ในความมืดมิด

ท่ามกลางโลกอันกว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยมอนสเตอร์บรรพกาลที่กำลังอาละวาด

เทพวิญญาณได้เปลี่ยนตนเป็นจุดแสงสว่างไสว ลอยล่อง วนไปรอบๆ ท้องฟ้าในมุมสูง

ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในปัจจุบัน ยังคงเป็นยุคภาพทับซ้อนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังล่มสลาย

ทว่าจะอย่างไร ก็ยังหาตัวกู่ฉิงซานไม่พบ

ในใจกลางค่ายทหาร อากาศที่ว่างเปล่าเริ่มเกิดการบิดเบือน ร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นทันใด

ร่างเงาเริ่มแพร่กระจาย และเปลี่ยนรูปเป็นชายคนหนึ่งขึ้นที่นั่น

บนหน้าผากของเขาลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีทองคำ ทั้งคนทั้งร่างเปล่งรังสีแสงงดงามสดใส ในมือกำลังหยิบเหรียญประหลาดขึ้นมาดู

เป็นเทพวิญญาณเปลวไฟทองคำนั่นเอง

เขาได้กลับมายังยุคภาพทับซ้อนนี่อีกครั้ง

“พิกลนัก กู่ฉิงซานมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันแน่…”

เทพวิญญาณค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ ไปตามค่ายทหาร

มันเป็นค่ายที่ตลอดทั้งค่ายอยู่ในสภาพโกลาหล

ผู้ฝึกยุทธทุกคนที่แต่เดิมเคยนอนนิ่งอยู่ บัดนี้ถูกกัดกินเป็นอาหารแล้วจนสิ้น เลือดและเนื้อกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ปกคลุมไปทั้งผืนดินและตัวกำแพง

เทพวิญญาณเดินเข้าไปในห้องหนึ่ง เหยียบย่ำเลือดจนทิ้งรอยเท้าเอาไว้

เขาตัดสินใจ เลือกที่จะหยุดชั่วคราว เพื่อพิจารณาสถานการณ์โดยรอบ

เขาได้ออกตามหาไปมากกว่าหลายร้อยภาพทับซ้อนยุคโบราณแล้ว

แม้ตนจักครอบครองพลังงานระดับเทพวิญญาณ ทว่าการต้องวนกลับไปกลับมาในหลายร้อยห้วงกาลเวลาอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อย

แต่ก็ยังไม่พบกระทั่งร่องรอยของกู่ฉิงซาน

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงตัดสินใจกลับมายังโลกเดิมที่ถูกชักนำมาโดยเหรียญ และขบคิดถึงเรื่องราวใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง

ในตอนนั้นเอง เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หันขวับไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

เขาพบว่าร่างมนุษย์แสงกำลังยืนอยู่ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเบื้องหลังเขา

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำเอ่ยถาม

มนุษย์แสง “เป้าประสงค์ของเราเผ่าพันธุ์เทพ ยึดติดอยู่กับเหรียญนั่น และข้าตระหนักได้ว่าเจ้ากำลังเผชิญกับปัญหา ดังนั้นเลยมาช่วยหาทางออก”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ “เช่นนั้นข้าคงต้องสารภาพตามตรง ว่าเหรียญนี่คงไม่ได้ผลแล้ว มันใช่เบี่ยงเบนเกินไปหรือไม่ เหตุใดข้าจึงไม่อาจหาเขาพบในโลกใบนี้?”

ร่างมนุษย์แสงยื่นมือออกไป “เอาล่ะ เช่นนั้นจงนำเหรียญมาให้ข้า พวกเราจะได้ตระเตรียมวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาดนี้กัน”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ “แม้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะผิดพลาด แต่เจ้าก็ยังเตรียมหนทางสำรองเอาไว้อีกอย่างงั้นหรือ?”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น” ร่างมนุษย์แสงกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นเผ่าบรรพกาล หรือเผ่าพันธุ์เทพของเรา ก็ย่อมไม่ต้องการเฝ้ามองเฉยๆ ปล่อยเวลาผ่านเลยไปจนถูกพวกมนุษย์ย้อนกลับมาแว้งกัด”

