ตอนที่ 60 ขยับเก้าอีกออกไปหน่อยสิ

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

เสี่ยวหลัวและ จาง ซูซาน กำลังกินหม้อไฟกันอย่างเพลิดเพลิน บางครั้ง จาง ซูซาน ก็จะพูดเรื่องตลกที่ลามก ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกัน ฉากที่ปรากฏนี้มันดูกลมกลืนมาก แต่ในมุมมองของ ฮวาง รั่วหราน เสี่ยวหลัว ที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานอยู่นั้น เมื่อใดก็ตามที่พวกเขากระซิบกระซาบหรือหัวเราะกัน เธอหวาดระแวงมาก เธอคิดว่าพวกเขากำลังพูดนินทาเรื่องของเธออยู่

“เมื่อเสี่ยวหลัวกลับไป เขาคงจะบอกกับทุกคน ว่าฉันทำงานที่นี่ในฐานะพนักงานเสิร์ฟแน่ๆ” ฮวาง รั่วหราน พึมพำกับตัวเอง

คิ้วของ ฮวาง รั่วหราน ขมวดชิดติดกัน เธอมีบุคลิกที่แข็งแกร่งและไม่ต้องการให้ใครเห็นถึงอีกด้านของเธอที่อยู่ในฐานะพนักงานเสิร์ฟที่โค้งตัวลงเพื่อต้อนรับลูกค้า แต่โชคก็ไม่ได้เข้าข้างเธอ เธอพบกับเสี่ยวหลัวในคืนนี้ และในวันจันทร์ความลับของเธอก็จะต้องถูกเปิดเผยออกไป และเธอก็จะสูญเสียความสง่างามและไม่มีใครเคารพเธอในฐานะผู้ดูแลชั้นเรียนอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ ฮวาง รั่วหราน ที่กำลังคิดมากอยู่นั้น เสี่ยวหลัว ตอนนี้เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องของเธอเลย เขาเพลิดเพลินไปกับหม้อไฟที่แสนอร่อยและพูดคุยกับเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เรื่องของมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ใกล้ความคิดของเขาเลย มันอยู่ห่างจากความคิดของเขา ไกลตั้งแต่พื้นโลกไปจนถึงดวงจันทร์

เขากินเนื้อและดื่มน้ำซุป ตอนนี้เสี่ยวหลัวกำลังมีความสุขมาก

“ทำไมหลัวเหม่ยถึงไม่ชอบฉัน การที่ฉันมีใบหน้าขนาดใหญ่ มันทำให้เธอปฏิเสธฉัน มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย”

หลังจากที่พวกเขาทานไปได้ครึ่งทาง จาง ซูซาน ก็เริ่มบ่น หลัวเหม่ย ที่เขาพูดถึงก็คือ น้องสาวของเสี่ยวหลัว และคำว่า หลัวเหม่ย ก็ย่อมาจาก ชื่อของเสี่ยวรุ่ยอิง” ถัง เหริน ไอเจ้านั่นมันมีดีกว่าฉันตรงไหน? ผิวของมันเรียบเนียนเหมือนผิวของตูดทารกและใบหน้าของมันก็เล็กและเรียว มันไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความมั่นคงเลย หลัวเหม่ยเห็นอะไรในตัวเจ้านั่นกัน ฉันไม่เข้าใจสิ่งนี้จริงๆ”

“ใครจะตำหนิเรื่องนี้ได้? ฉันสร้างโอกาสให้แกมาตั้งมาก ผลก็คือแกกลับลากน้องสาวของฉันไปเล่นLandlord War ตลอดทั้งคืน น้องสาวของฉันบ่นกับฉันว่าแกมันเป็นไอโง่” เสี่ยวหลัว วางตะเกียบของเขาและด่า เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทีไร เขาก็ของขึ้นทุกที(Landlord War เกมพนันเล่นไพ่)

ใบหน้าของ จาง ซูซาน เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ “แกจำไม่ได้เหรอ แกก็รู้หนิว่า เมื่อฉันได้เล่นLandlord War ฉันก็ไม่สามารถหยุดเล่นมันได้เลย เมื่อฉันได้จับไพ่โป๊กเกอร์แล้ว”

เสี่ยวหลัวขี้เกียจเกินที่ด่าเจ้านี่แล้ว เขาเทลูกชิ้นก้อนใหญ่ลงในหม้อ เพื่อหยุดการสนทนา

