วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในบ่ายวันเสาร์หลังจากได้รับโทรศัพท์จาก จาง ซูซาน เสี่ยวหลัวเปลี่ยนเป็นชุดสูทที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและพร้อมที่จะออกเดินทาง มหาวิทยาลัยเป็นสวรรค์สำหรับคนจำนวนมาก แต่มันไม่ดีสำหรับเขาโดยเฉพาะในห้องเรียน วันเวลาที่ผ่านมายาวนานราวกับเป็นปี

“พี่หลัว พี่จะออกไปข้างนอกเหรอ?” จูเสี่ยวเฟย ถาม

เขาพิจารณาถึงความเป็นไปได้และจากนั้นเขาก็ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดแล้วถามว่า“พี่คงไม่ได้ไปชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้า เพื่อตอบรับคำท้าทายของ ซ่ง เจียหนาน หรอกนะ?”

เมื่อได้ยินชื่อของ ซ่ง เจียหนาน และ ชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้า เติ้งไค ผู้ซึ่งกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นยืนและมองไปที่เสี่ยวหลัว ด้วยความตื่นตระหนกอีกคน

“เสี่ยวจู นายคิดมากเกินไปแล้ว ฉันขี้เกียจเกินกว่าที่จะไปสนใจคนที่น่าเบื่อเช่นนั้น” เสี่ยวหลัวหัวเราะออกมาเล็กน้อย

“แล้วพี่จะไปไหน”

“เพื่อนสนิทของฉัน เขาจะมาหาฉันในคืนนี้”

เสี่ยวหลัวสูดลมหายใจเข้าเบาๆ แล้วพูดว่า“นายอยากไปด้วยกันหรือเปล่า?”

“ไม่เป็นไรถ้าพี่กำลังจะไปออกเดท เราไม่อยากไปเป็นมือที่สาม ฮิฮิ… ..” จูเสี่ยวเฟย ส่ายหัวและยิ้มพร้อมยิงฟันขาวของเขา

“ใช่แล้ว ไปเป็นกางขวางคอนั้นไม่ดี”

เติ้งไค พูดจากนั้นเขาก็ล้มตัวลงนอนและอ่านหนังสือต่อ

เสี่ยวหลัวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา “เขาเป็นผู้ชาย”

“อะไรนะ? ”

จูเสี่ยวเฟย และ เติ้งไค มองหน้ากันและเห็นความตกใจจากดวงตาของกันและกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ พี่หลัว ไม่พอใจกับสตอล์คเกอร์อันหวน ที่ตามติดเขา มันเป็นเพราะว่า… ..

จูเสี่ยวเฟย ไอออกมาสองสามครั้งแล้วพูดว่า“พี่หลัวเราเข้าใจพี่นะ พี่สามารถออกไปข้างนอกได้อย่างสบายใจ พวกเราจะไม่นินทาพี่ พวกเราจะปิดปากให้สนิทและเก็บความลับของพี่ไว้ นอกจากนี้พวกเราก็จะไม่มองพี่ด้วยสายตาแปลกๆ พวกเราได้ปฏิรูปความคิดของพวกเรามานานแล้ว จิตใจของพวกเราได้รับการปลดปล่อยและมีความกว้างเท่ากับมหาสมุทรแปซิฟิก การปล่อยให้ผู้ชายไปกับผู้ชายนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเรา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องของผู้ชายกับงู คนกับผี หรือชายกับหินก็ตาม”

ไอพวกเชี้ยนี่ พวกแกเข้าใจไปแบบไหนกัน พวกแกเข้าใจอะไรกันนนน!!!!

เสี่ยวหลัวรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย เขารู้ว่าที่พวกนั้นพูดว่าผู้ชายที่ไปกับผู้ชาย นั้นหมายถึงว่าผู้ชายอีกคนเป็นเกย์ แต่ผู้ชายกับงู? และยิ่งไอคนกับผีอะไรนั่นอีก? ทำไมเขาไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อน? เขากลายเป็นคนล้าหลังไปแล้วงั้นหรือ?

“เสี่ยวจู สิ่งที่นายพูดถึงคืออะไร และผู้ชายกับงูมันหมายความว่าอะไร” เสี่ยวหลัวถามด้วยความงุนงง

“มันคือ เสี่ยวชิง และ ไป๋ซู่เจิน” เติ้งไค วางหนังสือของเขาลงแล้วตอบคำถาม(สองคนนี้ก็มาจากเรื่องนางพญางูขาว )

“แล้วชายกับผีล่ะ?”

“เนี่ย เสี่ยวเชี่ยน และ หนิงไฉ่เฉิน” (สองคนนี้มาจากโปเยโปโลเย มากจากหนังสือเรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่รักกับผี)

เสี่ยวหลัวรู้สึกว่ามุมมองพื้นฐานทั้งสามด้านของเขากำลังกลับตาลปัตร จากนั้นเขาถามอย่างสงสัย“ถ้าอย่างนั้นชายกับหินหละหมายถึงอะไร”

“มันเป็นเรื่องของพ่อ ซุนหงอคง(Monkey King)” จูเสี่ยวเฟย ระงับเสียงหัวเราะของเขาแทบไม่อยู่พร้อมกล่าวตอบ

“?????”

