ตอนที่ 222 พบเจอคนไม่ดี

“นี่เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่ใช่หรือไม่?” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้น มือเรียวเล็กสั่นเทา นางไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุใดฉีเฉิงเฟิงจะแต่งงานเร็วขนาดนี้

“ไอหยา เจ้ารีบไปดูด้วยตัวเองเถอะ! ลูกพี่ลูกน้องของข้าบอกว่าเขาจะแต่งงานในอีกเจ็ดวันข้างหน้านี้แล้ว” นกตัวนั้นยังจะส่งเรียกร้องออกมา

ซูหวานหว่านขบคิดอย่างหนัก จากที่นี่ไปยังเมืองหลวง หากเดินทางด้วยเรืออย่างเร็วที่สุดก็ใช้เวลาห้าถึงหกวัน และยังต้องนั่งรถม้าอีกหนึ่งวันเพื่อนเข้าไปยังในเมือง ได้อย่างไรกัน…หรือว่านางจะแพ้แล้วจริง ๆ

มันมีสิ่งใดพลาดไปหรือเปล่า!

นางยังมีโอกาสอยู่หรือไม่?

ซูหวานหว่านนิ่งเงียบไป และหยิบน้ำแร่ในมิติฟาร์มออกมาป้อนให้กับนก นางไม่สามารถนอนหลับได้ลง

ถ้าหากว่าไม่มีคะแนน หลิงเชอก็จะหลับไปตลอดกาล!

หลังจากที่ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างดีแล้ว ซูหวานหว่านคิดว่าตนเองควรเดินทางไปยังเมืองหลวง นางจะต้องกอบโกยคะแนนมาจากฉีเฉิงเฟิงก่อนโยนเขาทิ้งไป!

เมื่อคิดได้ดังนั้นซูหวานหว่านก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปทันที เมื่อนึกถึงเป่ยฉวนเฟิงหลิว นางจึงเขียนจดหมายบอกเขาว่านางค้นคว้ายาแก้พิษได้แล้ว และสอดจดหมายฉบับนั้นเข้าไปในห้องก่อนจะมุ่งหน้าไปยังท่าเรือทันที

ตอนนี้เจิ้นซิวซิวและคนอื่น ๆ ต่างถูกกำจัดไปหมดแล้ว และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ซูเสี่ยวเหยียนดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ที่ใด เพราะฉะนั้นแล้วซูหวานหว่านจึงไม่คิดปิดบังตัวตนของตัวเองอีกต่อไป เลยเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าของสตรี

เมื่อมาถึงท่าเรือ ก็พบว่ามีเรือสองสามลำจอดเทียบท่า หากแต่ไร้วี่แววของคนภายเรือ ซูหวานหว่านจึงไม่สามารถขึ้นเรือไปได้ ตอนนี้นางกำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวเลยหยิบเอาหนึ่งตำลึงโยนลงไปบนเรือแล้วหยิบไม้ไผ่ขึ้นมาสองอัน นางเหยียบลงไปบนไม้พายแล้วใช้อีกอันพายไปตามกระแสน้ำไหล

ซูหวานหว่านฝึกฝนร่างกายอยู่ภายในมิติฟาร์มหลายครั้ง ร่างกายและพลังของนางได้ฟื้นฟูขึ้นเรียบร้อย ทำให้นางสามารถพายได้อย่างรวดเร็ว เวลานี่ท้องฟ้าสว่างขึ้นจนไม่รู้ว่านางพายมาถึงที่ใดแล้ว นางจึงหยุดลงที่ท่าน้ำแห่งหนึ่งเพื่อหาอะไรกินและออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อกลับมาก็พบว่าไม้ไผ่ทั้งสองอันนางถูกคนขโมยไป จึงออกตามหามัน ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัวข้างซูหวานหว่าน อีกฝ่ายพูดว่า “แม่นาง เจ้ากำลังหาไม้ไผ่สองอันนี้อยู่ใช่หรือไม่?”

“ใช่ มีอะไรงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านเลิกคิิ้วถามด้วยความสงสัย มองสบสายตาอันดุร้ายของชายอย่างระมัดระวัง “หรือว่าเป็นเจ้าที่เอาไม้ไผ่ของข้าไป?”

