ตอนที่ 312

The Divine Nine Dragon Cauldron

นางพูดและเดินเข้ามาพร้อมกับพูดเยาะเย้ย

 

“ถ้าเจ้าถอดหน้ากาก ข้าจะจูบเจ้า”

 

นางจะไม่สงสัยหน้ากากที่ซือหยูไม่เคยถอดออกได้ยังไง?

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตลอดการเดินทาง นางรู้สึกว่าซือหยูนั้นเป็นคนที่นางเคยเจอ

 

แต่นางก็จำไม่ได้ว่าซือหยูเป็นใคร

 

แต่จะโทษนางที่จะจำซือหยูไม่ได้ก็ไม่ได้

 

ประการแรก ตอนที่พวกเขาเจอกันที่เกาะเฉินยี่ เสียงของซือหยูนั้นแหบแห้งเพราะการใช้อรหันต์แปดอักษร เสียงของเขาในตอนนี้แตกต่างจากตอนนั้นมาก

 

ประการที่สอง ด้วยความต่างของฐานพลังหลายขั้น ตอนที่พบกันในเกาะเฉินยี่ ซือหยูเป็นแค่มังกรระดับห้า แต่ตอนนี้เขาเป็นอำมฤตระดับหนึ่งขั้นต้น ความต่างระหว่างพลังนั้นยากที่นางจะเอามาเชื่อมโยงกันได้

 

ซือหยูกลอกตา เขาอย่างจะรีบกลับห้องให้เร็วกว่านี้ และตอนนี้เขากำลังถูกยั่ว

 

ซือหยูแอบหายใจเข้าลึก เขาใช้จังหวะที่ตัวเองยังใจเย็นเดินออกนอกประตู

 

“พักเถอะศิษย์พี่ ข้าจะกลับห้อง”

 

แต่ก่อนที่ซือหยูจะดึงประตูให้เปิด เสียงจากคนโรงเตี๊ยมก็ดังมาจากอีกฝากของประตู

 

“ผู้พักแรมสองคนที่อยู่ข้างใน ข้าขออภัยด้วย โปรดเข้าใจว่าโรงเตี๊ยมมีห้องที่ถูกจองไว้แล้ว ท่านสองคนจะไปอยู่ที่อื่นได้หรือไม่?”

 

รู้ได้เลยว่าผู้พูดกำลังลำบากใจ

 

“ข้ามิอาจโต้แย้งกับคนที่ของไว้ก่อนได้ ข้ายินดีจะจ่ายเงินคืนเป็นสองเท่า”

 

ซือหยูเลิกคิ้ว

 

“จองไว้งั้นรึ? ผู้ใดกัน?”

 

ถ้าพวกเขายังไม่ได้เข้ามาในโรงเตี๊ยม พวกเขาก็ไม่คิดมากถ้ามีคนจองเอาไว้

 

แต่พวกเขาเข้ามาข้างในแล้ว และยังมีคนที่จองมาบังคับให้พวกเขาออกไป ดูเหมือนคนที่จองจะเป็นคนที่หยาบคายยิ่งนัก

 

ปั่ก ปั่ก–

 

เสียงฝีเท้าดังมาจากบันได

 

“แน่นอน เป็นคนที่พวกเจ้ามิอาจต่อกรได้! รีบไปตอนนี้จะเป็นการดี มิเช่นนั้นอาจจะออกไปไม่ได้อีกแม้จะต้องการ!”

 

ตามด้วยเสียงนั้น ชายร่างอ้วนเตี้ยก็มองผู้ตู้แลโรงเตี๊ยมด้วยมือที่ไพล่หลัง

 

“ใช้ไม่ได้! เจ้าทำเรื่องแค่นี้ยังไม่ได้เลย!”

 

เขาอายุประมาณยี่สิบปี ฐานพลังของเขาธรรมดา เขามีพลังเพียงมังกรระดับห้า

 

ซือหยูดูเหมือนจะเคยเห็นคนคนนี้มาก่อน บางทีอาจจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่จ้องมองเขาที่ทางเข้าเมือง

 

“เจ้าไม่ได้ยินข้าเรอะ ออกไปได้แล…”

 

ชายร่างอ้วนหยาบคายมาก เขาจ้องซือหยูกับคนที่เหลือ

 

แต่เมื่อมองเห็นซือหยู เขาก็ตัวแข็งทื่อ

 

ความหยาบคายบนใบหน้าแทนที่ด้วยหน้าที่ถอดสี เขาตัวสั่นและกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

 

เขาจ้องซือหยูด้วยตาที่แทบจะหลุดออกจากเบ้า เขากลัวและชิงชัง

 

“เจ้า…เจ้า…หยินหยู!”

