ตอนที่ 313

The Divine Nine Dragon Cauldron

ส่วนสองราชันย์สวรรค์ที่เหลือนั้นปฏิเสธการสงบศึกของฮั่นเจียงหลินและถูกจองจำในที่สุด

 

นี่คือการปฏิบัติต่อเหล่ายอดฝีมือระดับแนวหน้า ส่วนศิษย์ที่เหลือที่ไม่ยอมจำนนในอำนาจล้วนถูกเขาฆ่าทิ้ง!

 

ดังนั้นจำนวนศิษย์ในตำหนักเฉินเทียนจึงลดลงไปกว่าครึ่ง!

 

ความหวังของเกาคังหายไปเมื่อได้เจอกับฉีหยุนเซี่ยงอีกครั้ง เขาเหลือเพียงแต่ความเสียใจกับสิ่งที่เขาไม่มีวันทำสำเร็จ

 

“หยุนเซี่ยง ฟังข้าอธิบายก่อน! เจ้าตำหนักฮั่นเป็นคนที่ยิ่งใหญ่และทะเยอทะยานมาก ด้วยความชี้แนะของเขา เหล่ายอดฝีมือในร้อยดินแดนต่างได้มีโอากสร้างชื่อด้วยตนเอง!”

 

“หยุนเซี่ยง วางความเกลียดชังต่อเจ้าพันธมิตรฮั่นของเจ้าลงเถอะ เจ้าพันธมิตรฮั่นมิใช่คนใจแคบอย่างที่เจ้าคิด ถ้าเจ้าคิดจะกลับมา เจ้าพันธมิตรฮั่นจะต้องให้โอกาสเจ้าแน่นอน…”

 

ฉีหยุนเซี่ยงโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

 

ตอนที่พ่อของนางยังอยู่ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยเหลือสามราชันย์สวรรค์และยังให้โอกาสกับพวกเขาก่อน!

 

แต่เกาคังกลับหันหลังให้เจ้าตำหนักฉีและยอมรับศัตรูเป็นอาจารย์!

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นไป เพราะอย่างไรเขาก็ยกยอศัตรูของพ่อนาง เขาทำอย่างกับเขาไม่ได้อะไรเลยตอนที่พ่อนางยังอยู่ในตำหนักเฉินเทียน!

 

และเขาก็ยังสร้างข้ออ้างเพื่อให้นางยกโทษต่อศัตรูที่สังหารพ่อของนาง!

 

ฉีหยุนเซี่ยงโกรธแค้นเป็นอย่างมาก!

 

เมื่อเห็นฉีหยุนเซี่ยงเงียบ เกาคังคิดว่าเขาได้ทำให้นางประทับใจ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้นและเปี่ยมด้วยควาสมรัก

 

“หยุนเซี่ยง โปรดกลับมาเถอะ แทนที่จะเร่ร่อนไปที่โลกภายนอก ทำไมไม่กลับตำหนักเฉินเทียนเล่า? เจ้าจะเป็นองค์หญิงที่เหนือว่าคนมากมายดังเดิม ถ้าเจ้าเต็มใจ ข้าจะให้เจ้าอยู่กับข้าไปตลอดครึ่งชีวิตที่เหลื….”

 

ขณะที่เขากำลังหยินยื่นความรัก เสียงกระแอมดังขึ้นทำลายบรรยากาศ

 

“โขลก โขลก…เจ้าคือเกาคังใช่หรือไม่?”

 

ซือหยูลูบไหล่ของฉีหยุนเซี่ยงและทำให้ร่างอันสั่นเทิ้มเยือกเย็นลงมาก

 

“แม้เจ้าตำหนักฉีจะเอื้อเฟื้อต่อเจ้า เจ้าก็ยังหันหลังให้และเข้าร่วมกับศัตรู นั่นคือความไม่รู้สำนึก ไม่ว่าเจ้าจะเลียแข้งเลียขาเจ้าพันธมิตรฮั่นเท่าใดเพื่อความบริสุทธิ์ ความจริงข้อนี้ก็ไม่มีวันล้างออกไปได้!”

 

“เจ้าเกลี้ยกล่อมให้ฉีหยุนเซี่ยงลืมความตายของพ่อนาง…เจ้ามันน่ารังเกียจยิ่งกว่าเดรัจฉาน หยุดทำตัวไร้ยางอายและเกลี้ยกล่อมคนให้เป็นอย่างเจ้าได้แล้ว”

 

ซือหยูส่ายหัวด้วยความผิดหวังและมองฮั่นเจียงหลิน

 

“เจ้าตัดสินใจได้ดี หากมันทรยศเจ้าตำหนักฉีวันนี้ หมายความว่าพรุ่งนี้มันก็ทรยศเจ้าได้ นกสองหัวเช่นนี้เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ เจ้าพันธมิตรฮั่นเป็นคนที่กินทุกที่เมื่อหิวงั้นรึ? เพราะอย่างนั้นเจ้าก็เลยยอมรับขยะทุกชนิดมาเป็นศิษย์เช่นนี้?”

