ส่วนสองราชันย์สวรรค์ที่เหลือนั้นปฏิเสธการสงบศึกของฮั่นเจียงหลินและถูกจองจำในที่สุด
นี่คือการปฏิบัติต่อเหล่ายอดฝีมือระดับแนวหน้า ส่วนศิษย์ที่เหลือที่ไม่ยอมจำนนในอำนาจล้วนถูกเขาฆ่าทิ้ง!
ดังนั้นจำนวนศิษย์ในตำหนักเฉินเทียนจึงลดลงไปกว่าครึ่ง!
ความหวังของเกาคังหายไปเมื่อได้เจอกับฉีหยุนเซี่ยงอีกครั้ง เขาเหลือเพียงแต่ความเสียใจกับสิ่งที่เขาไม่มีวันทำสำเร็จ
“หยุนเซี่ยง ฟังข้าอธิบายก่อน! เจ้าตำหนักฮั่นเป็นคนที่ยิ่งใหญ่และทะเยอทะยานมาก ด้วยความชี้แนะของเขา เหล่ายอดฝีมือในร้อยดินแดนต่างได้มีโอากสร้างชื่อด้วยตนเอง!”
“หยุนเซี่ยง วางความเกลียดชังต่อเจ้าพันธมิตรฮั่นของเจ้าลงเถอะ เจ้าพันธมิตรฮั่นมิใช่คนใจแคบอย่างที่เจ้าคิด ถ้าเจ้าคิดจะกลับมา เจ้าพันธมิตรฮั่นจะต้องให้โอกาสเจ้าแน่นอน…”
ฉีหยุนเซี่ยงโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
ตอนที่พ่อของนางยังอยู่ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยเหลือสามราชันย์สวรรค์และยังให้โอกาสกับพวกเขาก่อน!
แต่เกาคังกลับหันหลังให้เจ้าตำหนักฉีและยอมรับศัตรูเป็นอาจารย์!
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นไป เพราะอย่างไรเขาก็ยกยอศัตรูของพ่อนาง เขาทำอย่างกับเขาไม่ได้อะไรเลยตอนที่พ่อนางยังอยู่ในตำหนักเฉินเทียน!
และเขาก็ยังสร้างข้ออ้างเพื่อให้นางยกโทษต่อศัตรูที่สังหารพ่อของนาง!
ฉีหยุนเซี่ยงโกรธแค้นเป็นอย่างมาก!
เมื่อเห็นฉีหยุนเซี่ยงเงียบ เกาคังคิดว่าเขาได้ทำให้นางประทับใจ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้นและเปี่ยมด้วยควาสมรัก
“หยุนเซี่ยง โปรดกลับมาเถอะ แทนที่จะเร่ร่อนไปที่โลกภายนอก ทำไมไม่กลับตำหนักเฉินเทียนเล่า? เจ้าจะเป็นองค์หญิงที่เหนือว่าคนมากมายดังเดิม ถ้าเจ้าเต็มใจ ข้าจะให้เจ้าอยู่กับข้าไปตลอดครึ่งชีวิตที่เหลื….”
ขณะที่เขากำลังหยินยื่นความรัก เสียงกระแอมดังขึ้นทำลายบรรยากาศ
“โขลก โขลก…เจ้าคือเกาคังใช่หรือไม่?”
ซือหยูลูบไหล่ของฉีหยุนเซี่ยงและทำให้ร่างอันสั่นเทิ้มเยือกเย็นลงมาก
“แม้เจ้าตำหนักฉีจะเอื้อเฟื้อต่อเจ้า เจ้าก็ยังหันหลังให้และเข้าร่วมกับศัตรู นั่นคือความไม่รู้สำนึก ไม่ว่าเจ้าจะเลียแข้งเลียขาเจ้าพันธมิตรฮั่นเท่าใดเพื่อความบริสุทธิ์ ความจริงข้อนี้ก็ไม่มีวันล้างออกไปได้!”
“เจ้าเกลี้ยกล่อมให้ฉีหยุนเซี่ยงลืมความตายของพ่อนาง…เจ้ามันน่ารังเกียจยิ่งกว่าเดรัจฉาน หยุดทำตัวไร้ยางอายและเกลี้ยกล่อมคนให้เป็นอย่างเจ้าได้แล้ว”
ซือหยูส่ายหัวด้วยความผิดหวังและมองฮั่นเจียงหลิน
“เจ้าตัดสินใจได้ดี หากมันทรยศเจ้าตำหนักฉีวันนี้ หมายความว่าพรุ่งนี้มันก็ทรยศเจ้าได้ นกสองหัวเช่นนี้เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ เจ้าพันธมิตรฮั่นเป็นคนที่กินทุกที่เมื่อหิวงั้นรึ? เพราะอย่างนั้นเจ้าก็เลยยอมรับขยะทุกชนิดมาเป็นศิษย์เช่นนี้?”
