โลกปีศาจของซีฉี่ ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นดินแดนรกร้างในโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์

ดินแดนที่ไร้ซึ่งแหล่งสมบัติ หรือขุมทรัพย์ทางธรรมชาติใดๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้เหล่าภูตผีปีศาจแข็งแกร่งขึ้น

ดังนั้น จึงไม่มีปีศาจตนใดสนใจที่นี่

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้หลังจากที่โลกปีศาจดึกดำบรรพ์ถูกทำลายจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กษัตริย์ปีศาจซี่ฉีจึงตัดสินใจฮุบเอาสถานที่นี้ไว้ เพราะมันไม่ดึงดูดความสนใจจากกษัตริย์ปีศาจตนอื่นๆ

กู่ฉิงซานสังหารปีศาจไปสองตัว ก้าวข้ามศพพวกมัน ย่ำไปตามทางเดินลึกเข้าไปในพระราชวัง

เข้ามาได้เพียงไม่กี่ก้าว กลุ่มปีศาจที่รับผิดชอบรักษาการณ์ก็พากันพุ่งออกมาต้อนรับ

ตลอดทั้งร่างกายของพวกมันเป็นสีดำหมึก มีรูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์ ทว่ามีหางแหลม ยืดยาวออกมาจากเบื้องหลัง

หัวหน้ายามตะโกน “กษัตริย์ปีศาจ ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพระราชวัง โปรดกลับไปซะ! มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราหยาบคาย!!”

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานเพิกเฉยอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง

เขาเดินทะลุผ่านกลุ่มปีศาจยาม ตรงต่อไปยังเบื้องหน้า

แต่ช่างน่าประหลาดใจนัก เพราะปีศาจยามทั้งหมด ทุกตนกลับยังคงยืนนิ่ง และไม่มีใครก้าวออกมาหยุดเขาเอาไว้เลย

ทุกตนนิ่งงัน เป็นเช่นนี้จวบจนกระทั่งร่างของกู่ฉิงซานหายไป จึงค่อยบังเกิดดาบสายลมพัดกระพืออย่างรุนแรงขึ้นในโถงทางเดิน แปรสภาพพวกปีศาจยามให้กลายเป็นหมอกเลือด เศษน้ำเลือดปลิดปลิวไปตามกระแส

กู่ฉิงซานเดินต่อไปอีกระยะหนึ่ง กลุ่มปีศาจก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าเขาอีกครั้ง

และสังเกตได้เลยว่า ปีศาจกลุ่มนี้ ทรงพลังยิ่งกว่ากลุ่มก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด

หัวหน้ากลุ่มปีศาจร้องเตือนว่า “กษัตริย์ปีศาจ ท่านไม่สามารถล่วงล้ำเข้ามามากกว่านี้ได้อีกต่อไป มิฉะนั้นหากเจ้านายทราบว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นที่นี่ ท่านอาจจะไม่ได้รับค่าใช้จ่ายในเดือนถัดไป”

คราวนี้กู่ฉิงซานเลยหยุดฝีเท้าลง

“เงินของเดือนถัดไป…”

เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นกุมหน้าผาก บังเกิดความรู้สึกเวทนากษัตริย์ปีศาจซี่ฉีจับใจ

มีฐานะเป็นถึงกษัตริย์ปีศาจ ทว่าทุกสิ่งอย่างกลับถูกควบคุมโดยภรรยาของตน แม้กระทั่งบ้านตัวเองก็ยังไม่สามารถกลับมาได้ เงินก็ต้องคอยรับประจำเป็นเดือน แน่นอนว่าอย่างน้อยประเด็นหลังก็ไม่แย่จนเกินไป

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าราชินีเหมือนจะกำลังควบคุมกษัตริย์ปีศาจไว้โดยสิ้นเชิง ไม่เพียงเท่านั้น ยังควบคุมโลกปีศาจใบนี้ แล้วยังสวมหมวกเขียวให้กับกษัตริย์ปีศาจอีกด้วย

ทำกันถึงขนาดนี้…มันเกินไปแล้ว!

กู่ฉิงซานไม่มัวเสียเวลาไร้สาระ เขาสั่งการนึกคิดในจิตใจ ดาบบินพลันกะพริบไหวออกมาจากในความว่างเปล่า โฉบไปตามชั้นอากาศ

รังสีดาบสีนวลผ่องดั่งแสงจันทร์หมุนคว้านตลอดทุกทิศทางรอบตัวกู่ฉิงซาน

โครม!