มีชุดเครื่องหมายคำถามปรากฏอยู่ในใจของเสี่ยวหลัว

“พี่หลัวพ่อของ ซุนหงอคง(Monkey King ) หลับนอนกับก้อนหินไง ก้อนหินถึงได้ตั้งครรภ์ แล้วออกมาเป็นซุนหงอคง”

จูเสี่ยวเฟยหัวเราะ “คนหนึ่งนอนกับงู คนหนึ่งนอนกับผี และอีกคนก็ยังกล้านอนกับหิน ผู้คนเหล่านี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของความหลงไหล พี่หลัวเมื่อนำพวกเขามาเปรียบเทียบกับพี่แล้วมันก็ไม่มีอะไรแปลกเลย ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ใบหน้าของเสี่ยวหลัวเป็นสีดำวินาทีต่อมาเท้าข้างหนึ่งของเขาก็ส่งจูเสี่ยวเฟยบินออกไปไกล

******

เมื่อเสี่ยวหลัวมาถึงประตูมหาลัย จาง ซูซาน กำลังยืนรออยู่ข้างรถโตโยต้า โคโรลล่าสีขาวของเขา

“ฉันไม่เจอแกแค่แปปเดียว ทำไมแกถึงหล่อขึ้นขนาดนี้” นี่คือคำพูดแรกที่ออกมาจากปากของจาง ซูซาน

เสี่ยวหลัวทำเพียงมอง เขาเปิดประตูรถและกระโดดเข้าไปในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า “หยุดพูดมากได้แล้ว ฉันหิว! ไปหาของกินกันเถอะ”

“แล้วผู้หญิงที่ร้อนแรงที่น่ารักของฉันหละ? ฉันบอกให้แกนำพวกเธอติดตัวมาด้วยสักสองสามคนไม่ใช่เหรอ?”

จาง ชูชาน เกือบจะตะโกนเสียงดังออกไปแล้ว แต่เมื่อนึกได้ว่าเขายังอยู่ที่ประตูมหาลัย เขาก็หยุด แล้วสตาร์ทรถมุ่งหน้าไปยังเมือง

“แกดูหิวกระหายมาก ฉันคิดว่าฉันคงต้องสั่งซื้อตุ๊กตายางในออนไลน์ให้กับแกสักตัวแล้วหละ” เสี่ยวหลัว กล่าวติดตลก

“ได้ก็ดี แต่ฉันต้องการของนำเข้าจากญี่ปุ่นและต้องเป็นของแท้เท่านั้นนะ ฉันไม่ต้องการเครื่องเป่าลมที่มีราคาแค่ยี่สิบสามสิบเหรียญ พวกนั้นมันแย่มากมันไม่สามารถต้านทานแรงอันทรงพลังจากฉันได้” จาง ซูซาน หัวเราะอย่างซุกซน

“ไอ้บ้านี่!” เสี่ยวหลัวอยากที่จะเตะเขาสักป๊าบจริงๆ

“บรื้นนน …”

จาง ซูซาน รู้สึกตื่นเต้นมากเขาตั้งใจกดโหมดสปอร์ตและเหยียบคันเร่ง มันทำให้ความเร็วของรถพุ่งสูงขึ้นในทันที เพื่อให้เข้ากับความตื่นเต้นในปัจจุบันของเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่กล้าที่จะเร่งความเร็วนานเกินไป: เพราะมันมีสัญญาณเตือน จำกัด ความเร็วดังขึ้นมา และกล้องตรวจจับความเร็วใน เจียงเฉิง ที่อย่างกับตาทิพย์ เขาไม่อยากจะเข้าซังเตในตอนนี้

“เสี่ยวหลัว แกยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าแกไปทำอะไรอยู่ในหัวเย่” จาง ซูซาน ถามคำถามที่คาใจ ที่ทางแยกสัญญาณไฟจราจรในขณะที่รอไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“ฉันได้รับมอบหมายให้ปกป้องใครบางคน” เสี่ยวหลัวรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะต้องซ่อนและปิดเป็นความลับสำหรับเพื่อนคนนี้

“อะไรนะ? ปกป้องใครบางคน? แกไปเป็นบอดีการ์ดตอนไหน?” จาง ซูซาน รู้สึกประหลาดใจ

เสี่ยวหลัว เล่าเรื่องที่เขาพบกับ ชู หยุนเชียง คร่าวๆให้ฟัง

“จริงงั้นเหรอ! ดังนั้นแกจึงไปอยู่ในหัวเย่ เพื่อปกป้องลูกสาวของ ชู หยุนเชียง ชู หยุนเชียง คนเดียวกับที่เป็นเจ้าของซงซานพาวิลเลี่ยน คนนั้นอะน่ะ?” ดวงตาของ จาง ซูซาน เบิกกว้างขึ้นในทันที โว้ว. นี่คือมันคือเรื่องจริงงั้นเหรอเนี้ย

เสี่ยวหลัว กล่าวต่อ“นอกเหนือจาก ชู หยุนเชียง คนนี้แล้ว มันก็ไม่น่าจะมีใครอื่นที่ใช้ชื่อนั้นในเจียงเฉิง อีก”

“โอ้มายก๊อด!”

