กู่ฉิงซานเดินเข้าหากษัตริย์ปีศาจเป็นตนที่สอง

เขาย่อเข่าลง ก้มมองอีกฝ่ายและกล่าว “ไหนบอกมาซิ ว่าเจ้าจะสามารถกลับไปได้อย่างไร?”

กษัตริย์ปีศาจหัวเราะ “ข้าสามารถพาเจ้ากลับไปพร้อมกันเลยก็ยังได้”

“ไม่ล่ะ” กู่ฉิงซานเหลียวมองไปยังร่างของภูตผีปีศาจที่นอนเรียงรายกันเป็นแถวยาวอยู่เบื้องหลังและกล่าว “เพราะข้ายังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะเลือกมุ่งไปยังโลกของผู้ใด แต่หากเจ้าลีลาคิดใช้ลูกเล่นละก็…”

กษัตริย์ปีศาจมองไปยังประกายแสงเย็นเยียบของคมดาบในมือของกู่ฉิงซานที่กำลังยกสูงขึ้น ปากเร่งกล่าว “ท่ามกลางความมืดมิด แสงสว่างเปรียบดั่งต้นกำเนิด ประกอบด้วยเสียงที่คอยชักนำ นี่คือบทนำ จากนั้นจะเป็นคาถาร่ายต่อเนื่องทั้งสิ้นสามสิบเก้าคำ”

แล้วมันก็ร่ายคาถายาวเหยียด

กู่ฉิงซานรับฟังอย่างรอบคอบ และจดจำคำร่ายนี้ไว้

กษัตริย์ปีศาจร่ายจบ ร่างของมันก็ค่อยๆ หายไปจากเบื้องหน้าเขา

มันได้กลับไปแล้ว

กู่ฉิงซานจึงเดินไปหาราชาภูตตัวต่อไป

ราชาภูตลูกตามองเขาและกล่าว “ของข้าแตกต่างออกไป มันจำเป็นต้องใช้มือ ฉะนั้น คงต้องรบกวนเจ้าช่วยร่ายคาถาตามข้า เพื่อส่งข้ากลับไปด้วย”

พอได้ฟัง กู่ฉิงซานชักดาบยาวออกมาทันที และสับ! มันเข้าใส่ราชาภูตอย่างแรง

เลือดสาดกระเซ็น

ราชาภูตถูกหั่นเป็นสองท่อน

มันเบิกตามองกู่ฉิงซานอย่างไม่ยินยอม เปล่งเสียงเฮือกสุดท้าย “เพราะ…เหตุใด?”

กู่ฉิงซานกล่าวเสียงกระซิบ “เพราะเผ่าลูกตาเช่นพวกเจ้า ยามเมื่อคิดจะวางกับดักผู้ใด ก็มักจะแสดงออกผ่านทางสายตา คิดว่าข้าไม่รู้งั้นหรือ?”

ราชาภูตลูกตาไม่อาจเอ่ยคำใด ค่อยๆสูญสิ้นลมหายใจไป

ภูตผี และปีศาจตนอื่นๆ จมลงสู่ความเงียบ

จำต้องใช้เวลาอยู่นาน กว่าที่ราชาภูตตนหนึ่งจะกล่าวในสิ่งที่คิดออกมาดังๆ “นี่เป็นไปไม่ได้ เขาสามารถล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

กู่ฉิงซานค่อยหันกาย เดินไปทางกษัตริย์ปีศาจตัวต่อไป

เขาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้ามัน เฝ้ามองโดยไม่เอ่ยคำใดสักคำ

กษัตริย์ปีศาจกัดฟัน เร่งกล่าวว่า “ใช้ลมและสายฟ้าผสานเข้ามาในจิตใจของเจ้า และร่ายคาถาทั้งสิ้นสิบแปดคำ”

แล้วมันก็เริ่มร่ายคาถา สักพักร่างของมันก็ค่อยๆ หายไปจากสายตาของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานพยักหน้า และตรงเข้าหาราชาภูตตนถัดไป

ราชาภูตมองเขา กระซิบเสียงต่ำ “ข้าครอบครองสมบัติลับอยู่ในกำมือ ตราบใดที่เจ้าไปรับมันมา เจ้าก็จะสามารถใช้มันชักนำไปยังโลกต่างๆ ได้ตามต้องการ”

กู่ฉิงซานง้างดาบขึ้น และสับเข้าใส่ลำคอของอีกฝ่าย

“ทำไมกัน!”

