ตอนที่ 44-1 กำจัดศัตรูหัวใจ

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

ไม่นานเฟยเฟยตามมาหา จิ่งเหิงปัวให้มันกลับไปบอกคนที่เหลือว่าอีกเดี๋ยวตั้งค่ายพักแรมที่นี่ ชดเชยการไปเที่ยวพักผ่อนที่ทำไม่สำเร็จครั้งก่อน ไม่นานกองทัพใหญ่ก็มาแล้ว เจ็ดสังหารมาแล้วก็กระโดดลงบึงโคลนดังตูมๆ จับปลาเหนียนหลายตัวขึ้นมา ชีอี้ดีใจจนลืมตัว ถูกปลาเหนียนกัดหนังนิ้วมือขาด วิ่งวุ่นหาอิงไป๋ให้แบ่งสุรามาล้างแผล อิงไป๋ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตระหนี่เรื่องสุราอย่างเดียว รินให้เขาเพียงหนึ่งหยด ชีอี้แหกปากร้องด่า บอกว่าจะตัดไมตรีกับอิงไป๋ จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าสถานการณ์คล้ายผิดปกติเล็กน้อย

 

 

เผยซูชอบเอาชนะ หวังประลองฝีมือกับอิงไป๋บนบึงโคลนให้ได้ เอ่ยว่าแข่งกันว่าผู้ใดเปื้อนโคลนน้อยที่สุด เก็บผักได้มากที่สุด อิงไป๋มัวแต่ดื่มสุราคร้านจะสนใจเขา เทียนชี่มัวแต่เรียนทำอาหารกับจื่อหรุ่ยยงเสวี่ยไม่ยอมไปด้วย สุดท้ายเหยียลี่ว์ฉีบอกว่ายินดีไปเดินเล่นกับขุนพลน้อย สองคนก็เดินไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งเหยียลี่ว์ฉีกลับมาคนเดียว จิ่งเหิงปัวถามว่า “เผยซูเล่า?”

 

 

เหยียลี่ว์ฉีตอบว่า “ขุนพลน้อยวิ่งเล่นสนุกสนาน ข้าตามไม่ทัน เขาอาจไปเที่ยวเองแล้ว?”

 

 

จิ่งเหิงปัวมองเขาแวบหนึ่ง ในใจสงสารเผยซู เสี่ยวซูซูที่บริสุทธิ์พบเจอจิ้งจอกตัวนี้ก็มีแต่จะโดนแกล้ง

 

 

อาหารเย็นเป็นหน้าที่ของจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ย จิ่งเหิงปัวชี้แนะด้วยตัวเอง อาหาร ได้แก่ เป็ดแปดสมบัติ ผัดอันอ้อเนื้อเส้น ผัดหลูเฮาเต้าหู้แข็ง ปลาเหนียนตุ๋นมะเขือยาว เปี๊ยะรากบัวไส้ขิง ผัดรากบัว ปีกไก่ทอด และน้ำแกงแม่ไก่

 

 

นอกจากผัดรากบัวกับน้ำแกงแม่ไก่ จานอื่นเป็นอาหารที่ไม่มีในต้าฮวง วัตถุดิบ เช่น เต้าหู้แข็ง เกาลัด และหน่อไม้แห้ง จิ่งเหิงปัวบังคับให้อีชีวิ่งลงเขาหลายร้อยลี้ไปซื้อมาจากในเมือง อีชีกลัวว่าจะกลับมาไม่ทันงานเลี้ยง เดินทางหลายร้อยลี้หนึ่งชั่วยามก็เหาะกลับมาแล้ว

 

 

จิ่งเหิงปัวทำไม่เป็น แต่อยู่กับเค้กน้อยมานาน เรื่องกินเชี่ยวชาญแน่นอน ขยับปากสักหน่อยก็พอไหว

 

 

“รินเหล้าปรุงรสผสมซอสถั่วเหลืองหมักเป็ด นึ่งข้าวเหนียวให้สุก หั่นกุนเชียง เห็ดหอม เกาลัด แปะก๊วย หน่อไม้ เต้าหู้แข็ง และหูหลัวปัวเป็นลูกเต๋าผัดรวมกันในหม้อ แล้วค่อยคลุกข้าวเหนียวเป็นไส้เกี๊ยวแปดสมบัติ จากนั้นยัดไส้เกี๊ยวเข้าไปในท้องเป็ด ใช้ด้ายฝ้ายเย็บปิด”

 

 

