ตอนที่ 940 อย่าลืมความตั้งใจแรก ลองสะกดจิตดูสิ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เสี่ยวเชี่ยนตกใจที่ปลายสายพูดออกมาตรงๆแบบนี้

สมองของเธอยังตั้งรับไม่ทัน

วิธีโจมตีที่มาถึงก็ใช้ท่าไม้ตายไม่ได้มีเธอแค่คนเดียว?

วิธีที่มาถึงก็ปักมีดของอีกฝ่ายทำให้สมองประธานเชี่ยนว่างเปล่าไปชั่วขณะ ทำได้แค่ถามออกไปตามสัญชาตญาณ

“นายเป็นใคร? ต้องการอะไร?”

“ผมก็เป็นแค่นักสะกดจิตที่ควบคู่กับการเป็นหมอประสาทไปด้วย อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมเป็นคนจิตใจดี”

“คนจิตใจดีแต่ทำกับเพื่อนฉันแบบนั้นเนี่ยนะ? นายสะกดจิตอะไรเพื่อนฉัน?!”

“ผมเป็นคนจิตใจดีจริงๆนะครับ นั่นมันก็แค่งาน ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับคุณหรือแม้แต่กับเพื่อนคุณเลย เพียงแต่ใครจะต้านทานอำนาจของเงินไหว งานของคุณคือรักษาคนไข้ งานของผมคือสะกดจิตคน อาชีพมันบังคับ ผมไม่เคยประสงค์ร้ายกับใคร ก็แค่ผมรักเงินมากกว่า”

“แล้วนายมาบอกฉันทำไม?”

“สงสัยเพราะถูกชะตามั้งครับ เห็นแก่ที่ผมบอกความจริงกับคุณ คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่า คุณสั่งสอนผู้เลื่อมใสในลัทธิเชี่ยนของคุณยังไง? ผมประสบความสำเร็จในการสะกดจิตมาตั้งหลายครั้ง คุณเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้การสะกดจิตของผมล้มเหลว ผมเลยสนใจคุณ”

เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลีเจอเหตุการณ์แบบนี้ เขาไม่เคยล้มเหลวเลยสักครั้ง แต่เสี่ยวเชี่ยนมาทำลายสถิติของเขา และทำให้เขาเกิดความรู้สึกสนใจได้สำเร็จ

“อ้อ สนใจฉันงั้นเหรอ? งั้นเรามาเจอกันหน่อยสิ คุยเรื่องวิชาหน่อยเป็นไง?” น้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนราบเรียบมาก

ปลายสายแสยะยิ้ม “ผมไม่ไปเจอคุณหรอก ผมเคยวิเคราะห์ตัวตนของคุณ ถ้าผมกล้าไปเจอคุณ คุณก็จะให้บรรดาผู้เลื่อมใสในลัทธิเชี่ยนของคุณมาอัดผมจนหัวร้างข้างแตก”

ก็ยังมีสมอง! หลอกล่อไอ้หมอนี่ออกมาไม่ได้ เสี่ยวเชี่ยนไม่สบอารมณ์เท่าไร

“งั้นช่วงนี้ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าแล้วกัน สิ่งที่นายทำกับเพื่อนฉัน ฉันไม่มีทางลืม”

ความหมายคือ เก่งนักก็หนีให้ได้ตลอดชาติ! ไม่อย่างนั้นถ้าฉันเจอนายเละแน่!