ราชาภูตทนไม่ไหวต้องคร่ำครวญออกมา

กู่ฉิงซาน “เพราะเจ้าไม่ซื่อสัตย์ ในความเป็นจริงแล้ว เผ่าเจ้ามักจะล่อลวงผู้คนที่ไม่ล่วงรู้ถึงความลับนี้ ชักนำพวกเขาลึกเข้าไปยังถ้ำน้ำแข็งที่มีอยู่มากกว่าหนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบชั้น ล่อลวงไปยังสถานที่ซึ่งกระทั่งเทพวิญญาณก็ไม่อาจหลุดพ้นออกมาได้โดยง่าย”

เหล่าปีศาจเบิกตามองดูเขาอีกครั้ง สรรพเสียงเงียบสนิท

ไอ้หมอนี่ มันไม่ใช่แค่คนป่วยจิตธรรมดาๆ แล้ว!

บัดนี้กระทั่งพวกมันเองก็ไม่ทราบว่าสมควรจะเรียกเขาว่าตัวอะไรดี ทว่าเพียงใช้สายตามอง ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขนชัน

เหล่าปีศาจจึงไม่คิดใช้แผนการอื่นใดอีก

ตอนนี้…พวกมันแค่อยากกลับบ้านเท่านั้น

แล้วเวลาก็ไหลผ่านไป

ในที่สุด กษัตริย์ปีศาจ และราชาภูตทั้งหมดก็ได้จากไป เหลือแค่เพียง กษัตริย์ปีศาจตนสุดท้าย

ตลอดทั้งร่างของมันเป็นสีดำหมึก  รูปลักษณ์ของมันแลคล้ายกับมนุษย์ เพียงแต่มีหางที่ยาวแหลม งอกอยู่เบื้องหลัง

มันแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ และเริ่มร่ายคาถาด้วยความบริสุทธิ์ใจ

กู่ฉิงซานรับฟังอย่างเงียบๆ สุดท้ายกล่าว “ซี่ฉี เวลานี้มิได้มีกษัตริย์ปีศาจตนอื่นๆ อยู่อีกแล้ว ดังนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องหวาดเกรงว่า เรื่องขี้ขลาดของเจ้าจะล่วงรู้ถึงหูผู้อื่น จงสารภาพออกมาอย่างกล้าหาญเสีย”

“นี่เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?” กษัตริย์ปีศาจสูญสิ้นรอยยิ้มบนใบหน้า

กู่ฉิงซานกล่าว “ข้ามีคำถาม และเจ้าจะต้องตอบมัน จงตอบให้ดี มิฉะนั้นข้าจะสังหารเจ้า”

กษัตริย์ปีศาจสะดุ้งเฮือก กล่าวด้วยความนอบน้อม “ได้โปรดถามมาเถอะ”

กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก เอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “เคยมีพวกมอนสเตอร์บรรพกาล หรือเทพวิญญาณ บุกไปยังโลกปีศาจดึกดำบรรพ์หรือไม่?”

กษัตริย์ปีศาจที่อยู่ต่อหน้าเขา มันคือตนที่อ่อนแอและขี้ขลาดที่สุดจากในบรรดาทั้งหมด

นอกจากนี้ มันยังเป็นตัวตนที่แหกกฎมากที่สุดอีกด้วย

ดังนั้น เขาจึงโค่นภูตผีปีศาจทั้งหมดลง และเหลือมันไว้สอบปากคำเป็นตัวสุดท้าย

กษัตริย์ปีศาจ “ใช่ พวกมันเคยบุกเข้ามา”

กู่ฉิงซาน “เช่นนั้นผลลัพธ์เล่า เป็นอย่างไร?”