“ทำน้ำปรุงรสด้วยเครื่องปรุง แล้วค่อยนึ่งเป็ด ราดน้ำปรุงรสบนตัวเป็ด เสร็จแล้วก็เช่นนี้ อีกหนึ่งชั่วยามค่อยยกลง”

 

 

“อันอ้อต้องล้างให้สะอาดก่อน มิฉะนั้นข้างในจะเป็นโคลน เค้กน้อยบอกว่าอันอ้อหนึ่งชั่งน้ำครึ่งชั่ง ต้องผ่าออกล้างทีละต้น จากนั้นหั่นเป็นฝอยละเอียดเช่นเดียวกับเนื้อเส้น เค้กน้อยบอกว่าหนาไปบางไปส่งผลกระทบต่อความอร่อย”

 

 

“ปลาก็อย่าตุ๋นน้ำแดงแกงน้ำใสอย่างเดียว ปลาเหนียนก้างน้อยเนื้อละเอียดเมือกมาก ลองตุ๋นมะเขือยาวดูสิ ครั้งหนึ่งเค้กน้อยตุ๋นหนึ่งหม้อ พวกเราแย่งจนแทบจะตีกัน”

 

 

“เต้าหู้แข็งหั่นเป็นเส้นยาว ผัดกับหลูเฮา รสอ่อนน้ำมันน้อย ไม่นึกว่าพวกเจ้าที่นี่ไม่กล้ากินสิ่งของเช่นหลูเฮานี้ น่าตกใจในสติปัญญาของพวกเจ้าจริงแท้ สิ่งของที่หอมสดชื่นขนาดนี้จะมีพิษได้หรือ? พวกเราที่นั่นขายเจ้าสิ่งนี้ที่ขึ้นตามป่าแพงยิ่งนักเชียว หลูเฮาเต้าหู้อบแห้งเป็นของคู่กัน เสียดายว่าเต้าหู้แข็งของพวกเจ้าที่นี่ทำได้ไม่ค่อยเหนียวนุ่ม เฮ้อคิดถึงเค้กน้อยจัง เต้าหู้แข็งที่เธอทำหอมอร่อยเด้งดึ๋งเช่นนั้น…”

 

 

“รากบัวทำเป็นเปี๊ยะรากบัวล่ะ สับเนื้อให้ละเอียด หั่นรากบัวเป็นลูกเต๋า แล้วค่อยหั่นกุ้งสดแกะเปลือกเป็นลูกเต๋า เติมน้ำมัน เกลือ น้ำตาลสามอย่างคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลม จากนั้นตั้งหม้อใช้ไฟอ่อนเทน้ำมันทอดสองฝั่งให้เหลือง…”

 

 

“ปีกไก่ทอดไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรเลย เอ๊ะพวกเจ้าที่นี่ไม่กินปีกไก่? เคเอฟซีมาพวกเจ้าที่นี่ก็ขาดทุนแล้ว หากมีโคล่าด้วยก็ดีสิ โคล่ากับปีกไก่เป็นอาหารยอดนิยมที่ต้องเตรียมไม่ว่าจะอยู่บ้าน เดินทาง หรือตั้งค่ายเชียวนะ…”

 

 

บนโต๊ะผุพังที่สร้างขึ้นชั่วคราว จิ่งเหิงปัวที่เข้าครัวด้วยตัวเองน้อยครั้งทั้งชี้แนะพลางทอดปีกไก่พลางเจื้อยแจ้ว ทุกผู้คนเบียดกันอยู่ฝั่งหนึ่ง จ้องมองด้วยความสนใจยิ่งนัก องค์ราชินีทำอาหารเป็นด้วย ท่วงท่าที่องค์ราชินีทำอาหารไม่เลวเลย ข้อมือขาวราวหิมะที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อที่ถลกขึ้นไปขององค์ราชินียิ่งไม่เลวเลย!