 

แค้นรึ? จิตสังหารของซือหยูปะทุออกมา

 

“เจ้ารู้จักข้ารึ?”

 

อ๊า—–

 

เขาที่ถูกซือหยูถามหน้ากากและรีบเดินลงบันได

 

พวกซือหยูมองหน้ากันไปมา

 

ฉีหยุนเซี่ยงที่เดินเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงเอะอะมองคนที่เดินหนีไป

 

“ข้าว่าเขาชื่อต้วนหยูรึเปล่านะ? เขาเคยสู้กับข้าหนึ่งครั้งในงานประชุมพันธมิตร เขาเป็นแค่มังกรระดับสี่ในตอนนั้น ข้าว่าเขาน่าจะได้เข้าตำหนักเฉินเทียน”

 

ต้วนหยูรึ? ซือหยูคุ้นชื่อนี้

 

แต่ถ้าหากคนในตำหนักเฉินเทียนมาที่นี่ นั่นก็หมายความว่า…

 

ฟึ่บ–

 

คลื่นลมมากมายพุ่งมาจากบันได หนึ่งในนั้นแทบจะมาถึงทันทีและมาถึงชั้นสองก่อนใคร

 

ร่างของเขามีกล้ามเนื้อ รูปลักษณ์ดีและดูแข็งแกร่ง

 

เขาปล่อยจิตสังหารมหาศาลออกมาทันทีเมื่อเห็นซือหยู!

 

รังสีพลังที่น่ากลัวคล้ายกับของหลิงเสี่ยวเทียนแพร่กระจายไปทั่ว

 

ฉีหยุนเซี่ยงหยุดหายใจไปชั่วครู่ แววตาเต็มไปด้วยความชิงชังอย่างลึกซึ้ง

 

“ฮั่น! เจียง! หลิน!”

 

ฮั่นเจียงหลินทำลายครอบครัวของนาง!

 

ใครจะไปคิดว่าจะได้มาเจอกับเขาในวันนี้อีก?

 

ความโกรธแค้นเกือบจะทำให้ฉีหยุนเซี่ยงเสียความเยือกเย็นไป

 

ในตอนนั้นเอง มือใหญ่ได้วางบนไหล่ของนางอย่างอ่อนโยน ปลดปล่อยนางออกจากพลังที่ทำให้นางขยับตัวไม่ได้

 

ซือหยูมองฮั่นเจียงหลินตรงๆด้วยความประหลาดใจ

 

เจ้าพันธมิตรแห่งร้อยดินแดนมีเรื่องอะไรถึงต้องมาอยู่ที่เมืองอันยี่กัน?

 

“หึหึ เจ้าพันธมิตรฮั่น เจ้าเป็นอย่างไรรึ? ไม่เจอกันครึ่งปีแต่เจ้าก็ยังหล่อเช่นทุกที แล้วเจ้าก็ยังคงรังแกผู้คนเหมือนเดิม”

 

ซือหยูหัวเราะเบาๆ รังสีพลังจากฮั่นเจียงหลินทำอะไรเขาไม่ได้

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อฮั่นเจียงหลินได้ยินชื่อหยินหยู พลังของเขาปะทุออกมาจนแทบจะควบคุมไม่ได้

 

แต่ตอนนี้เขาต้องอดทนเอาไว้

 

แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เขาก็ต้องข่มใจเอาไว้

 

ตอนนี้ซือหยูได้เป็นรองเจ้าาตำหนักแห่งอาณาจักรทมิฬแล้ว สถานะของเขาสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเขาสังหารซือหยูต่อหน้าทุกคน สิ่งที่รอเขาอยู่ก็มีแต่ความพิโรธเต็มกำลังของอาณาจักรทมิฬ นั่นเป็นสิ่งที่เขารับมือไม่ได้

 

“หยินหยู!! ครึ่งปีมานี้ทำให้เจ้าเติบโตเยอะพอดู คู่ควรแก่การยินดีนัก!”