การเยาะเย้ยถากถางพุ่งแทงจิตใจทำให้เกาคังหน้าแดงก่ำ
สิ่งต้องห้ามสำหรับเขาก็คือคนที่เยาะเย้ยเขาว่าเป็นคนไม่รู้สำนึก!
“หุบปาก! ข้าแค่คิดถึงความสุขของฉีหยุนเซี่ยง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? เจ้าก็แค่พูดจาใส่ร้ายทุกคน แล้วก็เอามือสกปรกของเจ้าออกจากฉีหยุนเซี่ยงซะ!”
ซือหยูกุมไหล่ทั้งสองข้างของฉีหยุนเซี่ยงดังเดิม หลังจากที่รู้สึกว่านางใจเย็นลง เขาก็เอามือออกโดยไม่รู้ตัว
แต่ฉีหยุนเซี่ยงก็เอนกายมาหาเขาอย่างเคยราวกับเป็นหญิงสาวผู้สิ้นหวังที่ไม่คิดจะออกจากที่หลบภัย
เกาคังที่ได้เห็นโกรธแค้นเป็นอย่างมาก!
เทพีลำดับหนึ่งแห่งพันธมิตรร้อยดินแดนและยังเป็นนางฟ้าในฝันของคนนับไม่ถ้วน ได้อยู่ในครอบครองของหยินหยูแล้วงั้นรึ?
“เจ้าต้องให้ข้าพูดอีกรอบหรือไม่? หยุด…”
ซือหยูพูดแทรกอย่างไม่ปรานีและขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง
“แม้เจ้าจะไม่รู้สำนึก เจ้าก็ยังทนไม่ได้เมื่อถูกคนว่ากล่าวรึ?”
“มองหน้าตัวเองในกระจกเสียบ้าง ทุกคนที่มองเจ้าก็ขยะแขยงกันหมด!”
สำหรับซือหยูที่นับถือน้ำใจผู้คนอย่างมาก คนที่ไม่รู้สำนึกคือคนที่เขาเกลียดชังที่สุด
“เจ้า….”
เกาคังโกรธจนดวงตาแทบจะปล่อยเพลิงออกมา
ฮั่นเจียงหลินที่อยู่ข้างๆสีหน้าไม่พอใจ
“หยินหยู ข้าจองที่นี่ไว้ทั้งหลัง เจ้าออกไปได้แล้ว!”
เขาไม่คิดจะโต้แย้งกับซือหยูอีก เพราะอย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่ถูกที่ควร
แต่ซือหยูก็ใจเย็นจนทุกคนตกใจ เขาประสานหมัดและยืนขึ้น
“เจ้าคิดว่าข้าจะไปเพียงเพราะเจ้าให้ข้าไปงั้นรึ? ข้ามาที่นี่ก่อน พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่โดยมีข้า”
เกาคังตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าโง่พอที่จะปฏิเสธการไว้หน้าเช่นนี้รึ พวกข้าพูดกับเจ้าอย่างเอื้เฟื้อ เจ้าไม่คิดจะแสดงความเกรงใจบ้างรึ?”
ซือหยูมองรอบๆ
“ถ้าพวกเจ้าวิเศษนักทำไมไม่จองโรงเตี๊ยมทั้งเมืองอันยี่เล่า ถ้าพวกเจ้ายิ่งใหญ่นัก ทำไมต้องมาจองโรงเตี๊ยมเล็กๆนี่กัน?”
โรงเตี๊ยมนี้ธรามดาไม่เตะตานัก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรหรูหราให้เสพสุข
แต่ฮั่นเจียงหลินก็จองที่นี่ทุกห้องในทันที ทำให้ซือหยูแอบเดาว่าเขาจะต้องมีเหตุแอบแฝง
ราวกับฮั่นเจียงหลินไม่คิดจะทำอะไรอย่างเปิดเผย เขาจึงเลือกโรงเตี๊ยมที่ห่างไกลตัวเมืองเช่นนี้
และเขายังจองทั้งโรงเตี๊ยม เพื่อที่จะได้ไม่มีคนแปลกหน้า
หรือว่าเขากำลังจะทำสิ่งผิดกฎหมาย?
เกาคังดูเหยียดหยามจนหน้าแดง ถ้าไม่ใช่เพราะฮั่นเจียงหลินที่อยู่กับเขา เขาก็คงจะซัดพลังใส่ซือหยูให้หุบปากไปแล้ว
ฮั่นเจียงหลินจ้องซือหยูอย่างเย็นชา
“อย่างไรก็ยังมีทางออก หยินหยู เจ้าระวังตัวให้ดี! พวกข้าจะไป!”
