หลังจากจอดรถ เสี่ยวหลัว และ จาง ซูซานก็เดินเข้าไปในร้านอาหารหม้อไฟ
“ยินดีต้อนรับท่านสุภาพบุรุษ!”
พนักงานเสิร์ฟพาทั้งสองคนไปยังที่นั่งริมหน้าต่างบนชั้นสองอย่างกระตือรือร้น
เมื่อเห็นว่าพนักงานเสิร์ฟคนนี้นั้นสวยมาก จาง ซูซาน จึงเริ่มสนใจและนึกที่อยากจะหยอกล้อเธอ เขาเปล่งเสียงของเขาและพูดอย่างตื่นเต้น “โอ้ คุณทำงานที่นี่งั้นเหรอ?”
ด้วยคำพูดนี้พนักงานเสิร์ฟก็ตกตะลึงและมอง จาง ซูซาน อย่างรอบคอบพร้อมกับคิดว่า: คนคนนี้ดูเหมือนจะรู้จักฉัน?
เธอถามอย่างระมัดระวัง“ขอโทษนะคะ คุณคือ?”
“โอ้ คุณลืมฉันไปแล้วงั้นเหรอ ใจของฉันกำลังแตกสลาย เราเคยเจอกันเมื่อเร็วๆนี้ไง และตอนนั้นคุณยังเรียกฉันว่าพี่ชายอยู่เลย จำได้ไหม?”
จาง ซูซาน สวมหน้าเศร้า ทันใดนั้นการแสดงของเขาก็เปลี่ยนไปจากความตื่นเต้นไปสู่ความเศร้าใจ
พนักงานเสิร์ฟค่อนข้างอายในขณะนี้ เธอคิดว่าเธอว่าขี้ลืมจริงๆที่ลืมคนรู้จักได้ เธอค้นหาผ่านความทรงจำของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เธอก็ไม่สามารถหาข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับคนที่อยู่เบื่องหน้าของเธอได้เลย เธอตื่นตระหนกยิ่งขึ้น“ฉันขอโทษฉัน…ฉันลืม ฉันเคยเจอ คุณที่….”
จาง ซูซาน แสร้งทำท่าเจ็บที่หัวใจเขาและกล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยว่า: “ฉันรู้สึกโดนแทงที่หัวใจมันเจ็บจริงๆ ลืมมันไปเถอะ คุณควรวางเมนูอาหารลงได้แล้ว”
“ฉันขอโทษ ฉันมักจะขี้ลืม ฉันจำไม่ได้ว่าฉันเคยเจอคุณที่ไหน คุณช่วยเตือนความจำของฉันได้ไหม”
พนักงานเสิร์ฟตื่นตระหนกจนเกือบจะร้องไห้ คนๆนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่น พูดอีกอย่างคือเธอรู้จักกับคนคนนี้จริงๆ แต่เธอลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไปแล้ว เธอจะทำอย่างไรดี?
จาง ซูซาน โบกมือปฏิเสธแล้วสูดหายใจเข้าลึก :“ฉันรู้สึกเสียใจมากในตอนนี้ และไม่ต้องการที่จะพูดอะไรอีก มันจะดีกว่าที่คุณจะจำฉันได้ด้วยตัวเอง แล้วเมื่อถึงตอนนั้นฉันจะไปหาคุณอย่างแน่นอน”
“ค่ะ… ”
พนักงานเสิร์ฟตอบอย่างอ่อนแอและเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่ไม่สบายใจ เธอมองย้อนกลับไปสองสามครั้งและพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะจำให้ได้ว่าเธอเคยพบ จาง ซูซาน ที่ไหน
เสี่ยวหลัวแอบยกนิ้วโป้งให้ จาง ซูซาน “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แกมันเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดจริงๆ!”
สองสามคำพูดและการแสดงของเขามันทำให้พนักงานเสิร์ฟรู้สึกสงสัยในชีวิตของเธอ นี่คือยอดนักแสดงอย่างแท้จริง
“นักแสดงที่ดีที่สุดคืออะไร แกควรเรียนรู้จากฉันเพิ่มเติมในอนาคต” จาง ซูซาน พูดกับ เสี่ยวหลัว ในขณะที่เลือกอาหารจากเมนู
เสี่ยวหลัวหยิบชาอุ่นๆ จากถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วพูดอย่างติดตลกว่า “แกมักที่จะใช้มุกนี้อยู่เสมอทำไมแกถึงไม่รู้จักเปลี่ยนสคริปต์บ้าง?”