น้ำเสียงของร่างมนุษย์แสงหนักแน่นขึ้น “เราเป็นนายเหนือผู้กุมชะตาเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทุกอย่างของพวกมันล้วนตกอยู่ในกำมือของเรา ดังนั้นความหวังสุดท้ายของพวกมันย่อมต้องถูกทำลายลงโดยเราเช่นกัน”

“นี่หมายความว่าเจ้าเองถึงขั้นเตรียมการไปยื่นข้อตกลงกับเผ่าบรรพกาลเอาไว้ด้วยอย่างนั้นหรือ?” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ เอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

“ถูกต้อง เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์จักต้องตาย ทุกสิ่งอย่างจะกลายเป็นเพียงขี้เถ้า เราจะไม่ปล่อยให้พวกมันกระทำสิ่งใดที่อาจคุกคามพวกเราได้”

“ช่างเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดนัก” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ เอ่ยชื่นชม

“มาเถิด จงมอบเหรียญให้แก่ข้า ข้าจะใช้กฎเกณฑ์เทวะในการแก้ไขอาการเบี่ยงเบนของมัน เพื่อให้เจ้าสามารถมุ่งหน้าสู่ภาพทับซ้อนที่เผ่ามนุษย์จากยุคอนาคตหลบซ่อนตัวอยู่เอง” ร่างมนุษย์แสงกล่าว

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำโยนเหรียญออกไป โดยไม่เอ่ยคำใด

ร่างมนุษย์แสงยื่นมือออกมา และปล่อยให้เหรียญลอยล่องอยู่บนฝ่ามือตนอย่างเงียบๆ

มันเปล่งเสียงกระซิบร่ายมนตรายาวเหยียด เนิ่นนานไปพักหนึ่งจนกระทั่งเหรียญเริ่มเปล่งแสงจรัส

“จงรับมันไป ยามเมื่อเปิดใช้งานมันอีกครั้ง ครานี้ล่ะ เจ้าย่อมสามารถเจอร่องรอยของเผ่ามนุษย์จากอนาคตได้อย่างแน่นอน” ร่างมนุษย์แสงกล่าว

เหรียญลอยไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำรับมัน และไม่รอช้า ถ่ายเทพอำนาจเทวะลงไปทันที

ฮู้ม

เหรียญเปล่งเสียงฉวัดเฉวียนคำหนึ่ง ชักนำเทพวิญญาณเปลวไฟทองคำแหวกทะลุมิติ และบินหายลับไปในหมอกแห่งห้วงกาลเวลา

ชั่วลมหายใจเดียว

รอยแยกมิติก็เปิดออกอีกครั้ง

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำปรากฏตัวขึ้นที่โลกใบเดิมนี้อีกครา

เขาตกลงในค่ายทหาร และมาหยุดยืนตรงข้ามร่างมนุษย์แสง

“…” ร่างมนุษย์แสง

“…” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ คำรามอย่างอดไม่ได้ “นี่มันไม่ถูกต้อง! มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เหรียญโบราณจะผิดพลาดซ้ำกันถึงสองคราว”

ร่างมนุษย์แสง “เช่นนั้น ย่อมหมายความว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จากอนาคตยังคงอยู่ในภาพทับซ้อนยุคนี้”

“มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำกล่าวด้วยรอยยิ้มฉกาจฉกรรจ์ “ดูเหมือนว่ามันจะมีวิธีการพิเศษบางอย่าง ช่วยให้สามารถซ่อนตัวอยู่ในภาพทับซ้อนยุคนี้ได้ โดยเล็ดลอดจากการตรวจจับ ข้าคาดเดาว่านี่สมควรเป็นมาตรการที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เตรียมเอาไว้แน่นอน ถึงได้สามารถลวงพวกเราให้หลงกลได้ตั้งระยะเวลาหนึ่ง”

ร่างมนุษย์แสง “จงไปตามหามัน และสังหารมันในทันที!”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ “แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องฆ่า แต่เหรียญมันทำได้เพียงชักนำข้ามายังโลกใบนี้ ขณะเดียวกัน มันก็เป็นโลกที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ตายจากไปแล้ว หมายความว่าย่อมไม่อาจทำการค้นความทรงจำได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทั้งสวรรค์และโลกก็ไพศาลเกินไป ลำพังเพียงข้า มิอาจหาร่องรอยของมันจนพบได้!!”