“ใช่แล้ว” ชายวัยกลางคนนั้นพยักหน้า จากนั้นหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกมายื่นให้ซูหวานหว่าน “ดูแล้วแม่นางน่าจะเป็นคนตกอับ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่ต้องพายตัวไปยังเมืองหลวงด้วยไม้ไผ่เช่นนี้หรอก ข้านามว่าหน่ายหูหลิว รองหัวหน้ากลุ่มหน่ายหลี่ฮวา หากจากเข้ารวมกลุ่มหน่ายลี่ฮวาของเรา ข้าจะให้เข้าหนึ่งตำลึงต่อเดือน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ข้าจะเป็นคนจ่ายให้เจ้าเอง!”

“ว่าอย่างไรนะ?” ซูหวานหว่านเกาหู ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

คณะอุปรากรโบราณนี้ตามหาคนที่มีพรสวรรค์แบบนี้กันแล้วหรือ หรือว่าข้าเข้าตาจากทักษะการพาเรือ เลยอยากให้ไปทำการแสดงทุกวัน?

หรือจะพูดอีกอย่างก็คือที่เขาเอาไม้ไผ่ของนางไป อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากให้นางไปไหนได้ใช่หรือไม่ แต่ว่าเขายังให้เงินนางอีก นี่เขากำลังตบหัวและลูบหลังอยู่ใช่หรือไม่?

ซูหวานหว่านไม่เชื่อว่าชายคนนี้มาดี “ไม่จำเป็น ข้ามีเรื่องด่วนจะต้องรีบไปเมืองหลวง ขอบคุณสำหรับความเมตตาของเจ้า กรุณาคืนไม้ไผ่มาให้ข้าด้วย”

“หึ!” หูหลิวเค้นลมหายออกอย่างเย็นชา “ข้าเพิ่งเห็นทักษะของเจ้าตอนอยู่บนผิวน้ำ เมื่อถึงเวลาจะก็เพิ่มลูกเล่นบ้างอย่างเข้าไป เจ้าจะสามารถเงินได้ถึงห้าสิบตำลึงเลยทีเดียว เจ้าต้องการเงินเท่าไร?”

“…”

เหตุใดบุคคลนี้ถึงเป็นคนเข้าใจยากเช่นนี้ ทั้งยังคิดนางมีปัญหาเรื่องเงิน?

ทำไมถึงเข้าใจยากเช่นนี้!

ซูหวานหว่านส่ายหน้าอย่างไม่แยแส และไม่สนใจเขาอีก นางเดินไปด้านข้างเพื่อซื้อไม้ไผ่มาอีกสองอันแล้วโยนลงไปในแม่น้ำ จากนั้นนางก็กระโดดตามลงไป หูหลิวจึงเอ่ยขึ้น “แม่นาง เจ้าไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือกับการทำเช่นนี้ในเวลากลางวัน คณะของพวกเราหาหนทางให้เจ้า แต่เจ้ากลับไม่ต้องการ ผู้อื่นกำลังจับตาดูเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าตอบตกลงให้ได้ เจ้าอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!”

เหตุใดถึงได้น่าเบื่อเช่นนี้?

คนที่มีความคิดเช่นนี้คงจะมีเพียงเขาคนเดียว

ซูหวานหว่านพูดออกมาอย่างเฉยชา “ขอบคุณสำหรับความหวังดีของเจ้า แต่รบกวนเจ้าช่วยหลีกทาง อย่ามาขวางทางข้า”

“เจ้า…เจ้ามันไร้เหตุผล” ชายคนนั้นจ้องไปที่ซูหวานหว่าน จากนั้นก็หลบไปด้านข้างและเห็นเพียงซูหวานหว่านพายไม้ไผ่ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับแมลงปอ นางสามารถพายเรือได้เร็วเท่าเรือลำใหญ่เลย!

นี่…

หูหลิวอยู่ในอาการตกตะลึง ไม่นานหลังจากนั้นซูหวานหว่านก็หายไปกับสายน้ำ เขาจึงรีบวิ่งไปขึ้นเรือใหญ่และตะโกนว่า “ออกเรือเดี๋ยวนี้!”