เลือดและเนื้อถูกสับสะบั้นเป็นชิ้นๆ กระเซ็นเป็นฝนเลือด แรงกระแทกสั่นสะท้านไปตลอดทั้งวัง

ด้วยฐานะที่เป็นถึงผู้ฝึกยุทธขอบเขตดาราโกลาหล พลังวิญญาณในร่างกายของกู่ฉิงซานจึงเหนือล้ำยิ่งกว่าในครั้งอดีตอยู่มากโข

เมื่อเขากระตุ้นเทคนิคดาบ พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลเลยหลั่งไหลเข้ามาในดาบบิน แผลงฤทธิ์เป็นเทคนิคลับแห่งดาบอันทรงพลัง ทำลายล้างสิ่งรอบกายเกินกว่าที่คาดเอาไว้

แม้จะยังมีปีศาจหลายตัวที่รอดชีวิตหลังจากที่ถูกสะบั้นโดยพลังอำนาจนี้ก็ตามที แต่สุดท้ายพวกมันก็จำต้องหลีกลี้ ถอยไปด้านข้าง เปิดทางให้เขาอยู่ดี

ทันใดนั้นเอง เสียงผู้หญิงที่ฟังดูโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น

“สารเลวตนใด กล้ากระทำการล่วงเกินในพระราชวังของข้า?”

ในส่วนลึกของพระราชวัง ร่างอันสง่างามโฉบขึ้นไปบนท้องฟ้า บินตรงมายังทิศทางนี้

แน่นอนว่าย่อมเป็นราชินี

เมื่อเกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เช่นนี้ขึ้น เธอจึงรู้สึกตัวในที่สุด

ราชินีร่อนมาตกลงตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน ปากอ้าตวาดดุดัน “ที่แท้ก็เป็นขยะเช่นเจ้านี่เอง กล้าที่จะทำลายพระราชวัง อยากจะตายแล้วใช่หรือไม่?”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบ “ข้าเป็นกษัตริย์ปีศาจของโลกใบนี้ ฉะนั้นจักทำสิ่งใดก็ย่อมได้”

ราชินีฝืนรอยยิ้ม “เจ้ายังมีความคิดว่า นอกเหนือไปจากตัวเองแล้ว คนอื่นๆ ยังมองเจ้าเป็นกษัตริย์ปีศาจอยู่อีกหรือ?”

กู่ฉิงซานสาดสายตามองเธอ

บังเกิดประกายฉวัดเฉวียนขึ้นอย่างรวดเร็ว!

มันรวดเร็วจนกระทั่งสมบัติมนตราหลายอย่าง ที่มีไว้ปกป้องกายของราชินี ยังไม่ทันจะเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง

ใบหน้าที่ฟุ้งไปด้วยความเหยียดหยามของราชินีแข็งค้าง ก่อนส่วนหัวจะร่วงตกลงกับพื้น

ต่อด้วยร่างที่ไร้หัว ร่วงตกตาม

กู่ฉิงซานก้มลงมองร่างศพของราชินี เฝ้ารออยู่ชั่วขณะหนึ่ง

สักพัก หมอกสีเทาพลันปะทุออกมาจากร่างศพ หลอมรวมกันเป็นคำร่ายสั้นๆของมนต์คาถา

ทันใดนั้นคาถาพลันหายวับไป คล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างคว้าจับมันไปจากในความว่างเปล่า

หมอกหนาทึบร่วงหล่นจากฟากฟ้า ตกลงข้างล่างศพของราชินี

มือแห้งเหี่ยวยื่นออกมา คว้าจับผมของเธอ แล้วค่อยๆ ยกหัวที่ยังคงไว้ซึ่งสีหน้าแข็งค้างขึ้น

ย่อมเป็นราชาภูตกระดูก

มันมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ครอบครองคู่ปีกสีเข้ม ร่างกายผอมเพรียว ใบหน้าเหี่ยวเฉาซีดเซียว

“โชคร้ายนัก ที่เจ้าถูกสังหารลงอย่างกะทันหัน ข้าเลยมาช่วยสายเกินไป”