กษัตริย์ปีศาจ “ผลลัพธ์คือภูตผีปีศาจน่ะไม่อร่อย ไร้ซึ่งคุณค่าทางอาหารใดๆ ดังนั้นพวกมอนสเตอร์บรรพกาลจึงไม่ชมชอบ ส่วนเทพวิญญาณเองก็รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง เพราะในโลกปีศาจดึกดำบรรพ์ มันเต็มไปด้วยปราณชั่วร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจไม่ตั้งรกราก แต่ก็ไม่วายคิดป้องกันมิให้โลกปีศาจแข็งแกร่งขึ้น เลยจัดการ ‘แยก’ โลกปีศาจดึกดำบรรพ์ออกเป็น ‘หลายพันส่วน’ แล้วจึงค่อยจากไป”

กู่ฉิงซานเงียบงันไปครู่หนึ่ง

เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า โลกปีศาจดึกดำบรรพ์จะต้องพบเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้

“กษัตริย์ปีศาจ คำตอบสำหรับคำถามนี้มีความสำคัญยิ่ง ดังนั้นข้าจะให้รางวัลเป็นการบอกความลับแก่เจ้า”

กษัตริย์ปีศาจเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

กู่ฉิงซาน “แท้จริงแล้วภรรยาของเจ้าร่วมมือกับราชาภูตกระดูก  มอมเมาเจ้าจนจมลงในห้วงแห่งฝันอยู่ทุกวี่วัน ส่งผลให้เจ้าไม่สามารถจัดการดูแลโลกปีศาจให้ดีได้ นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าไม่สามารถมีเวลาไปฝึกฝนเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้อีก พวกมันทำให้ตัวเจ้าเปรียบดั่งกษัตริย์ที่ไร้ซึ่งอาวุธ สร้างความแคลงใจให้แก่ทุกผู้คน”

“นอกจากนี้ สาเหตุที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ มันก็เพราะราชาภูตกระดูกบังเกิดความคิดน่าสนใจบางอย่างขึ้น มันสนุกเป็นอย่างยิ่งกับการสวมหมวกสีเขียว[1]** ให้กับเจ้า แน่นอน ว่าผู้หญิงยังเป็นของเจ้า อาณาจักรเองก็ยังเป็นของเจ้า และราชาภูตเองก็คิดว่าหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ มันคงดีที่สุดแล้ว เพราะโลกปีศาจของเจ้าจะได้ไม่ถูกกลืนกิน แม้ว่าในความเป็นจริง ทุกสิ่งจะกลายเป็นของราชาภูตกระดูกไปแล้วก็ตามที”

กษัตริย์ปีศาจตะลึงงัน

ครั้งนี้มันตะลึงชนิดเนิ่นนานกว่าในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา

กู่ฉิงซานถอนหายใจ “อันที่จริง ข้าไม่คิดสนใจเรื่องของเจ้าหรอก เพราะท้ายที่สุดแล้วความแค้นระหว่างพวกปีศาจ ข้าไม่คิดเข้าไปข้องเกี่ยวใดๆ”

ว่าจบ กู่ฉิงซานก็สะบัดดาบยาวของเขาอย่างแผ่วเบา

“แต่ก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าหวังว่าในหัวใจของเจ้าจะล่วงรู้ถึงความจริง”

แล้วดาบยาวก็ถูกชักกลับ

กู่ฉิงซานปล่อยดาบจากมือ และปล่อยให้มันกลับไปซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่า

บนพื้นดิน กษัตริย์ปีศาจซี่ฉีถูกหั่นเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วน

บนเรือเหาะ ไร้ซึ่งภูตผีปีศาจตนใดอีกต่อไป

ตลอดทั้งบริเวณช่างเงียบเหงา

หลงเหลือเพียงเสียงลมทะเลที่พัดไม่หยุด

กู่ฉิงซานยืนอยู่เบื้องหน้าของกษัตริย์ปีศาจซี่ฉีเป็นเวลานาน

ในที่สุด ดาบยาวที่คล้ายดั่งหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วงก็ปรากฏออกมาจากในความว่างเปล่า และกลายเป็นหญิงสาวที่ครอบครองใบหน้าละเอียดอ่อนงดงาม

เป็นฉานนู่

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสะกดกลั้นห้วงอารมณ์ในหัวใจของเธอ