“ไอเพื่อนยาก ดูเหมือนว่าแกจะไม่รู้จักวิธีรับมือกับผู้หญิงเอาซะเลย ผู้หญิงทุกวันนี้ฉลาดมาก หากแกถามพวกเธอว่าเคยพบเธอที่ไหนมาก่อนไหม ฉันมั่นใจได้เลยว่าผู้หญิงที่นี่ พวกเธอจะไม่สนใจแกอย่างแน่นอน เพราะพวกเธอรู้ว่าแกกำลังจะจีบพวกเธอ แต่ถ้าแกใช้วิธีการของฉัน ฉันสามารถรับประกันได้ 100% ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลของแกแทน นี่คือสิ่งที่ฉันได้ลองทดสอบมาแล้ว และมันก็สามารถใช้งานได้ดีและมีเสน่ห์” จาง ซูซาน โยนเมนูไปที่ตรงหน้าเสี่ยวหลัวเพื่อให้เขาสามารถเลือกส่วนผสมเพิ่มเข้ามาสำหรับหม้อไฟ
เสี่ยวหลัวขี้เกียจเกินกว่าที่จะมาทำความเข้าใจคำพูดของ จาง ซูซาน อย่างจริงจัง นอกจากนี้เขาก็ไม่สนใจที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่มีสาระมากนัก
“แกรู้หรือเปล่า ว่าทำไมผู้หญิงถึงต้องการที่จะแต่งงาน?” จาง ซูซาน ถามด้วยเสียงต่ำ
เสี่ยวหลัวมองไปที่เขา: “เมื่อโชคชะตานำพา รวมถึงได้เวลาที่เหมาะสม พวกเขาก็จะแต่งงานกันโดยธรรมชาติ””
“ผิด!” จาง ซูซาน ตบโต๊ะ
“เพราะอะไร ถึงผิด?” เสี่ยวหลัว ถาม
จาง ซูซาน กล่าวอย่างจริงจัง “เป็นเพราะการแต่งงานหมายถึงการมีลูก”
มีลูก?
หืม? มี … ลูก?
เสี่ยวหลัวเมื่อเข้าใจเขาก็ก่นด่าสาปแช่งอย่างรวดเร็ว“ไอเชี้ยนี่!”
(มันเล่นคำ มันหมายถึงเมื่อแต่งงานก็จะใช้ประโยน์จากลูกบอลสองลูกของผู้ชายได้ นั่นมันก็หมายถึง คิดวิเคราะห์แยกแยะ นั้นเอง)
ในไม่ช้าส่วนผสมในหม้อไฟที่พวกเขาสั่งก็เติมเต็มทั้งโต๊ะ มีผักอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นเนื้อและหอยรวมถึงเนื้อวัว, เนื้อแกะ, เนื้อหมู, กุ้ง, ปูและอื่นๆ จาง ซูซาน เป็นคนรักเนื้อสัตว์และเสี่ยวหลัว ก็เป็นเหมือนเขาเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะจำเป็นต้องมีผักเพื่อตัดเลี่ยนพวกเขาก็จะไม่สั่งมันมาด้วยอย่างแน่นอน
เมื่อพนักงานเสิร์ฟอีกคนนำหม้อเป็ดแมนดารินและเครื่องปรุงรสหม้อไฟเข้ามา เสี่ยวหลัวไม่สามารถช่วยได้ แต่ต้องตกใจ “นั่นคุณเหรอ?”
จาง ซูซาน เกือบจะพ่นเครื่องดื่มออกจากปากของเขา: “ไอเพื่อนยาก แกอยากจะทำสิ่งนี้จริงๆงั้นเหรอ? ฉันเพิ่งใช้เคล็ดลับนี้ไป แม้ว่าแกจะต้องการลอกเลียนแบบ แต่แกคงต้องไปลองใช้เคล็ดลับนี้ที่อื่นแล้ว ”
“ฉันรู้จักเธอจริงๆ!” เสี่ยวหลัว มองไปที่เธอแล้วพูดอย่างจริงจัง
“เจ้าลูกบอลนี่ แกเพิ่งพูดว่าฉันเป็นนักแสดงภาพยนตร์หมายเลขหนึ่ง แต่แกเองนั่นแหละคือนักแสดงที่ดีที่สุดที่แท้จริง!”