“พูดถึงเพื่อนคุณ ผมสงสัยจริงๆนะว่าคุณทำอะไรกับเขา ผมศึกษาพฤติกรรมของสืออวี้ตั้งแต่เล็กจนโตมาอย่างดี พูดตามตรง ถึงผู้หญิงคนนี้จะไม่โง่แต่กลับไร้เดียงสาเกินไป สภาพจิตใจของเขาถูกสะกดจิตได้ง่ายอยู่แล้ว ในสายตาของผมจับคนแบบนี้ใส่ละครตบตีในวังอยู่ได้ไม่ถึงสามตอนหรอก”

มู่ฮวาหลีเงียบไป แล้วพูดต่อด้วยความสงสัย

“แต่ผมพบว่าหลังจากเขาได้เจอคุณในมหาวิทยาลัย หลังจากที่พวกคุณสองคนหายไปด้วยกันระยะหนึ่ง พอกลับมาดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไปกลายเป็นอีกคน แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ถึงเขาจะเปลี่ยนไปผมก็ยังสามารถสะกดจิตเขาได้อยู่ดี คุณกลับใช้เวลาแค่คืนเดียวเปลี่ยนแปลงสถานการณ์…หรือคุณเป็นศิษย์อาจารย์คนอื่นด้วย?”

“อยากรู้ก็ออกมาเจอสิ อย่าทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง!” เสี่ยวเชี่ยนควันแทบออกหูแล้ว

เธอปกป้องเพื่อน นอกจากเธอแล้วใครก็ห้ามมาวิจารณ์เพื่อนของเธอ ตานี้พูดจาเหมือนสืออวี้โง่มาก ประธานเชี่ยนอยากจะฆ่าให้ตาย

“ไอ๊หยา เด็กน้อยอย่าโกรธไปเลยน่า ก็ได้ผมยอมรับ คุณเป็นคนแรกที่ฝีมือเท่าเทียมกับผม ตานี้พวกเราเสมอกัน ด้วยความเคารพนะครับคุณคู่ต่อสู้ฝีมือดี ผมจะเตือนคุณไว้ ไม่ว่าเวลาไหนก็ห้ามลืมหน้าที่การงานของตัวเอง อย่าลืมความตั้งใจแรก”

ถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้สั่งสอน ความรู้สึกนี้มันน่าหงุดหงิดจริงๆ

“ฉันก็ขอเตือนนายด้วยความหวังดีนะ ฉันไม่มีทางปล่อยนายแน่” เสี่ยวเชี่ยนพยายามอดกลั้นความโกรธ

เธอไม่สนหรอกว่าตานี่รับเงินทำงานให้คนอื่นหรือเปล่า แต่คำพูดของเขาได้หมิ่นเกียรติของประธานเชี่ยน เธออยากจะลากคอหมอนี่มาอัดให้หนำใจเสียจริงๆ

“ดูสิ คนรอบตัวคุณมีแต่ชอบใช้กำลัง มันเลยทำให้คุณลืมความตั้งใจแรก ถ้าบอกว่าการใช้กำลังเป็นอาวุธของคนนอกวงการที่สมองใช้การได้ไม่ดีล่ะก็ งั้นคุณในฐานะที่เป็นหมอประสาทไม่ยิ่งควรใช้วิธีของพวกเราแก้ปัญหาเหรอ?”

โวะ!

เสี่ยวเชี่ยนเกือบกระอักเลือด

นี่เธอถูกศัตรูสั่งสอน?

ยังจะมีอะไรน่ารังเกียจยิ่งกว่านี้อีกไหม?

“นายไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับจรรยาบรรณแพทย์ของฉัน!”

ฟังจากสำเนียงของตานี่เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าเขาคงเป็นต่างชาติแน่นอน อีกอย่างมีแค่เมืองนอกเท่านั้นที่จะเรียกว่าหมอประสาทหรือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช ปกติคนในประเทศจะเรียกว่าจิตแพทย์

“คุณยังต้องพยายามอีกเยอะนะ ผมคอยมองคุณอยู่! พี่จะรอวันที่เราได้ประลองฝีมือกันอีกครั้งนะจ๊ะ เลิกให้ผู้เลื่อมใสในลัทธิเชี่ยนใช้วิธีนั้นสอบสวนได้แล้ว ลองสะกดจิตผู้ชายคนนั้นดูสิ อาจจะได้ผลที่ต่างกันก็ได้นะ”