ร่างมนุษย์แสง “วางใจเถอะ เราได้จัดเตรียมวิธีการอื่นเอาไว้อีก และดูเหมือนว่าจะได้โอกาสใช้มันซะแล้ว”

“หมายความว่าอย่างไร?” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำเอ่ยถาม

“ข้าจะไปส่งข่าวให้กับเทพวิญญาณทั้งหมดในภาพทับซ้อนยุคนี้ แจ้งให้พวกเขาทราบว่ามีเผ่าพันธุ์มนุษย์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้น พวกเขาจะมาร่วมมือกับเจ้า เพื่อออกตามหา และเมื่อพบเจอร่องรอย เทพวิญญาณทั้งหมดก็จะลงมือสังหารมันในคราวเดียว!!” ร่างมนุษย์แสงกล่าวเฉียบขาด

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำอึ้งไปพักหนึ่ง สุดท้ายฉีกยิ้มขึ้นทันใด

นั่นเพราะหากเป็นเทพวิญญาณทั้งหมดถูกส่งออกมา การไล่ล่าตามหามนุษย์ภายใน ‘โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์’ ย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย

ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่ก็ช่างเป็นกลยุทธ์ที่น่าสะพรึงกลัวเสียจริงๆ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำตระหนักได้เลยว่า หากแม้นเป็นตนเอง ก็ยังไม่สามารถหลบซ่อนต่อไปได้เป็นเวลานานนัก

“เจ้าเตรียมตัวมาดีจริงๆ ดูเหมือนว่าข้าคงไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเท่าใดแล้ว”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำกล่าวพลางถอนหายใจ

“แน่นอน” ร่างมนุษย์แสงกล่าวอย่างเฉยเมย “นั่นเพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในกำมือของพวกเราโดยสิ้นเชิง กระทั่งในช่วงเวลาแห่งการทำลายล้าง ต่อให้พวกเขาคิดหมายจะทำสิ่งใด มันก็มิอาจซ่อนเร้นสายตาของพวกเราไปได้”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า

เห็นแค่เพียงจุดแสงไสวไม่กี่จุดเริ่มตกลงสู่พื้นดิน

การค้นหากำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในไม่ช้า

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำคิดและกล่าว “ผืนดินมอบให้เจ้าก็แล้วกัน ในทางทะเล จะเป็นส่วนความรับผิดชอบของข้าเอง”

“ตกลงกันได้แล้วก็ไปเถอะ”

“อืม”

ในเวลาเดียวกัน

ระหว่างการล่องทะเล

ในอาณาเขตทะเลที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกลจากแผ่นดิน

กู่ฉิงซานได้แปลงกายเป็นกษัตริย์ปีศาจ กวาดมือเก็บเรือเหาะ และก้าวเข้าไปในประตูมิติ มุ่งหน้าหลบหนีสู่โลกปีศาจ

หลังจากที่เขาก้าวเข้าไป ประตูมิติก็ค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ และหายวับไป

ตลอดทั้งท้องทะเล ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ อีกครา

กู่ฉิงซานเดินทางข้ามผ่านมิติที่ว่างเปล่า

เขาตริตรองเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างรวดเร็ว

กษัตริย์ปีศาจซี่ฉี เป็นตัวตนที่อ่อนแอและขี้ขลาดที่สุด

ความแข็งแกร่งของมัน ด้อยที่สุดในบรรดากษัตริย์ปีศาจด้วยกัน กล่าวได้ว่ากู่ฉิงซานที่มีฐานวรยุทธ์ขอบเขตดาราโกลาหล ตราบใดที่มีดาบอยู่ในมือ ขอเวลาแค่ไม่กี่ลมหายใจก็พอ หากคิดกำจัดอีกฝ่าย

โลกปีศาจของซี่ฉี เป็นโลกสำหรับคอยให้ความบันเทิง และพักผ่อนสำหรับปีศาจจากโลกอื่นๆ

ซึ่งในโลกแบบนี้เอง มันก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน

นั่นคือข่าวสาร

เนื่องจากภูตผีปีศาจมากมายได้เดินทางมายังที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นโลกใบนี้ จึงเป็นสถานที่แรกที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ

เพราะเหตุผลนี้เอง กู่ฉิงซานจึงได้เลือกโลกใบนี้

ท่ามกลางกระแสมิติอันโกลาหล แสงสีม่วงสดใสค่อยๆ สว่างไสวขึ้นรอบกายกู่ฉิงซาน

โลกของซี่ฉีกำลังจะปรากฏขึ้นแล้ว

กู่ฉิงซานหันไปมองฉานนู่

ฉานนู่พยักหน้า และกลับไปซ่อนอย่างสงบเสงี่ยมในอากาศที่ว่างเปล่า

วินาทีต่อมา กระแสมิติรอบกายก็หายไป

กู่ฉิงซานร่อนตกลงบนพรมแดง

เขาค้นพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าประตูวังที่งดงาม

โดยมีสองปีศาจสีดำ ขนาดตัวสูงลิ่ว กำลังขวางทางเขา

“กษัตริย์ปีศาจ ท่านไม่สามารถเข้าไปได้ในตอนนี้ เพราะราชินีกล่าวว่ายังไม่อยากพบหน้าท่าน” ปีศาจดำกล่าว

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ เอ่ยในสิ่งที่คิด “นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นพระราชวังของข้ามิใช่หรือ?”

“ก็ใช่” ปีศาจดำกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยิ้ม “แต่ท่านมักจะรับฟังคำสั่งของราชินีเสมอมา มิใช่หรือ?”

“ท่านควรจะออกไปโดยไว แล้วหาทุ่งโล่งสักแห่งที่มีลมโกรกสบาย ล้มตัวลงนอนพักผ่อนเสีย เพราะอย่างไรท่านก็ยังมีเงินอยู่กับตัว เอาไว้รอสักวันที่ราชินียอมให้ท่านกลับมา ท่านค่อยเข้าไปปรนนิบัติ เลียแข้งเลียขานาง” ปีศาจดำดูหมิ่นเขา

สีหน้าของกู่ฉิงซานหม่นทะมึนลง

กษัตริย์ปีศาจซี่ฉี ดูเหมือนว่าจะยอมรับสถานการณ์ตกต่ำเช่นนี้ของตนเองมาเนิ่นนานแล้ว

ชนิดที่ว่าแม้กระทั่งยามของพระราชวังก็ยังไม่อนุญาตให้กษัตริย์ปีศาจเข้าไป นี่มันนับว่าเป็นเรื่องตลกสิ้นดี

ไม่คาดคิดเลย ว่ากษัตริย์ปีศาจซี่ฉีจะตกอยู่ในสถานะน่าอนาถเช่นนี้

ขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนว่าราชินีจะทรงอำนาจเป็นอย่างมาก

เฮ้อ…

กู่ฉิงซานบ่นพึมพำเสียงต่ำ “แบบนี้ยังนับว่าเป็นกษัตริย์ปีศาจอยู่อีกเหรอ?”

ปีศาจดำได้ยินไม่ชัดเจน พลันเปล่งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะหยัน “ท่านกษัตริย์ปีศาจ ไม่ทราบว่าเอ่ยว่าอะไรกัน? ยังโชคดีที่เวลานี้พวกเรายังอารมณ์ดีกันอยู่ โปรดวางใจได้ว่าเราจะไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้านาย”

กู่ฉิงซานเมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็จำต้องถอนหายใจอย่างเงียบๆ

เขาอธิบาย “ข้าเอ่ยประมาณว่า ซี่ฉีช่างเป็นกษัตริย์ปีศาจที่ไร้ความสามารถเสียจริงๆ”

ว่าจบ ประกายแสงเย็นเยียบพลันกะพริบไหว

สองหัวลอยขึ้นไปในอากาศ กระเด็นเข้าไปในส่วนลึกของพระราชวังอย่างกะทันหัน

ตามต่อด้วยบังเกิดเสียงสับสนวุ่นวายขึ้นภายใน

กู่ฉิงซานแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินมัน

เขาสะบัดเลือดบนใบดาบ ขบคิดถึงสถานการณ์ของกษัตริย์ปีศาจซี่ฉี่ อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจอีกครั้ง

“ถือว่านับจากนี้ไป…ข้าจะรับช่วงต่อ ในฐานะผู้กอบกู้ศักดิ์ศรีของกษัตริย์ปีศาจให้เองก็แล้วกัน!!”

…………………………….