 

ฮั่นเจียงหลินกัดฟัน เขาพยายามที่จะไม่ฆ่าซือหยู

 

ซือหยูยิ้ม

 

“เช่นเดียวกันเจ้า บาดแผลของลูกชายเจ้าเป็นอย่างไรงั้นรึ?”

 

เปรี๊ยะ—

 

ฮั่นเจียงหลินกำหมัดแน่น เขาปล่อยจิตสังหารออกมาทั่วร่าง

 

เขาถึงขีดกำจัดแล้ว!

 

แววตาเขาแดงดั่งโลหิตราวกับสัตว์ป่าที่กำลังจะล่าเหยื่อ ฟันในปากบดขยี้กันเอง

 

“ต้องขอบคุณเจ้า เขาตายไปแล้ว!”

 

ก่อนหน้านี้ ลูกชายเขาถูกซือหยูทำร้ายจนเหลือเพียงลมหายใจ

 

และโอสถฟื้นฟูกายาอันแสนสำคัญก็ถูกซือหยูชิงไปในงานประชุมพันธมิตร

 

นอกจากความตายก็ไม่มีชะตาอื่นให้กับบุตรชายของเขา

 

ซือหยูลูบใบหูตัวเอง

 

“เช่นนั้นรึ ข้าเสียใจด้วยนะ”

 

ปั่ก ปั่ก ปั่ก–

 

ทันใดนั้นเอง สองคนเดินเข้ามา

 

เป็นชายหนุ่มและสตรี

 

บุรุษนั้นอายุประมาณยี่สิบปี รูปลักษณ์ของเขาดูธรรมดาแต่ก็ดูดุร้ายเล็กน้อย แววตาเขาเหมือนกับอสรพิษร้าย

 

แต่พลังของเขาอยู่ที่อำมฤตระดับสามขั้นต้น!

 

ส่วนสตรีนั้นอายุประมาณสามสิบปี

 

รูปลักษณ์ของนางธรรมดา นางหยิ่งยโส ผลักทุกคนให้หากจากตัว

 

แต่พลังของนางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นางมีพลังอำมฤตระดับสามขั้นสูง อีกไม่นานจะได้เป็นอำมฤตระดับสี่

 

ชายหนุ่มไม่คิดจะมองกลุ่มซือหยู เขาพูดอย่างประหลาดใจ

 

“ท่านอาจารย์ หยินหยูอยู่ที่นี่จริงๆรึ?”

 

อาจารย์รึ?

 

ฉีหยุนเซี่ยงที่ยืนหลังซือหยูมองไปยังชายหนุ่ม ความชิงชังของนางเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นางยิ้มเยาะ

 

“เกาคังแห่งสามราชันย์สวรรค์ของตำหนักเฉินเทียนเปลี่ยนใจเร็วนัก ยอมรับเจ้าคนชั่วนี่เป็นอาจารย์แล้วรึ?”

 

“พ่อข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลยตอนที่เจ้าอยู่ในตำหนักเฉินเทียน!”

 

ชายหนุ่มคือเกาคัง

 

เมื่อได้ยินเขาก็หลบสายตา เขาสีหน้าหม่นหมอง

 

“หยุน…หยุนเซี่ยง”

 

บุตรสาวของเจ้าตำหนัก สตรีที่งดงามที่สุดในตำหนักเฉินเทียนเมื่อครั้งอดีต คนในพันธมิตรคนใดกันที่จะไม่ต้องการความงดงามของนาง?

 

เกาคังเกิดมาในครอบครัวที่แร้นแค้น เจ้าตำหนักฉีคือตำนานที่เขาได้แต่แหงนหน้ามอง

 

บุตรสาวของเขางดงามและบริสุทธิ์ ตัวตนของนางสูงส่ง เขาเคยแอบหวังจะแต่งงานกับฉีหยุนเซี่ยงและได้เป็นบุตรเขยของเจ้าตำหนักฉีอยู่หลายครั้ง

 

แต่ในวันนี้ เจ้าตำหนักฉีอยู่ที่ใดมิอาจทราบได้ ฮั่นเจียงหลินได้กลายเป็นผู้ที่ทรงอำนาจสูงสุดในร้อยดินแดน

 

เมื่อฮั่นเจียงหลินบอกว่าอยากเป็นอาจารย์ของเขา เขาก็ไม่ตัดสินใจนานก่อนจะมาอยู่ใต้เจ้าพันธมิตรฮั่น

 

นี่คือโอกาสเดียวในชีวิตของเขา