ราชาภูตกระดูกมองเฝ้ามองราชินีด้วยความเสน่ห์หา ทอดถอนหายใจด้วยความสลด

กู่ฉิงซานจ้องมองอีกฝ่าย และค้นพบว่าตลอดรอบกายของมัน เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ จึงค่อยกระแอมไอเบาๆ

“ขอบพระคุณจริงๆ ที่เจ้าเดินทางมาที่นี่ตรงๆ มันช่วยประหยัดเวลาให้ข้าได้มากเลยทีเดียว ดังนั้นหลังจากทำใจได้แล้ว โปรดช่วยหันกลับมา แล้วพวกเราค่อยพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน”

ทว่าราชาภูตกระดูกมิได้เหลียวมามองเขา ในสายตายังคงจับจ้องอยู่กับหัวของราชินี นิ่งงันไปพักหนึ่ง

ไม่นาน มันก็เริ่มเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ “โลกปีศาจทั้งใบของเจ้า ล้วนตกอยู่ในกำมือข้า แล้วเจ้าจะเอาคิดจะเอาสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนกัน?”

กู่ฉิงซานกล่าว “โปรดมอบแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าของโลกปีศาจกระดูกให้แก่ข้า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้วย”

คราวนี้ราชาภูตกระดูกเหลียวมามองในที่สุด เอ่ยถามอย่างใคร่ครวญ “เป็นอาวุโสคนใดกันที่ใช้ให้เจ้ามากล่าวเช่นนี้? หรือว่ามีใครบางคนต้องการจะยึดครองโลกปีศาจของข้า?”

“ไม่ใช่ทั้งสอง” กู่ฉิงซานกล่าว “แท้จริงแล้วนี่คือการแลกเปลี่ยนระหว่างข้ากับเจ้า”

“กับเจ้าน่ะหรือ?”

ราชาภูตราวกับพึ่งจะได้รู้จักกับเขาเป็นครั้งแรก มันกวาดสายตามองขึ้นๆ ลงๆ กู่ฉิงซานอยู่นาน พร้อมกับเอ่ยถาม “นี่ข้าฝันไป? หรือว่าเป็นกษัตริย์ปีศาจซี่ฉีเองที่บ้าไปแล้ว?”

เหล่าปีศาจที่ทยอยติดตามมาสมทบ เมื่อได้ยินก็พากันหัวเราะลั่น

ปีศาจที่แสนขี้ขลาด กลับกล้าที่จะเอ่ยขอแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าจากโลกของราชาภูตกระดูกปีศาจอย่างกะทันหัน นอกจากว่ามันบ้าไปแล้ว ยังพอจะมีคำอธิบายอื่นใดที่ฟังดูน่าเชื่อถือกว่านี้ได้อีกเล่า?

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงใจ “นี่ข้าจริงจังนะ เจ้าสามารถใช้แหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าจากโลกปีศาจกระดูก เพื่อมาแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเจ้า”

ระหว่างกล่าว จู่ๆ สายลมหนาวก็เริ่มกวาดผ่านเข้ามาในส่วนของซากปรักหักพังพระราชวัง ที่พึ่งถูกทำลายลง

สายลมหนาวนี้ วนรอบตัวสมุนปีศาจ รายล้อมเป็นวงแหวนที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้

มันเป็นสายลมที่มองไม่เห็น แต่ขณะเดียวกันก็ไร้ซึ่งช่องโหว่ใดๆ มิอาจเล็ดลอดออกไปได้

รังสีดาบขนาดเล็กปริมาณมหาศาลพลันมาบรรจบกัน ล้อมเป็นสายลมปกคลุมสมุนปีศาจส่วนหนึ่งเอาไว้ และในเสี้ยววินาที ก็เริ่มปฏิบัติการ ทั้งตัด ทั้งหั่นนับครั้งไม่ถ้วน

สมุนปีศาจเมื่อสัมผัสกับสายลมหนาวนี้ ก็พลันเหือดหาย แหลกสลายออกไปจากสถานที่นั้นทันที

หลงเหลือทิ้งไว้แค่เพียงกลิ่นอายเลือดจางๆ ในอากาศ…

สายลมหนาวพัดแรงขึ้น

มันกวาดไปยังร่างของเหล่าสมุนปีศาจที่อยู่ห่างออกไป ส่งเสียงหวีดหวิวสยองคล้ายลางมรณะกระซิบข้างหู กระจายออกไปครอบคลุมทั่วบริเวณ