“พวกเขาทำให้โรงเตี๊ยมวุ่นวายและมีโอกาสสูงที่เจ้าพันธมิตรฮั่นจะถูกเผยตัว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้พวกเขาต้องโต้เถียงกันในโรงเตี๊ยม”
ใบหน้าเกาคังโศกเศร้า แต่เขาก็ทำได้เพียงลืมความไม่พอใจและออกไปพร้อมกับฮั่นเจียงหลิน
หลังจากที่คนจากร้อยดินแดนออกไป ซือหยูก็คิดอะไรขึ้นมาได้
“เร็วๆนี้ที่เมืองอันยี่จะมีงานอะไรงั้นรึ?”
คนโรงเตี๊ยมที่ถูกถามงุนงง
“หรือว่าพวกท่านจะไม่ได้มาเพราะการประมูลของตระกูลตู่?”
เอ๋? ซือหยูกับฮั่วฉีหลานคิ้วกระตุกพร้อมกัน
คนโรงเตี๊ยมหัวเราะ
“เช่นนั้นพวกท่านก็ไม่รู้จริงๆสินะ?”
“การประมูลของตระกูลตู่จะจัดทุกสองปี พวกเขาจะส่งบัตรเชิญไปให้เหล่าขุมกำลังจากทวีป พวกท่านจะต้องไม่ใช่คนของกุมกำลังแน่ถึงไม่ได้บัตรเชิญ”
เมื่อซือหยูนึกถึงสองคนที่มาจากหอสดับหิมะเขาก็เข้าใจ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ที่นั่นก็จะมีคนของวิหคเพลิงด้วยใช่หรือไม่? เซี่ยนเอ๋อจะมาไหมนะ? จิตใจซือหยูอบอุ่นขึ้น เขาคาดหวังขึ้นมาทันที
ฮั่วฉีหลานพูดหลังจากที่ครุ่นคิด
“การประมูลของตระกูลตู่รึ? มันพิเศษอย่างไรกัน?”
คนโรงเตี๊ยมส่ายหัวตอบนาง เพราะเขาก็ไม่รู้เช่นกัน
“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรพิเศษในการประมูลสินะ มันใกล้กับป่าทมิฬมาก ดังนั้นจึงมีต้นธาตุจักรวาลที่หาได้ยากจากโลกภายนอก”
“ยอดฝีมือจะมอบของให้กับตระกูลตู่ที่จะทำการประมูลเพื่อเอาค่าธรรมเนียมตอบแทน เป็นเช่นนั้น”
“เพราะการประมูลจะจัดขึ้นทุกครึ่งปีและที่ประมูลอยู่ใกล้กับป่าทมิฬ ของคุณภาพดีจึงมักจะปรากฏในงาน นั่นจึงเป็นเหตุที่คนจากอาณาจักรทมิฬอย่างพวกเจ้าไม่ได้รับบัตรเชิญ ข้าเกรงว่าเจ้าตำหนักฉีหลานก็รู้ดียิ่งกว่าใคร”
ฮั่วฉีหลานถอนหายใจแรง
“ฮื่ม! ตระกูลตู่ก็แค่กลัวหลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับอาณาจักรทมิฬ”
“แปดตระกูล ฉิน ชี่ หมิง ยี่ กุย ตู่ หวัง ลี่ ที่เทียบเท่าอาณาจักรทมิฬในยุครุ่งเรื่องที่สุด พวกนั้นเผชิญหน้ากับอาณาจักรทมิฬได้เลย”
“ในประวัติศาสตร์หลายหมื่นปีของอาณาจักรทมิฬ ทุกครั้งที่พวกเราตกต่ำ หนึ่งในแปดตระกูลก็จะรุ่งเรือง เมื่อพวกเรารุ่งเรือง แปดตระกูลก็จะตกต่ำลงไป”
“ตระกูลตู่คือหนึ่งในแปดตระกูลโบราณ ทำไมพวกนั้นไม่ส่งบัตรเชิญให้พวกเรากัน?”
ซือหยูที่ได้ฟังเข้าใจสถานการณ์ แปดตระกูลโบราณกับอาณาจักรทมิฬมีเรื่องราวเป็นมาเช่นนี้เอง
“เช่นนั้น ตอนนี้ระหว่างแปดตระกูลกับอาณาจักรทมิฬ…ใครเหนือกว่ากันรึ?”
ซือหยูสงสัย
ฮั่วฉีหลานโกรธซือหยู
“ก็ต้องเป็นอาณาจักรทมิฬสิ! ราชาแห่งความมืดรุ่นนี้มีพลังที่น่าตกใจและเหนือว่าราชาแห่งความมืดทุกรุ่น ด้วยการนำของราชา พวกเราเหนือกว่าแปดตระกูลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!”