“นายน้อย วันนี้ท่านปกติดีจริงๆ ใช่ไหม?” ฉานนู่ถามด้วยความกังวล

“ข้าไม่เป็นไรหรอก” กู่ฉิงซานกล่าว

“แต่ข้าสัมผัสได้ว่าท่านแปลกไป”

“…คงเป็นเพราะข้ากำลังกังวลถึงบางสิ่งบางอย่าง และเอาแต่คิดทบทวนถึงมันซ้ำแล้วซ้ำอีก เนื่องเพราะมันเป็นเรื่องสำคัญมากเกินไป จนมิอาจเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ข้าจึงอดรู้สึกประหม่าไม่ได้”

“เรื่องที่ว่า…เกี่ยวกับดาบนภาหรือไม่?”

“ใช่”

ฉานนู่ขบคิดครู่หนึ่งและกล่าว “นายน้อยจับภูตผีปีศาจเหล่านี้เอาไว้ เพื่อหมายจะได้รับคาถาเข้าสู่โลกของพวกมันเพียงอย่างเดียว?”

“ก็ไม่เชิง”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสังเกตเห็นรึเปล่านะ แต่ตลอดทั้งกระบวนการร่ายคาถาของพวกมัน ข้าได้ค้นพบว่า แท้จริงแล้วพวกภูตผีปีศาจมันเข้าใจการใช้งานห้าความสามารถทางวิญญาณอย่าง ลม สายฟ้า แสง ความมืด และเสียง”

“อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกยุทธสมัยโบราณ หรือแม้กระทั่งมอนสเตอร์บรรพกาล คล้ายกับว่าพวกที่กล่าวมา กลับไม่ล่วงรู้เกี่ยวกับธาตุจำเพาะทั้งห้าข้างต้นนี่เลย”

“ตัวนั้น มันจึงน่าจะมีความจริงบางอย่าง ที่ทำให้พวกภูตผีปีศาจสามารถอยู่รอด และมีสภาพชีวิตที่ดี ตราบจนถึงปัจจุบันได้”

ว่าจบ เจ้าตัวก็หยิบชิ้นเนื้อของกษัตริย์ปีศาจซี่ฉีขึ้นมา

ฉานนู่มองตามการกระทำของเขา คล้ายเข้าใจอะไรบางอย่าง

“นายน้อย หรือว่าท่านต้องการจะ…”

ระหว่างกล่าว กู่ฉิงซานก็ได้แปลงกายเป็นกษัตริย์ปีศาจซี่ฉี

เขาโยนชิ้นเนื้อทิ้งไป และหยิบใบหยกซึ่งสามารถชักนำไปสู่ยุคถัดไปออกมา จากนั้นค่อยใช้หลายสิบเทคนิคลับแห่งเต๋า ปิดผนึกมัน และเก็บไว้ในกล่องหยก

คราวนี้ ฉานนู่ไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้อีกต่อไป

กู่ฉิงซานมองไปยังสีหน้าของเธอ ปากเอ่ยอธิบาย “ก่อนที่จะสังหารพวกราชาภูต ข้ามิได้แสดงท่าทีเลอะเลือนโง่งมอันใด ทว่าข้าแค่พึ่งจะได้เรียนรู้เทคนิคการระงับพลังจากใบหยก บนเรือมาก็เท่านั้นเอง”

“ในที่สุด ข้าก็ค้นพบวิธีการที่จะระงับการใช้งานใบหยกแล้ว!”

ฉานนู่เอ่ยถาม “เหตุใดนายน้อยต้องปิดผนึกใบหยกด้วย?”

กู่ฉิงซานกล่าว “เพราะใบหยกนี้ มันเกี่ยวโยงกับหลายสิ่งมากมาย ข้าคาดคำนวณมานาน และพบว่า ทุกสิ่งอย่างในปัจจุบันนี้ หากมีอันใดผิดพลั้งไปแม้เพียงหนึ่ง ทุกอย่างก็จักจบสิ้นลง”

“นี่อย่าบอกนะว่านายน้อยเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวของผู้ฝึกยุทธโบราณ?”