เสี่ยวเชี่ยนได้ยินดังนั้นก็หันไปมองรอบๆโดยอัตโนมัติ

เธอรู้สึกว่าหมอนี่น่าจะอยู่แถวๆนี้ เสี่ยวเชี่ยนเปิดประตูออกไปดู แต่ปลายสายก็วางไปแล้ว เธอจึงกดโทรกลับไป

โทรติด เธอเริ่มกวาดตามองคนที่เดินไปมาบนท้องถนน

ผู้คนมากมาย ดูแล้วน่าสงสัยไปหมด

เสี่ยวเชี่ยนออกวิ่ง ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังจึงมองไปตามเสียง แล้วก็ต้องตกใจ

ภายในถังขยะที่อยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟ โทรศัพท์ฝาขาวเครื่องหนึ่งนอนส่งเสียงดังอยู่นั้นไม่หยุด เสี่ยวเชี่ยนจึงเดินไปหยิบขึ้นมา บนนั้นโชว์เบอร์สายเรียกเข้า ซึ่งก็เป็นเบอร์ของเธอ!

คนที่โทรหาเธอเมื่อสิบวินาทีก่อนยังอยู่ตรงนี้!

“ประธานเชี่ยนมีอะไรเหรอ?” ฉิวฉิววิ่งตามออกมา

เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองในฝูงชน แต่ก็ไม่รู้ว่าคนที่โทรหาเธอนั้นเป็นใคร

เธอกำโทรศัพท์สีขาวเครื่องนั้นไว้พลางกัดฟันพูด

“ไม่มีอะไร กลับกันเถอะ”

เธอถูกปั่นหัวในระยะเผาขน ตบหน้าเธอได้เจ็บมาก

ผู้ชายคนนั้นเป็นตายก็ไม่ยอมบอก แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับสืบบางอย่างได้จากโทรศัพท์เครื่องนี้

ภายในโทรศัพท์เครื่องนี้มีบันทึกการโทรเพียงแค่สามเบอร์

เบอร์หนึ่งคือเบอร์เธอ เบอร์หนึ่งเป็นเบอร์ที่รับสาย เสี่ยวเชี่ยนกดโทรไป โทรศัพท์ของผู้ชายที่ถูกจับมัดแล้วทรมานดังขึ้น

ส่วนเบอร์สุดท้ายเป็นเบอร์บ้านที่โทรเข้ามา แถมยังเป็นเบอร์พื้นที่อื่น เสี่ยวเชี่ยนโทรกลับไป เสียงโมโหฉุนเฉียวดังลอดมา

“คนแซ่มู่ นายจะเอายังไง?”

เสียงนี้เสี่ยวเชี่ยนคุ้นมาก เพราะเป็นเสียงคนบงการที่เพิ่งคุยกับเธอเมื่อครู่

เธอกดวางสายเงียบๆ แล้วก็นึกได้ว่าต้องรีบเอาเบอร์นี้ให้พี่ใหญ่ไปสืบดู

เบอร์บ้านไม่เหมือนเบอร์มือถือ ตรวจสอบที่อยู่กับชื่อเจ้าของเบอร์ได้แน่ ตาแก่นั่นคงโมโหขาดสติไปหน่อยเลยใช้เบอร์บ้านโทร ไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ และคงไม่คิดว่ามู่ฮวาหลีจะทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้ประธานเชี่ยน

ตรวจสอบเบอร์บ้านเป็นเรื่องง่ายมาก เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าอีกไม่นานเธอก็จะรู้แล้วว่าใครเป็นคนบงการ

แต่ในใจก็ยังรู้สึกอึดอัด น้ำเสียงกวนประสาทของหมอนั่นที่โทรหาเธอ เหมือนยังวนเวียนอยู่แถวหูเธอ

อย่าลืมความตั้งใจแรก ลองสะกดจิตดูสิ

ไปตายซะ!

เสี่ยวเชี่ยนตัดสายที่โทรหาพี่ใหญ่ทิ้ง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะสอบสวนผู้ชายคนนี้เอง!