 

การเยาะเย้ยถากถางพุ่งแทงจิตใจทำให้เกาคังหน้าแดงก่ำ

 

สิ่งต้องห้ามสำหรับเขาก็คือคนที่เยาะเย้ยเขาว่าเป็นคนไม่รู้สำนึก!

 

“หุบปาก! ข้าแค่คิดถึงความสุขของฉีหยุนเซี่ยง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? เจ้าก็แค่พูดจาใส่ร้ายทุกคน แล้วก็เอามือสกปรกของเจ้าออกจากฉีหยุนเซี่ยงซะ!”

 

ซือหยูกุมไหล่ทั้งสองข้างของฉีหยุนเซี่ยงดังเดิม หลังจากที่รู้สึกว่านางใจเย็นลง เขาก็เอามือออกโดยไม่รู้ตัว

 

แต่ฉีหยุนเซี่ยงก็เอนกายมาหาเขาอย่างเคยราวกับเป็นหญิงสาวผู้สิ้นหวังที่ไม่คิดจะออกจากที่หลบภัย

 

เกาคังที่ได้เห็นโกรธแค้นเป็นอย่างมาก!

 

เทพีลำดับหนึ่งแห่งพันธมิตรร้อยดินแดนและยังเป็นนางฟ้าในฝันของคนนับไม่ถ้วน ได้อยู่ในครอบครองของหยินหยูแล้วงั้นรึ?

 

“เจ้าต้องให้ข้าพูดอีกรอบหรือไม่? หยุด…”

 

ซือหยูพูดแทรกอย่างไม่ปรานีและขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง

 

“แม้เจ้าจะไม่รู้สำนึก เจ้าก็ยังทนไม่ได้เมื่อถูกคนว่ากล่าวรึ?”

 

“มองหน้าตัวเองในกระจกเสียบ้าง ทุกคนที่มองเจ้าก็ขยะแขยงกันหมด!”

 

สำหรับซือหยูที่นับถือน้ำใจผู้คนอย่างมาก คนที่ไม่รู้สำนึกคือคนที่เขาเกลียดชังที่สุด

 

“เจ้า….”

 

เกาคังโกรธจนดวงตาแทบจะปล่อยเพลิงออกมา

 

ฮั่นเจียงหลินที่อยู่ข้างๆสีหน้าไม่พอใจ

 

“หยินหยู ข้าจองที่นี่ไว้ทั้งหลัง เจ้าออกไปได้แล้ว!”

 

เขาไม่คิดจะโต้แย้งกับซือหยูอีก เพราะอย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่ถูกที่ควร

 

แต่ซือหยูก็ใจเย็นจนทุกคนตกใจ เขาประสานหมัดและยืนขึ้น

 

“เจ้าคิดว่าข้าจะไปเพียงเพราะเจ้าให้ข้าไปงั้นรึ? ข้ามาที่นี่ก่อน พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่โดยมีข้า”

 

เกาคังตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“เจ้าโง่พอที่จะปฏิเสธการไว้หน้าเช่นนี้รึ พวกข้าพูดกับเจ้าอย่างเอื้เฟื้อ เจ้าไม่คิดจะแสดงความเกรงใจบ้างรึ?”

 

ซือหยูมองรอบๆ

 

“ถ้าพวกเจ้าวิเศษนักทำไมไม่จองโรงเตี๊ยมทั้งเมืองอันยี่เล่า ถ้าพวกเจ้ายิ่งใหญ่นัก ทำไมต้องมาจองโรงเตี๊ยมเล็กๆนี่กัน?”

 

โรงเตี๊ยมนี้ธรามดาไม่เตะตานัก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรหรูหราให้เสพสุข

 

แต่ฮั่นเจียงหลินก็จองที่นี่ทุกห้องในทันที ทำให้ซือหยูแอบเดาว่าเขาจะต้องมีเหตุแอบแฝง

 

ราวกับฮั่นเจียงหลินไม่คิดจะทำอะไรอย่างเปิดเผย เขาจึงเลือกโรงเตี๊ยมที่ห่างไกลตัวเมืองเช่นนี้

 

และเขายังจองทั้งโรงเตี๊ยม เพื่อที่จะได้ไม่มีคนแปลกหน้า

 

หรือว่าเขากำลังจะทำสิ่งผิดกฎหมาย?

 

เกาคังดูเหยียดหยามจนหน้าแดง ถ้าไม่ใช่เพราะฮั่นเจียงหลินที่อยู่กับเขา เขาก็คงจะซัดพลังใส่ซือหยูให้หุบปากไปแล้ว

 

ฮั่นเจียงหลินจ้องซือหยูอย่างเย็นชา

 

“อย่างไรก็ยังมีทางออก หยินหยู เจ้าระวังตัวให้ดี! พวกข้าจะไป!”