พลบค่ำ ซูหวานหว่านรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังเหนื่อยล้า ดังนั้นจึงพายเรือเข้าริมฝั่งเพื่อเอนตัวนอนพักสักครู่ นางถอดจิตเข้าไปในทำอาหารในมิติฟาร์ม และหลับไปสองชั่วยาม เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าท้องฟ้ายังคงเป็นสีแดง ….ความจริงแล้วเพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น

ซูหวานหว่านออกเดินทางต่อ แต่ก็เห็นเรือลำใหญ่กำลังแล่นตรงมาทางซูหวานหว่าน และคนที่อยู่บนเรือก็คือหูหลิวรองหัวหน้าคณะอุปรากร!

เขาจะไม่ยอมแพ้เรื่องนางจริง ๆ งั้นเหรอ ซูหวานหว่านเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาภายในใจ หากพยายามพายให้เร็วขึ้นพวกเขาคงตามมาไม่ทัน!

เมื่อคิดได้ดังนี้ ซูหวานหว่านก็เริ่มออกเดินทางทันที ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนออกมาจากเรือลำนั้น “แม่นาง! พวกเรากำลังจะไปเมืองหลวงเช่นกัน ข้าจะพาเจ้าไปด้วย เจ้าว่าอย่างไร?”

ตอนนี้ยังจะใช้ข้ออ้างนี้กับนางอีกหรือ ซูหวานหว่านมองเห็นสายตาอันดุดันในดวงตาของเขา เพียงแค่นั้นซูหวานหว่านก็สามารถมองออกทุกสิ่ง และพยายามพายให้เร็วขึ้นพุ่งไปด้านหน้าราวกับปลาตัวใหญ่!

หูหลิวอยู่ในอาการมึนงงอีกครั้ง ในใจคิดว่าหากเขาจับซูหวานหว่านได้ต้องเป็นผลดีกับตนแน่ จึงตะโกนออกมาอีกครั้ง “แม่นาง! หากเจ้าไม่ขึ้นเรือ ไม่ตอบรับข้อเสนอของข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทำให้ไม้ไผ่ของเจ้าหักเป็นท่อน ๆ ได้ ทำให้เจ้าจมน้ำลงไป!”

ในตอนนั้นเองนางก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมาว่า “หากเช่นนั้นก็แสดงออกมาให้ข้าเห็นเถอะ”

ซูหวานหว่านชะลอความเร็วราวกับรอให้เรือของหูหลิวลอยผ่านไป

เห็นได้ชัดว่านางกำลังท้าทายเขา! หูหลิวจ้องมองซูหว่านหว่านด้วยความโกรธ และสั่งให้คนนำหินที่เตรียมไว้ออกมา ในที่สุดเรือของเขาก็แล่นเข้ามาใกล้ซูหวานหว่าน “แม่นาง เจ้านั้นมีหู เหตุใดถึงไม่ยอมเชื่อฟังดี ๆ ข้าพูดคำไหนคำนั้น สิ่งที่ข้าต้องการทำนั้นข้าสามารถทำได้หมด คนที่ข้าอยากจัดการข้าจัดการได้แน่ ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะรังแกเจ้าได้!”

นี่เขากำลังขู่ว่านางจะตายหากไม่เชื่อฟังเขางั้นเหรอ ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเย็นชา “เจ้าเองก็มีดวงตา เหตุใดเจ้าไม่เห็นว่าข้าต้องการไปเมืองหลวงด้วยตนเอง ทำไมถึงมองไม่เห็นว่าข้าเป็นคนที่เจ้าไม่สามารถรังแกได้?”

“สามหาว!” หูหลิวกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ จ้องมองไปยังไม้ไผ่ที่ซูหวานหว่านเหยียบเอาไว้แล้วก็หัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ความลับในการพายไม้ไผ่ของเจ้างั้นเหรอ หากไม่เป็นเพราะว่าสนใจความฉลาดของเจ้า ข้าก็ไม่ต้องการเจ้าหรอก หากเจ้าไม่เชื่อฟังข้าเช่นนั้นก็อย่ามาหาว่าใจร้ายก็แล้วกัน!”

สายตาของหูหลิวเปลี่ยนเป็นดุร้ายไปในทันที “ใครก็ได้! เอาหินมานี่และก็ทำให้นางตกไปในน้ำซะ… ไว้ถึงตอนนั้นเจ้าอย่างมาร้องไห้อ้อนวอนให้ข้าช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”