 

 

จิ่งเหิงปัวให้เทียนชี่เฝ้าหม้อไว้…ไม่เฝ้าไว้แน่นหนาหน่อย ก่อนอาหารขึ้นโต๊ะจะต้องถูกพวกเฮฮาเจ็ดคนนั่นแอบกินหมด

 

 

“อาหารขึ้นโต๊ะแล้วๆ” เจ็ดสังหารแย่งกันยกอาหาร ยกไปด้วยแอบกินไปด้วย จิ่งเหิงปัวกำลังจะนั่งลง นับจำนวนสักหน่อย พบว่าเผยซูยังไม่กลับมา

 

 

“ขาดไปคนหนึ่งเท่ากับคนแย่งอาหารน้อยลง!” เจ็ดสังหารเอ่ย

 

 

“ก่อนหน้านี้เขาคล้ายเอ่ยว่าไม่กินแล้ว” เหยียลี่ว์ฉีเอ่ย

 

 

อิงไป๋เปิดกระบอกสุราแล้ว เตรียมพร้อมกินอาหารแกล้มสุราให้เต็มที่ เทียนชี่หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมา มุ่งสู่เป็ดแปดสมบัติ

 

 

จิ่งเหิงปัวคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นวิ่งออกไปตะโกนว่า “เผยเผย! อิงไป๋เรียกเจ้ากลับมากินข้าว!”

 

 

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเผยซูก็โผล่มาข้างกายนาง ยิ้มแย้มเบิกบานกุมมือของนางไว้ “รู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นห่วงข้า จะต้องเรียกข้า!”

 

 

จิ่งเหิงปัวปาดเหงื่อครั้งหนึ่ง…เจ้าคนนี้กลับมาตั้งนานแล้ว เฝ้าอยู่ฝั่งหนึ่งรอให้เรียก?

 

 

คิดผิดหรือเปล่า ตอนนี้เขายังคาดหวังกับคุณธรรมของเพื่อนเลวฝูงนี้อยู่อีกเหรอ?

 

 

ถ้ารู้แบบนี้นางจะไม่ตะโกนเรียก ให้เขาหิวไส้กิ่วจนตายไปเลย

 

 

เผยซูคล้ายอารมณ์ดียิ่งนัก ประคองนางเดินเข้าไปอย่างหยิ่งผยอง ถีบม้านั่งของทุกผู้คนออกไป เสนอตำแหน่งที่ดีที่สุดให้นาง

 

 

ทว่าผู้ใดก็นั่งไม่ติด…บนโต๊ะเริ่มแย่งชิงแล้ว สองปีกสองขาของเป็ดแปดสมบัติ เพียงกะพริบตาก็อยู่ในมืออีชี เหยียลี่ว์ฉี และเผยซู พอกะพริบตาอีกครั้งก็กองอยู่ในชามข้าวของจิ่งเหิงปัว

 

 

คนที่เหลือเริ่มแย่งชิงตำแหน่งอื่นอย่างรู้ทันกันยิ่งนัก สุดท้ายซานอู่อาศัยหุ่นเชิดแย่งเป็ดครึ่งตัวใหญ่ไป อิงไป๋ลงมือรวดเร็วแย่งเปี๊ยะรากบัวไป เหยียลี่ว์ฉีใช้มือข้างหนึ่งแย่งขาเป็ดให้จิ่งเหิงปัว มืออีกข้างหนึ่งย้ายผัดหลูเฮาเต้าหู้อบแห้งจานนั้นไป มอบให้พี่สาวที่นั่งนิ่งไม่ขยับของเขา เทียนชี่สนใจปีกไก่ทอดจานนั้นยิ่งนัก จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยแม่ครัวสองคนที่ลงมือมากที่สุดได้แต่กินผัดรากบัวจานนั้น จิ่งเหิงปัวคีบขาเป็ดสองข้างที่เผยซูช่วยนางแย่งมาแบ่งให้พวกนางแต่ละคน ถูกเผยซูถลึงตามองด้วยความโกรธ

 

 

ยอดฝีมือกินข้าวนับว่าน่าชม แม้บนโต๊ะแย่งกันจนอาหารเหินว่อน โต๊ะเก้าอี้โคลงเคลง แต่ไม่มีอาหารชิ้นใดร่วงลงพื้นเสียเปล่า บางครั้งแย่งไปแย่งมา อาหารบางชิ้นก็มาอยู่ในชามของจิ่งเหิงปัวกับเหยียลี่ว์สวินหรูอย่างไม่รู้สาเหตุ

 

 

“หอม!” เทียนชี่เคี้ยวปีกไก่ร้องชมว่า “ที่แท้ปีกไก่ทอดกินได้ด้วย!”

