทั้งหลายและสามารถประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาได้
ดังนั้นนางจึงเข้ากับซูเฉินได้ดีนัก
ซูเฉินหัวร่อ “อาจารย์ส่วนตัวสั่งให้ข้าทำเช่นนี้ ถึงจะอยากปฏิเสธแต่ก็ไม่อาจทำได้”
“หือ ? ตาแก่ฉือไคฮวงเป็นคนสั่งให้เจ้ามาหรือ ? งั้นแล้วครั้งนี้ตาแก่มีแผนการชั่วร้ายอันใดอีกเล่า ?”
“……” ซูเฉินไม่รู้จะตอบอย่างไร
จีหานเยี่ยนพูดขึ้น “ช่างเถอะ ไม่ว่าจะมีเหตุผลอันใด เจ้าเต็มใจเข้าประลองก็นับว่าดีมากแล้ว เราไม่ได้คุยกันหลายวันแล้ว ไปกันเถอะ !”
นางคว้าแขนซูเฉินแล้วดึงให้เดินตามนางไป
“ไปที่ใด ?” ซูเฉินสับสนไม่น้อยขณะที่ถูกจีหานเยี่ยนลากตัวไป
“วันนี้เจ้าแข่งเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ ? ไปประลองกันที่ลานประลองเถอะ”
เมื่อได้ยินว่าจีหานเยี่ยนอยากประลองกับเขา ซูเฉินเอ่ยเสียงล้า “นี่ เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนั้น ? หลังการประลองการจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยนเริ่มแล้วก็ยังมีโอกาสประลองอีกตั้งมาก”
การประลองจัดอันดับนั้นไม่ใช่การแข่งแบบคัดคนออก แต่เป็นการแข่งเก็บคะแนน ศิษย์ทั้งหลายจะได้อันดับก็ต่อเมื่อเข้าประลองหลากหลายครั้งเพื่อเก็บคะแนน
ด้วยความแข็งแกร่งของซูเฉินในปัจจุบัน มีโอกาสสูงมากที่เขาจะได้เจอกับจีหานเยี่ยน
จีหานเยี่ยนกลับตอบ “ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว”
“สายไปแล้ว ? เจ้าหมายความว่า ?” ซูเฉินไม่เข้าใจคำนาง
“เรือนทรัพย์มั่งคั่งนั่นตั้งพนันข้างเจ้า” จีหานเยี่ยนเอ่ย
เรือนทรัพย์มั่งคั่งคือสถานพนันที่อยู่ภายในสถาบันมังกรซ่อนเร้น เป็นร้านที่เปิดและดำเนินการโดยศิษย์หลากหลายคน ในการประลองสิ้นปีทุกครั้ง พวกเขาจะตั้งพนันกับศิษย์ทุกคนที่มีชื่อในการจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยน สถาบันมังกรซ่อนเร้นไม่ได้สั่งห้ามการกระทำเช่นนี้ แต่ก็มีข้อห้ามว่าไม่อาจเดิมพันเกินหินพลังต้นกำเนิด 500 ก้อนได้
“เจ้ารู้ไหมเดิมพันกันอัตราเท่าไร ?”
“เท่าไร ?” ซูเฉินถามโดยสัญชาตญาณ
“ได้หนึ่งใน 100 อันดับแรกจ่าย 1:1.88 ได้หนึ่งใน 50 อันดับจ่าย 1:3.67 ได้หนึ่งใน 20 อันดับจ่าย 1:8 หากได้หนึ่งใน 10 อันดับจ่าย 1:15 เป็นสามอันดับแรกจ่าย 1:30 และหากได้อันดับหนึ่งจ่าย 1:50”
“เช่นนั้น……” ซูเฉินถาม
“ย่อมหมายความว่าข้าต้องการประเมินกำลังเจ้าก่อนจึงจะสามารถลงเงินพนันได้ดี” จีหานเยี่ยนตอบตามตรง
“……” ซูเฉิน
จากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยขึ้น “จีหานเยี่ยน”
“หือ ?”
“เจ้าเล่นพนันด้วยหรือ ?”
“แน่นอน ถึงจะเป็นตระกูลชั้นสูง แต่เงินก็ไม่ได้งอกออกมาเช่นใบไม้”
ครึ่งชั่วยามต่อมา จีหานเยี่ยนและซูเฉินก็กลับออกมาจากสนามประลอง
ไม่มีใครรู้ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร อีกทั้งส่วนมากยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการประลองนี้เกิดขึ้น
แต่ก่อนจีหานเยี่ยนจะกลับที่พัก สิ่งแรกที่ทำคือการสั่งให้ข้ารับใช้ให้พนันหินพลังต้นกำเนิด 500 ก้อนสำหรับโอกาสที่ซูเฉินจะติดหนึ่งใน 20 อันดับ
เป็นไปได้นางก็อยากพนันว่าเขาจะสามารถติดหนึ่งใน 10 อันดับได้ หากแต่คำของซูเฉินทำลายความคิดนั้นไปสิ้น
ซูเฉินเอ่ย “ข้าเพียงต้องการติดหนึ่งใน 20 อันดับแรกอย่างปลอดภัย เท่านั้นก็พอแล้ว”
“ติดหนึ่งใน 20 อันดับแรกอย่างปลอดภัย……” นางเอนหลังอยู่บนเก้าอี้โยนในที่พักแล้วพึมพำคำพูดประโยคนั้นซ้ำอีกครา บนใบหน้าเผยรอยยิ้ม “ซูเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่าทางยามเจ้าเอ่ยคำพูดนั้นมันน่าขุ่นเคืองนัก ?”