จาง ซูซาน มองเสี่ยวหลัวราวกับว่าเขาเป็นคนต่างด้าว“แกได้รู้จักกับ ชู หยุนเชียง นักธุรกิจระดับวีไอพีในเจียงเฉิง ช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ และแกคือคนที่ปกป้องลูกสาวของเขา? โอ้มายก๊อด! เขาคงไม่ได้อยากให้แกไปเป็นลูกเขยของเขาหรอกใช่ไหม?”

“ฉันไม่ได้เจอแกแค่แป๊ปเดียว แกก็พูดพล่ามขึ้นมากขนาดนี้แล้วงั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว กล่าวพร้อมกับกลอกตาของเขา

“อะไร ใครกำลังพูดพล่าม มันไม่เหมือนอย่างในละครทีวีใช่ไหม เออใช่แล้วลูกสาวของ ชู หยุนเชียง มีหน้าตาเป็นอย่างไร? เธอน่ารักหรือเปล่า?” จาง ซูซาน ถาม

“เธอก็โอเค”

เสี่ยวหลัวลูบคางของเขา ขณะประเมิน

“การได้รับคำว่าโอเค จากแกได้นี่ หมายถึงเธอหน้าตาดีมากสินะ”

จาง ซูซาน ค่อนข้างมั่นใจในสิ่งนี้ และพูดเหมือนคนไร้ยางอายว่า“ช่างแย่จริงๆ ฉันไม่สนใจ แกต้องพาฉันไปดูเธอ ฉันบังเอิญแต่งตัวมาดีมากในคืนนี้ ดังนั้นตอนนี้ฉันจึงดูดี…และเท่ห์ หากฉันสามารถทำให้เธอหลงรักฉันได้ ฉันก็จะขึ้นไปสู่จุดสุดยอดของชีวิตในทันที ฮ่าฮ่าฮ่า”

เสี่ยวหลัวมองดูเขาใกล้ๆ ในความเป็นจริงเพื่อนคนนี้สวมเสื้อที่ดูดีจริงๆ: เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำในสไตล์ตะวันตก เขาให้ความรู้สึกแบบสุภาพบุรุษที่แข็งแกร่ง ร่างกายของเขาก็ดีเช่นกัน มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ – ใบหน้าของเขามันอ้วนเกินไป มิเช่นนั้นเสี่ยวรุ่ยอิงน้องสาวของเขา ก็คงจะถูกเจ้าอ้วนนี่ดึงดูดตั้งแต่แรกเห็นแล้ว

“เสี่ยวหลัว ฉันมีเรื่องจะบอกแก” การแสดงออกของ จาง ซูซาน เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“เรื่องอะไร?” เสี่ยวหลัว ขมวดคิ้ว

“จ้าว เหมิ่งชี พยายามหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ของแกจากฉันมาสองสามครั้งแล้ว เธอไปหาแกที่บ้านของแก แต่พบว่าแกไม่ได้อยู่ที่นั่น ฟังจากน้ำเสียงของเธอ ฉันคิดว่าเธอต้องการให้แกกลับไป”

กลับไป?

เสี่ยวหลัวส่ายหัวและยิ้ม พร้อมกับมองดูฉากกลางคืนด้านนอกหน้าต่าง เขาไม่พูดอะไรสักคำเดียว เขาจบบทชีวิตของเขากับคนที่ชื่อว่า จ้าว เหมิ่งชี ไปตั้งนานแล้ว

“แค่ค้นหาแบบสุ่มๆบนอินเทอร์เน็ตก็เจอข้อมูลเชิงลบจำนวนมากเกี่ยวกับ เจ้าฮัว ไห่เฟิง นั่นแล้ว มันหลับนอนกับผู้หญิงจำนวนมากและเปลี่ยนแฟนบ่อยอย่างกับเปิดหน้าหนังสือ จ้าว เหมิ่งชี คิดว่าแค่เธอนอนกับเขาเธอคงจะได้ที่พึงพิง ฮ่าฮ่า! แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ถูกทิ้งหลังจากถูกเขาเล่นจนเบื่อแล้ว” จาง ซูซาน กล่าวอย่างไม่พอใจ เขาคิดว่า จ้าว เหมิ่งชี เป็นแค่ผู้หญิงโง่คนหนึ่ง

“อย่าพูดถึงเธออีกเลย มาพูดถึงเรื่องที่มีแต่ความสุขกันดีกว่า” เสี่ยวหลัว กล่าว

“นั่นสินะ แกสองคนเลิกกันแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดถึงมันขึ้นมาทำไม แต่ก็ช่างมันเถอะมาพูดเรื่องเกี่ยวกับลูกสาวของ ชู หยุนเชียง กันต่อดีกว่า เธออายุเท่าไหร่? เธอมีรูปร่างดีหรือเปล่า? ผิวของเธอเป็นอย่างไร และที่สำคัญที่สุด – เธอมีแฟนหรือยัง?” จาง ซูซาน กลายเป็นคนพูดหูดับตับไหม้ในทันที