 

 

“อร่อย!” เหล่าเจ็ดสังหารแย่งปลาเหนียนเสร็จแล้ว เริ่มแย่งมะเขือยาว

 

 

เฟยเฟยเก็บกระดูกทั้งหมดไป เสียงเคี้ยวกร๊อบแกร๊บดังกังวาน เจ้าหมาโง่แย่งมะเขือยาวได้หลายชิ้น แบกไว้บนสองปีกเยื้องกรายบนต้นไม้ ลากเสียงท่องกลอนว่า “ลำพังนั่งในป่าไผ่ ร้องร่ายดีดพิณวนเวียน มะเขือเคี่ยวตุ๋นปลาเหนียน เนื้อเนียนเลิศล้ำชมเชย”

 

 

อีชีสูญเสียโอกาสสำคัญด้วยเพราะแย่งปีกเป็ดให้จิ่งเหิงปัว หันไปคุ้ยข้าวเหนียวในท้องเป็ดอย่างชาญฉลาด เพียงแต่เขาไม่ได้เสพสุขผู้เดียวได้นานเท่าใด ข้าวแปดสมบัติที่ซึมซับกลิ่นเนื้อเป็ดส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย พลันก่อให้เกิดการแย่งชิงรอบใหม่

 

 

ทานอาหารมื้อหนึ่งอย่างตื่นเต้น คึกคัก เบิกบาน และลืมตัว ทว่ารักสนุกมักทุกข์ถนัด ทุกคนที่กินอย่างมีความสุขล้วนลืมว่าคล้ายจะขาดคนไปหนึ่งคน

 

 

ฉะนั้นยามที่กินได้ครึ่งหนึ่ง เหนือศีรษะดังครืนกึกก้อง

 

 

โคลนเลนเต็มจาน พร้อมกับปลาเหนียนที่กระโดดโลดเต้นหลายสิบตัวร่วงหล่นจากฟากฟ้า กระแทกศีรษะทุกคนดังพลั่กๆ

 

 

“วันนี้ยังไม่มีการทดสอบเลย” เสียงเย็นชาแว่วมาเหนือศีรษะ

 

 

“ไอ้เวรเอ๊ย” จิ่งเหิงปัวคาบปีกไก่ชิ้นหนึ่งได้ก็กระโดดตัวลอย เห็นท่าไม่ดี ลืมเรียกไอ้แก่หนังเหนียวเลย ไอ้แก่หนังเหนียวต้องโกรธมาก ผลลัพธ์ร้ายแรงมาก!

 

 

หมู่นี้ไอ้แก่หนังเหนียวหลบสวินหรู ไม่มีกำลังวังชาไปจัดการนาง เพิ่งใช้ชีวิตสุขสบายได้ไม่กี่วัน นางก็ดีใจจนลืมตัวแล้ว

 

 

“เจ้ายังไม่ได้ทำข้อแรกในข้อสอบเลยนะ” มือข้างหนึ่งพลันปรากฏเหนือศีรษะนาง หิ้วนางขึ้นไป “ยามนี้ไปสอบ!”

 

 

“ช่วยด้วยข้ายังกินไม่อิ่ม…” จิ่งเหิงปัวดิ้นรน “ช่วยด้วยพี่สวินหรูรีบจัดการเขา!”

 

 

ผลลัพธ์ท่านอาจารย์จื่อเวยเคลื่อนไหวเร็วยิ่งขึ้น เงาม่วงที่คล้ายผีกะพริบวูบ วิ่งไปไกลโพ้นแล้ว

 

 

เจ็ดสังหารมองทางนั้น ตะโกนว่า “จบเห่แล้ว เตรียมเก็บศพเถิด ไม่นึกว่ายายเฒ่าปีศาจจะจัดเตรียมหุบเขาโซ่วหลานให้นาง”

 

 

“หมายความว่าอะไร” เหยียลี่ว์สวินหรูพลันถามอย่างระมัดระวัง

 

 

“หุบเขาที่สัตว์มากที่สุด สัตว์ดุร้ายที่สุดแห่งหนึ่งในเขาชีเฟิง”

 

 

“สัตว์เกราะเงินนับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อ่อนแอที่สุดในนั้น”

 

 

“ข้าเคยผ่านมาแล้ว! ไม่เป็นไร! ได้คะแนนที่ดีที่สุด!”

 

 

“นั่นสิ คะแนนที่ดีที่สุด เพียงแขนขาดข้างหนึ่ง”

 

 

เจ็ดสังหารเช็ดปากที่มันแผล็บ ยิ้มแย้มปรีดาจ้องมองทิศทางที่จิ่งเหิงปัวหายไป เอ่ยว่าสงสารเต็มปาก

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูเตะเหยียลี่ว์ฉี “ยืนงงอะไรอยู่? ไปช่วยนาง!”