“นี่มิใช่ความไม่มั่นใจ เพียงแต่เราต้องละทิ้งซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ตัดขาดมันไม่ให้เข้ามาทำให้เกี่ยวข้องหรือไขว้เขว แล้วจึงค่อยตัดสินจากสถานการณ์โดยอ้างอิงจากความเป็นจริงให้มากที่สุด”

“เหตุใดนายน้อยจึงได้สรุปเช่นนี้?”

“นั่นเพราะท่ามกลางวันเดือนปีในยุคโบราณ เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกสะกดข่มด้วยความตายตลอดมา เรื่องนี้อธิบายให้เห็นได้ว่า ในยุคสมัยนั้น มอนสเตอร์บรรพกาลและเทพวิญญาณเป็นฝ่ายครอบงำความได้เปรียบอย่างแท้จริง ซึ่งสถานการณ์นี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งหนึ่ง นั่นคือพวกมอนสเตอร์และเทพวิญญาณ ‘มีวิธีที่จักเอาชนะเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่เสมอมา’ ”

ฉานนู่รับฟัง พยักหน้าและกล่าว “ดังนั้น นายน้อยจึงคิดว่าพวกเขาสมควรที่จะมีวิธีเตรียมพร้อมไว้ใช้รับมือกับกลยุทธ์สุดท้ายที่เหล่าผู้ฝึกยุทธทิ้งเอาไว้เบื้องหลังใช่หรือไม่?”

“ข้าไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ข้อนี้ออกไป” กู่ฉิงซานกล่าว “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจท่านอาจารย์ เพียงแต่ว่าถ้ามีใครคนหนึ่งในกระบวนการทั้งหมด เกิดทำผิดพลาดขึ้น กลยุทธ์นี้อาจถูกทำลายลงเลยก็เป็นได้”

ฉานนู่ตื่นตระหนกยิ่ง ปากบ่นพึมพำ “เช่นนั้น ในเมื่อเราไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ สุดท้ายแล้วทุกสิ่งที่กระทำมามันจะไม่เสียเปล่าหรอกหรือ?”

กู่ฉิงซาน “ไม่ถึงขนาดนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่สามารถต่อกรกับเทพวิญญาณและมอนสเตอร์บรรพกาลได้ นอกจากเหล่าผู้ฝึกยุทธโบราณแล้ว ยังมีผู้อื่นอยู่อีก”

“ผู้อื่นกระนั้นหรือ? เป็นผู้ใดกัน?” ฉานนู่ถามอย่างไม่คาดคิด

“แน่นอนว่า ย่อม…เป็น…ข้า”

กู่ฉิงซานกล่าวเน้นย้ำ

ฉานนู่ตกตะลึง

กู่ฉิงซานเอ่ยปากอย่างช้าๆ “ข้าน่ะเป็นผู้ฝึกดาบ ยามเมื่อข้ามีดาบอยู่ในกำมือ ข้าย่อมไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการเสียสละของเหล่าบรรพชนเพื่อเป็นเครื่องปูทางแต่อย่างใด”

เขาเงยหน้าขึ้น มองความมืดมิด ปากเปล่งเสียงกระซิบ “ข้าไม่ต้องการถูกไล่ล่า และหดหัวดั่งสุนัข แต่ข้าเองก็ไม่ต้องการตกลงสู่หลุมพรางของเทพวิญญาณเช่นกัน เพราะข้ายังไม่สามารถต่อต้านมันได้ ดังนั้น สิ่งเดียวที่ข้าต้องการก็คือพลัง!!”

“ถูกต้อง ข้าต้องการพลังที่จะใช้เปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมดนี้!”

สองมือของกู่ฉิงซานประกบเข้าหากัน สายฟ้าและสายลมเริ่มผสาน ตามต่อด้วยบทสวดคาถามุ่งสู่โลกปีศาจ

“โลกปีศาจของซี่ฉีเอ๋ย จงเปิดประตู และต้อนรับการไปเยือนของข้า!”

ปากเปล่งวาจาลั่น

เปรี้ยง!

ประตูที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

“พวกเราไปกันเถิด”

“เจ้าค่ะ นายน้อย”

………………………