กู่ฉิงซานผายมือออกและกล่าว “เห็นไหม ข้าสามารถสังหารลูกน้องทั้งหมดของเจ้าลงในคราวเดียวเลยก็ยังได้ แต่ตอนนี้ข้ายังเลือกที่จะไว้ชีวิตพวกมันส่วนหนึ่ง นี่แสดงออกถึงความจริงใจอันเปี่ยมล้นของข้า ฉะนั้น ได้โปรดพิจารณาถึงข้อเสนอนี้อย่างจริงจังด้วย”

ราชาภูตกระดูกนิ่งค้าง ตามร่างกายของมันยังสัมผัสได้ถึงกระแสลมเย็นเยียบ ห้วงหัวใจคล้ายร่วงหล่นลงสู่หุบเหวลึก

“นี่มันเทคนิคดาบ เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธแฝงตัวมาอย่างงั้นหรือ?” มันคำรามเสียงต่ำ

กู่ฉิงซานดีดนิ้วดังเป๊าะ และยื่นมันออกไป

เห็นแค่เพียงตรงปลายนิ้ว บังเกิดประกายแสงสีม่วงกำลังลั่นเปรี๊ยะปร๊ะอย่างไม่รู้จบ

ราชาภูตกระดูกตกใจอีกครา

“นี่มันพลังแห่งจิตวิญญาณสายฟ้า เจ้ามิใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์…” มันใคร่ครวญอย่างรอบคอบ

กู่ฉิงซานกล่าว “ขออภัยจริงๆ แต่ข้ามีเวลาไม่มากนัก ฉะนั้นเลยมีเวลาให้เจ้าตัดสินใจได้เพียง สิบลมหายใจเท่านั้น”

ราชาภูตกระดูกจ้องเขา เอ่ยเสียงหม่น “ข้าต้องการเวลาเพื่อขบคิดมากกว่านี้อีกสักเล็กน้อย”

“ตกลง” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

ทว่าเพียงชั่วขณะที่เสียงตกลงได้เพียงครึ่ง

กระบวนท่าหัวใจแห่งดาบก็พลันกะพริบไหว

จิตเทวะของราชาภูตกระดูกถูกจู่โจมโดยเจตดาบในคู่ดวงตาของกู่ฉิงซานอย่างกะทันหัน ชะงักงันมิอาจขยับกายได้ครู่หนึ่ง

และดาบบินก็โฉบออกไป ไม่คิดปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดรอด

ในเสี้ยววินาที ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาที่คมกล้าของมันสาดประกายเย็นเยียบก็เสียบฉึก! ลึกเข้าไปในทรวงอกของราชาภูตกระดูก

พลังธาตุสายฟ้าของกู่ฉิงซานถูกเปิดใช้งานอีกรอบทันที

สกิลพิเศษ ฝันร้าย!

ทั้งตนทั้งร่างของราชาภูตพลันแข็งค้าง สติสตางค์ของมันจมสู่ห้วงความฝันสั้นๆ เป็นระยะเวลา ห้าวินาที

ฉัวะ!

ตามต่อด้วยดาบสายลมอันร้ายแรงร่วงตกลงมาจากฟากฟ้า โถมเข้าโอบร่างราชาภูตกระดูกเอาไว้โดยสิ้นเชิง

“อา! อาก! อ๊าก!”

ราชาภูตกระดูกหวีดร้องด้วยน้ำเสียงสาหัสสากรรจ์

ช่วงเวลานี้เอง ในมือของราชาภูตกระดูกจึงค่อยคลายลง และเผยให้เห็นถึงด้ามคทาสาดแสงสีดำที่ซุกซ่อนเอาไว้

นี่บ่งบอกชัดเจน ว่ามันกำลังเตรียมที่จะระเบิดเทคนิคมนตราอันแสนน่าสะพรึงกลัวออกมา

ทว่าดาบสายลมไม่คิดมอบโอกาสให้แก่มัน!