 

 

“หากโกงคล้ายจะถูกหักคะแนน…” เหยียลี่ว์ฉีลำบากใจเล็กน้อย

 

 

“ไม่ถูกพบเข้าก็พอแล้ว” เหยียลี่ว์สวินหรูฮึดฮัด “ข้าจะไปก่อกวนไอ้แก่หนังเหนียว”

 

 

เรือนร่างเหยียลี่ว์ฉีกะพริบวูบตามไป เผยซูจะไปด้วย เหยียลี่ว์สวินหรูใช้เท้าเกี่ยวไปทางเขา

 

 

เผยซูกระโดดหลบทัน หันหน้ากลับมาถลึงตาใส่ “เจ้าทำอะไร!”

 

 

“ขวางเจ้าไว้!” เหยียลี่ว์สวินหรูเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ตัวสองสามีภรรยาเองร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันอุปสรรค เจ้าไปยุ่งอะไรด้วย?”

 

 

“สองสามีภรรยาที่ใดกัน?” เผยซูถ่มน้ำลาย “ให้เขาไปไม่ให้ข้าไป? หลีกไป!”

 

 

“เจ้าไปแล้วข้าก็จะบอกจื่อเวย ให้เขาหักคะแนนที่โกง เจ้าว่านะ จิ่งเหิงปัวจะด่าเจ้าจนตายหรือไม่?”

 

 

เผยซูถลึงตามองด้วยความโกรธ ดูท่าทางอยากด่าเหยียลี่ว์สวินหรูจนตายเสียก่อนยิ่งนัก

 

 

“ขุนพลน้อย อย่าสิ้นเปลืองความคิดเลย” เหยียลี่ว์สวินหรูชี้เขา ยิ้มแย้มปรีดาเอ่ยว่า “เจ้าอยากสมรสกับจิ่งเหิงปัวไม่ใช่หรือ แต่ข้าจะบอกเจ้าว่านี่มันเสียแรงเปล่า แน่ะ เอ่ยตามมาก่อนได้ก่อน เสี่ยวฉีของข้าเจอจิ่งเหิงปัวเป็นคนแรก เจ้าเป็นคนสุดท้าย เอ่ยตามตำแหน่งฐานะ แม้ขุนพลน้อยเช่นเจ้าเลิศล้ำ แต่เป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว บัดนี้เจ้านับว่าเป็นเพียงลูกน้องของปัวปัว จะมาจากตระกูลใหญ่ ดำรงตำแหน่งราชครูหลายปีสูงส่งสู้เสี่ยวฉีของข้าได้ที่ใด หากเอ่ยตามหน้าตาความสามารถ ฮิๆ ฮิๆ ไม่รู้ว่าปัวปัวจะชอบสีหนูเทาที่อยู่บนร่างเจ้าหรือไม่? สุดท้าย ซ้ำยังสำคัญที่สุด” นางชี้จมูกตนเอง “เอ่ยตามญาติพี่น้องรักใคร่ เสี่ยวฉีมีข้า ปัวปัวชอบข้าที่เป็นพี่สาวผู้นี้ยิ่งนัก เอ่ยกันว่ารักเขารักทุกสิ่งของเขาเจ้าเข้าใจหรือไม่? เจ้าเล่า? เจ้าจะเอาอะไรมาพิชิตใจนาง? ลูกน้องที่มีสีหนูเทาเช่นเดียวกับเจ้าฝูงนั้น?”

 

 

“เหยียลี่ว์สวินหรูด้วยนิสัยนี้ของเจ้าก็สมควรอยู่ได้ไม่นาน…” มังกรร้ายคำราม โมโหจนเลือกวาจาไม่ถูก

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูไม่สนใจไยดี “ใช่แล้ว อยู่ได้ไม่นาน ฉะนั้นข้ายิ่งต้องฉวยโอกาสใช้ช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ที่มีจำกัด ทำเรื่องที่สบายอกสบายใจสักหน่อย เช่น กำจัดศัตรูหัวใจทั้งหมดของน้องชายข้า”

 

 

“ฟิ้ว” ดังขึ้น กระแสหมัดของเผยซูสะบั้นผ่านอากาศ มุ่งสู่หน้าผากเหยียลี่ว์สวินหรู “เจ้ามีคุณสมบัติอะไรกำจัดผู้ใด ข้าจะกำจัดเจ้าก่อน…”

 

 