 

“พวกเขาทำให้โรงเตี๊ยมวุ่นวายและมีโอกาสสูงที่เจ้าพันธมิตรฮั่นจะถูกเผยตัว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้พวกเขาต้องโต้เถียงกันในโรงเตี๊ยม”

 

ใบหน้าเกาคังโศกเศร้า แต่เขาก็ทำได้เพียงลืมความไม่พอใจและออกไปพร้อมกับฮั่นเจียงหลิน

 

หลังจากที่คนจากร้อยดินแดนออกไป ซือหยูก็คิดอะไรขึ้นมาได้

 

“เร็วๆนี้ที่เมืองอันยี่จะมีงานอะไรงั้นรึ?”

 

คนโรงเตี๊ยมที่ถูกถามงุนงง

 

“หรือว่าพวกท่านจะไม่ได้มาเพราะการประมูลของตระกูลตู่?”

 

เอ๋? ซือหยูกับฮั่วฉีหลานคิ้วกระตุกพร้อมกัน

 

คนโรงเตี๊ยมหัวเราะ

 

“เช่นนั้นพวกท่านก็ไม่รู้จริงๆสินะ?”

 

“การประมูลของตระกูลตู่จะจัดทุกสองปี พวกเขาจะส่งบัตรเชิญไปให้เหล่าขุมกำลังจากทวีป พวกท่านจะต้องไม่ใช่คนของกุมกำลังแน่ถึงไม่ได้บัตรเชิญ”

 

เมื่อซือหยูนึกถึงสองคนที่มาจากหอสดับหิมะเขาก็เข้าใจ

 

ถ้าเป็นเช่นนั้น ที่นั่นก็จะมีคนของวิหคเพลิงด้วยใช่หรือไม่? เซี่ยนเอ๋อจะมาไหมนะ? จิตใจซือหยูอบอุ่นขึ้น เขาคาดหวังขึ้นมาทันที

 

ฮั่วฉีหลานพูดหลังจากที่ครุ่นคิด

 

“การประมูลของตระกูลตู่รึ? มันพิเศษอย่างไรกัน?”

 

คนโรงเตี๊ยมส่ายหัวตอบนาง เพราะเขาก็ไม่รู้เช่นกัน

 

“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรพิเศษในการประมูลสินะ มันใกล้กับป่าทมิฬมาก ดังนั้นจึงมีต้นธาตุจักรวาลที่หาได้ยากจากโลกภายนอก”

 

“ยอดฝีมือจะมอบของให้กับตระกูลตู่ที่จะทำการประมูลเพื่อเอาค่าธรรมเนียมตอบแทน เป็นเช่นนั้น”

 

“เพราะการประมูลจะจัดขึ้นทุกครึ่งปีและที่ประมูลอยู่ใกล้กับป่าทมิฬ ของคุณภาพดีจึงมักจะปรากฏในงาน นั่นจึงเป็นเหตุที่คนจากอาณาจักรทมิฬอย่างพวกเจ้าไม่ได้รับบัตรเชิญ ข้าเกรงว่าเจ้าตำหนักฉีหลานก็รู้ดียิ่งกว่าใคร”

 

ฮั่วฉีหลานถอนหายใจแรง

 

“ฮื่ม! ตระกูลตู่ก็แค่กลัวหลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับอาณาจักรทมิฬ”

 

“แปดตระกูล ฉิน ชี่ หมิง ยี่ กุย ตู่ หวัง ลี่ ที่เทียบเท่าอาณาจักรทมิฬในยุครุ่งเรื่องที่สุด พวกนั้นเผชิญหน้ากับอาณาจักรทมิฬได้เลย”

 

“ในประวัติศาสตร์หลายหมื่นปีของอาณาจักรทมิฬ ทุกครั้งที่พวกเราตกต่ำ หนึ่งในแปดตระกูลก็จะรุ่งเรือง เมื่อพวกเรารุ่งเรือง แปดตระกูลก็จะตกต่ำลงไป”

 

“ตระกูลตู่คือหนึ่งในแปดตระกูลโบราณ ทำไมพวกนั้นไม่ส่งบัตรเชิญให้พวกเรากัน?”

 

ซือหยูที่ได้ฟังเข้าใจสถานการณ์ แปดตระกูลโบราณกับอาณาจักรทมิฬมีเรื่องราวเป็นมาเช่นนี้เอง

 

“เช่นนั้น ตอนนี้ระหว่างแปดตระกูลกับอาณาจักรทมิฬ…ใครเหนือกว่ากันรึ?”

 

ซือหยูสงสัย

 

ฮั่วฉีหลานโกรธซือหยู

 

“ก็ต้องเป็นอาณาจักรทมิฬสิ! ราชาแห่งความมืดรุ่นนี้มีพลังที่น่าตกใจและเหนือว่าราชาแห่งความมืดทุกรุ่น ด้วยการนำของราชา พวกเราเหนือกว่าแปดตระกูลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!”