เสียงหวีดหวิวของสายลมพัดกระพือรุนแรง ท่วมทับเสียงกรีดร้องของราชาภูต กลบฝังไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งผู้ติดตามที่ยังเหลือรอดชีวิตก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ

ทุกสิ่งอย่างก็หายไปจนสิ้น

สองแขนและสองขาของราชาภูตกระดูกไม่มีหลงเหลือให้เห็นอีกต่อไป

ปรากฏแค่เพียงส่วนหัวและร่างของมันที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นดิน เจิ่งนองไปด้วยเลือด ในแววตาฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว

“กระบวนท่านี่มันอะไรกัน?” ราชาภูตเอ่ยถาม

“เป็นสิ่งที่เรียกว่าค่ายกลดาบ”

ตลอดทั้งกระบวนการ กู่ฉิงซานยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม ปากเปล่งเสียงกระซิบ “ผ่านพ้นไป สี่ลมหายใจแล้ว ยังคงเหลืออีกหกลมหายใจสุดท้าย ที่เจ้าจักสามารถนำชีวิตตนเองกลับไปได้”

ราชาภูตกระดูกเลือกรักษาชีวิต มันเร่งกลับไปยังโลกปีศาจกระดูกทันที

เวลานี้ ในมือของกู่ฉิงซานกุมไว้ด้วยกลุ่มแสงห้าสีสันที่แตกต่างกัน

สีน้ำเงินเป็นสายฟ้า สีขาวเรืองรองเป็นแสง สีดำเป็นความมืด บางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นย่อมต้องเป็นเสียง และสุดท้ายที่สีม่วงคือลม

ซึ่งนี่มันแตกต่างไปจากธาตุทั้งห้าของโลกเผ่าพันธุ์มนุษย์ แหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าของโลกปีศาจมิใช่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน ทว่าเป็น ลม สายฟ้า แสง ความมืด และเสียง

เพียงไม่นาน แหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้านี้ก็เริ่มถูกผสานรวมกันโดยจิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซาน

เขาใช้พลังวิญญาณ ช่วยจัดการหลอมกลั่นแหล่งกำเนิดธาตุจำเพาะทั้งห้า ให้กลายมาเป็นเส้นสายที่แสนคุ้นเคย เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน

กระทำการเช่นนี้ซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง จนเริ่มปรากฏให้เห็นถึงเส้นสายยาวที่สาดแสงห้าสีออกมา

บรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“คุณได้รับสายใยกฎเกณฑ์”

“เนื่องจากโลกปีศาจดึกดำบรรพ์ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นหากจะกล่าวให้ถูกต้อง นี่สมควรเรียกว่าเป็นชิ้นส่วนสายใยกฎเกณฑ์ของโลกปีศาจใบเล็กๆ จึงจะเหมาะสมกว่า”

“หากคุณชักนำมันไปสู่อีกโลกหนึ่ง โลกปีศาจขนาดเล็กนี้ก็จะถูกดึงดูดโดยสายใยกฎเกณฑ์ ไปผสานรวมกันกับโลกใบใหม่”

กู่ฉิงซานพอได้ยิน ก็ถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ

“นายน้อย นี่ท่านกำลังจะหลอมรวมเศษเสี้ยวโลกปีศาจทั้งสองใบเข้าด้วยกันกระนั้นหรือ?” ฉานนู่เอ่ยถาม

“ใช่ แต่ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการกระทำนี้จักเกิดประโยชน์ต่อตัวข้าหรือไม่” กู่ฉิงซานกล่าว

ฉานนู่ขบคิด จึงค่อยเอ่ยปาก “นี่สมควรจะเกิดประโยชน์แล้ว เพราะการผสานรวมระหว่างสองโลก มันจะช่วยทุกสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรหลักที่ดึงดูดอีกโลกมาแข็งแกร่งขึ้น และร่างกายของนายน้อยเอง เวลานี้ก็อยู่ในสภาพของกษัตริย์ปีศาจซี่ฉี ดังนั้นย่อมมีคุณสมบัติตรงตามกฎเกณฑ์แห่งโลก มันจะไม่กีดกันท่านในฐานะคนนอก”

“เรื่องนี้พวกเราคงต้องทดลองดู” กู่ฉิงซานกล่าว

แล้วเขาก็โยนสายใยกฎเกณฑ์ออกไป

คอยเฝ้ามองมันละลายหายไปในอากาศที่ว่างเปล่า

………………………….