กระแสหมัดรุนแรง ทะลวงกลางอากาศคล้ายเกิดเสียงระเบิด ผมยาวของเหยียลี่ว์สวินหรูสยายไปข้างหลังดังฟิ้ว แม้แต่หว่างคิ้วยังถูกลมแรงที่แข็งแกร่งนี้ประชิดจนพลันขมวดคิ้ว

 

 

ทว่านางยังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน มุมปากถึงขนาดเกิดรอยยิ้มที่เฝ้าปรารถนาลำพองใจ

 

 

จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยร้องอุทานพุ่งขึ้นมา ทว่ามีคนเร็วยิ่งกว่าเขา เงาคนหลายสายกะพริบวูบ เผยซูกับเหยียลี่ว์สวินหรูถูกทำให้แยกกัน

 

 

กระบอกสุราของอิงไป๋ค้ำอยู่บนแขนเผยซู ถอนใจเอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าข้าขวางไว้เช่นนี้ วันหน้าต้องมีคนโทษว่าข้าเรื่องมาก ทว่าเห็นแก่ที่พวกเราเรืองนามเคียงคู่กัน ข้าช่วยเจ้าสักหน่อยดีกว่า”

 

 

เทียนชี่คว้าแขนของเหยียลี่ว์สวินหรู กระทืบเท้าใส่เผยซู “นิสัยก้าวร้าวของเจ้า หลงกลผู้อื่นอีกแล้ว เจ้าก็ไม่คิดหน่อย หากเจ้าสังหารเหยียลี่ว์สวินหรู หรือว่าเพียงทำให้นางบาดเจ็บ ชาตินี้จิ่งเหิงปัวคงเกลียดเจ้าจริงแล้ว”

 

 

“นางใกล้ตายแล้ว ตั้งใจลากเจ้าไปด้วย ขอเพียงเจ้าทำให้นางที่เป็นคนใกล้ตายบาดเจ็บเสี้ยวเดียว นับแต่นี้จิ่งเหิงปัวก็จะเห็นเจ้าเป็นคนต่ำทราม” อีชีกระซิบข้างหูเผยซูว่า “ไอ้แก่หนังเหนียวเอ่ยไว้ สิ่งที่จัดการยากที่สุดบนโลกนี้คือสตรี เจ้าปล่อยไปหน่อยเถิด”

 

 

เผยซูก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เพียงอารมณ์ร้อน ยากที่จะควบคุมตนเองเวลาโมโห ยามนี้หลายคนชี้แนะ เขาก็พลันได้สติ ฮึดฮัดเสียงหนึ่ง ไม่มองเหยียลี่ว์สวินหรูสักปราดเดียวด้วยซ้ำ เหาะจากไปคล้ายลมระลอกหนึ่ง

 

 

แหย่ไม่ได้ หลบได้

 

 

อิงไป๋ดื่มสุราอึกหนึ่ง มองเหยียลี่ว์สวินหรู ยิ้มแย้มเอ่ยว่า “แม่นางเหยียลี่ว์มากแผนการ เพียงแต่ความปรารถนาที่จะกำจัดศัตรูหัวใจทั้งหมดของน้องชายนี้ ช่างมันเสียดีกว่า มิฉะนั้นเกรงว่าวันนั้นที่เจ้าหลับตาลง คงยากจะสมปรารถนาแล้ว”

 

 

“กงอิ้นใช่หรือไม่?” เหยียลี่ว์สวินหรูตรงไปตรงมายิ่งนัก “ข้าเชื่อว่าบนโลกนี้ไม่มีป้อมปราการที่พิชิตไม่ได้ ข้าเชื่อว่าบนโลกนี้ไม่มีคนที่ถูกทำให้หวั่นไหวไม่ได้ ข้าเชื่อว่าวันเวลาผันผ่าน จากกันยาวนานเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วคงลบล้างความทรงจำกับความรักใคร่ที่เคยมีต่อกัน ข้าเชื่อว่าต่อให้เมล็ดพันธุ์ที่ปลูกไว้ลึกกว่านี้ ดอกไม้ที่ผลิบานงามกว่านี้ หากไม่มีแสงอาทิตย์น้ำฝนน้ำค้างโปรยปราย สุดท้ายก็ย่อมเ**่ยวเฉา”

 

 

อิงไป๋ยิ้มแย้มแฝงนัยลึกล้ำยิ่งขึ้น ชูกระบอกสุราให้เหยียลี่ว์สวินหรู

 

 

“ข้าก็เชื่อ” เขาเอ่ย