จาง ซูซาน ไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจทันทีที่จะแกล้งฉีก’หน้ากาก’ ของเสี่ยวหลัว ออก เขาเงยหน้าขึ้นมองพนักงานเสิร์ฟและพูดว่า “คนสวยอย่าใส่ใจเขาเลย เขาแค่อยากคุยกับคุณ”
แต่พนักงานเสิร์ฟไม่สนใจเขา เธอจ้องที่เสี่ยวหลัวด้วยความงุนงง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
เธอมีผมที่สั้น เธอใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟสีแดงที่ขับเน้นรูปโค้งของเธออย่างสมบูรณ์แบบ ใบหน้าของเธอเป็นรูปไข่และดวงตาของเธอก็ไม่ถือว่าเล็กจนเกินไป ด้วยคุณสมบัติใบหน้าที่ยอดเยี่ยมของเธอนี้ เธอได้แสดงออกถึงบรรยากาศที่สง่างามและเคร่งขรึม เธอก็คือ ฮวาง รั่วหราน ผู้ดูแลเอกวิชาเอกภาษาอังกฤษนั่นเอง
เสี่ยวหลัวเป็นคนสุดท้ายที่เธอคาดหวังว่าจะได้เห็นที่นี่ ครอบครัวของเธอไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเธอจึงมาหางานพิเศษทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ เธอจึงเลือกร้านอาหารหม้อไฟแห่งนี้ เพราะมันอยู่ไกลจากหัวเย่ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมาพบกับใบหน้าที่คุ้นเคยที่นี่ – นอกจากนี้เสี่ยวหลัวยังเป็นคนที่ต่อต้านเธออยู่เสมออีกด้วย
ในตอนนี้เธอรู้สึกเวียนหัวและมีสองคำอยู่ในใจ: มันจบสิ้นแล้ว!
“โอ้พระเจ้า ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
ฮวาง รั่วหราน กำลังจะพังทลาย ไม่ว่าใครที่มาเจอเธอในที่ทำงานพาร์ทไทม์แห่งนี้ มันคงดีกว่าเจอเขาเป็นสิบเท่า แต่มันกลับกลายเป็นเสี่ยวหลัว เสี่ยวหลัวที่ทำให้เธออัปยศอย่างรุนแรง เธอหวังว่าจะมีรอยแยกอยู่บนพื้นดินเพื่อสามารถให้เธอมุดลงไปหลบซ่อนจากเขาได้
“สาวสวย สาวสวย?”
จาง ซูซาน เรียกอยู่สองสามครั้ง เธอจึงดึงสติกลับมาได้ หลังจากที่มัวหลงอยู่ในความคิดที่ขัดแย้ง
“ท่านคะ นี้คืออาหารที่คุณสั่งและนี่คือใบเสร็จของคุณ คุณสามารถตรวจดูรายการและดูว่าอาหารทั้งหมดมาเสิร์ฟหรือยัง” ฮวาง รั่วหราน บังคับให้ตัวเธอเองใจเย็น เธอเติมน้ำและส่วนผสมพื้นฐานลงในหม้อ เธอไม่กล้าที่จะมองเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวประหลาดใจ นี่คือ รั่วหราน ที่มีคำพูดทรงพลังและกล้าหาญในชั้นเรียน?
แน่นอนเขารู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของกฎระเบียบของร้านอาหารหม้อไฟ พนักงานเสิร์ฟทุกคนจะต้องพูดกับลูกค้าชายว่าเป็น“ท่าน” ด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรและมีทัศนคติที่ดี มิเช่นนั้นเจ้านายของพวกเขาก็ไม่ต้องการพนักงานที่ไม่ฟังคำสั่งพวกนี้
และเสี่ยวหลัวยังรู้อีกด้วยว่า ฮวาง รั่วหราน ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกอับอายและเครียดมาก เขาไม่อยากทำให้เธออยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดใจเขาจึงพูดว่า“เราสามารถทำเองได้ไม่ต้องกังวล คุณไปจัดการเรื่องอื่น เถอะ”
เขาไม่ใช่คนที่ชอบทำให้คนอื่นขายหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่คิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าอายตรงไหน ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยจะทำงานนอกเวลา อย่างน้อยพวกเขาก็พึ่งพาตนเองและเข้าใจการทำงานของสังคมเร็วกว่าคนอื่น เขารู้สึกยกย่อง ฮวาง รั่วหราน เท่านั้นและไม่ได้มีเจตนาที่จะดูหมิ่นเธอแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ฮวาง รั่วหราน ไม่ได้คิดเช่นนั้น ในจินตนาการของเธอเสี่ยวหลัวที่กำลังยิ้มอยู่ในตอนนี้ เขากำลังหัวเราะเยาะเธอแน่ๆ
เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ เธอรีบเดินออกไปตามคำแนะนำของเสี่ยวหลัว