ในเวลานี้คนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังของพวกเขา มีชายสี่คนและหญิงสองคนที่มีรอยสักอยู่บนร่างกายของพวกเขา และแขนที่ว่างเปล่าของพวกเขาก็สวมโซ่ทองคำอยู่ พวกเขาดูเหมือนกับโจรที่ไร้เหตุผลและมีความรุนแรง พวกผู้หญิงแต่งตัวเปิดเผยและที่เล็บก็ทาสีดำ นอกจากนี้พวกเขายังฉีดน้ำหอมจนกลิ่นฉุนกระจายไปทั่ว ทันทีที่พวกเขาสั่งอาหารเสร็จพวกเขาเริ่มพูดคุยกันเสียงดัง ตรงที่พวกเขานั่งอยู่ เสียงของพวกเขาดังมาก พวกเขาทำราวกับว่าพวกเขาเป็นเจ้าของร้านหม้อไฟแห่งนี้อย่างไรอย่างนั้น

แน่นอน จาง ซูซาน ไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเลยที่พวกเขาพูดเสียงดัง แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ก็คือไอเจ้าขี้เปียกที่นั่งอยู่ข้างหลังนี่ มันรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของเขา และไอเจ้าขี้เปียกนี่มันยังนั่งโยกหลังมาไปมาอีก จาง ซูซาน ยืนขึ้นในทันที

ณ จุดๆนี้ เขาไม่สามารถทนรับมันได้อีกต่อไป เขาตบไหล่ของชายคนนั้นแล้วพูดว่า“เฮ้เพื่อน นายช่วยขยับเก้าอี้ของนายออกไปหน่อยได้ไหม? มันอึดอัดมากที่นายรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของฉัน ถ้านายขยับฉันจะขอบคุณเป็นอย่างมาก!”

ชายคนนั้นหันศีรษะของเขามาและและทำเพียงมองอย่างถูกเหยียดหยามจากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปและพูดคุยกับคนเพื่อนของเขาต่อ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของ จาง ซูซาน อย่างไรอย่างนั้น

ไอเชี้ยนี่!!

จาง ซูซาน ก่นด่าสาปแช่งในใจ

“มีอะไรงั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว ถาม

“จะเรื่องอะไรซะอีกหละเพื่อน แกไม่เห็นหรือไง ว่าฉันกำลังจะถูกบีบจนจะเป็นก้อนขี้อยู่แล้วเนี้ย?”

จาง ซูซาน อารมณ์เสียมาก ในตอนนั้นเองเขาก็มองเห็น ฮวาง รั่วหราน ผู้ซึ่งกำลังเติมน้ำให้กับลูกค้าที่โต๊ะอื่น เขากวักมือเรียกเธอทันที“คนสวย มาที่นี่หน่อย”

ฮวาง รั่วหราน เดินเข้ามาอย่างไม่เต็มใจ โดยที่เธอไม่ได้มองไปที่เสี่ยวหลัวเลย เธอถามว่า“ท่านต้องการเติมน้ำด้วยเหรอคะ”

“คนสวย ลองมองลงไปที่น้ำในหม้อของเรา ดูสิว่า เราต้องการมันไหม”

จาง ซูซาน ชี้ไปที่หม้อไฟที่กำลังเดือด แล้วชี้ไปที่พื้นที่รอบๆ เขาพูดต่อว่า “ร้านอาหารหม้อไฟแห่งนี้ควรมีพื้นที่ ที่เพียงพอสำหรับลูกค้า แต่ดูตัวฉันในตอนนี้สิ ฉันรู้สึกอึดอัดมากที่ได้นั่งที่นี่ จนฉันรู้สึกกินอะไรแทบไม่ลง ลองบอกมาสิว่าฉันควรทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี?”

ฮวาง รั่วหราน เห็นว่ามันเป็นเพราะคนที่อยู่ข้างหลัง เขาขยับเก้าอี้ของเขาออกมาไกลเกินไป มันจึงได้บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของ จาง ซูซาน อย่างรุนแรง พื้นที่ที่เหลือสำหรับ จาง ซูซาน นั้นมันไม่เพียงพอที่จะรองรับตัวเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงการรับประทานอาหารเลย แค่การนั่งอยู่คนเดียวนั้นมันก็รู้สึกไม่สบายแล้ว

เธอพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินไปหาชายคนนั้นและพูดอย่างสุภาพว่า“ท่านคะ ช่วยขยับเก้าอี้ของท่านไปทางข้างหน้าหน่อยได้ไหมคะ?”

ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “ทำไมฉันต้องขยับเก้าอี้ไปข้างหน้า? ฉันชอบที่จะนั่งแบบนี้เพราะมันสบายดีออก แล้วทำไมฉันจะต้องขยับด้วยล่ะ?”

ฮวาง รั่วหราน กล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ท่านบุกรุกพื้นที่ของลูกค้าท่านคนอื่น มันทำให้เขา….”

“มีเส้นแบ่งเขตที่นี่หรือไง? หรือมีกฎที่บอกว่าฉันต้องอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ของฉันเท่านั้น และฉันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนย้ายเก้าอี้ก?” ผู้ชายคนนั้น กำลังอารมณ์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ฮวาง รั่วหราน ไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะไร้เหตุผลได้มากขนาดนี้ แต่เธอก็มีบุคลิกที่สูงส่งและไม่ยอมแพ้เช่นกัน เนื่องจากลูกค้าคนนี้หยาบคายมาก เธอจึงเชิดใบหน้าขึ้นและใช้น้ำเสียงที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม“ขอโทษนะคะ โปรดเลื่อนเก้าอี้ของท่านกลับไปข้างหน้าด้วย!”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ พวกเพื่อนๆของมันก็หัวเราะออกมาในทันที ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงที่เกิดขึ้น และพวกเขาก็ไม่กลัวหรือกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาเลย

“ชานชี เนื่องจากสาวสวยคนนี้บอกให้ขยับนายก็ขยับให้เธอไปสิ”

“ฮ่าฮ่า… .. ใช่แล้ว ควรให้ความสำคัญกับสาวสวยคนนี้สักหน่อย”

“ใช่แล้ว ผู้หญิงที่น่ารักคนนี้ไม่เลวเลย แกสามารถทำตัวไม่ดีกับใครก็ได้ แต่แกไม่ควรทำตัวไม่ดีกับสาวสวย และเธอคนนี้ก็ดีกว่า อีกระหรี่ ที่เพิ่งเลิกกับแกไปมาก”

บางคนก็หัวเราะขณะที่พูดออกมา หนึ่งในนั้นโอบผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาลูบไล้ขาของผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาแตะต้องผู้หญิงคนนั้นไปทุกที่ มันไม่เพียงแต่ผู้หญิงคนนั้นจะไม่คิดอะไร แต่เธอก็ยังสนุกไปกับมันอีก เมื่อร่างของเธอแนบชิดไปกับร่างกายของชายคนนั้น

ชายที่ชื่อ ชานซี มีสีหน้าโหดเหี้ยม เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เพื่อนของเขาพูด เขาก็หัวเราะและจ้องมองอย่างหยาบคายไปที่ ฮวาง รั่วหราน เขาพูดกับ ฮวาง รั่วหราน ว่า“ถ้าเธอต้องการให้ฉันขยับ ฉันก็จะขยับ แต่เธอต้องจูบฉันก่อน ฉันถึงจะขยับที่นั่งให้”

พวกเพื่อนๆของเขาหัวเราะออกมาเสียงดังและโห่ร้อง “สาวสวย จูบเลย จูบเลย ฮ่าฮ่าฮ่า… ..”

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นพวกอันธพาล!

ฮวาง รั่วหราน กัดฟันของเธอด้วยความโกรธ แม้ว่าเธอจะทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่มาเกือบปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และในเวลานนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร

“พี่ชาย เธอขอให้นายขยับเก้าอี้ และเธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น แต่นายมีสิทธิ์อะไร ถึงทำตัวเจ้าชู้ใส่เธอได้?” จาง ซูซาน หันหน้าไปมอง เขาหยิบชิ้นเนื้อขึ้นมาด้วยตะเกียบของเขา แล้วยัดมันเข้าไปในปากด้วยความเอร็ดอร่อย

เสี่ยวหลัว ยังนั่งอยู่กับที่ เขาทำเพียงกินเนื้ออย่างช้าๆด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแส

ชายที่ชื่อ ชานซี กระแทกถ้วยไวน์ของเขาลง เขายืนขึ้นหันหลังกลับและมองไปที่ จาง ซูซาน ด้วยท่าทางที่เอาเรื่อง “ไอแม่เย็…ด.ใครให้ความกล้ากับแก แกถึงกล้ามาอวดดีใส่ฉัน!”

เขาขยับเก้าอี้เข้าไปในพื้นที่ของ จาง ซูซาน มากกว่าสิบเซนติเมตร ด้านหลังของเก้าอี้ชนกับแขนของ จาง ซูซาน โดยตรง จากนั้นเขาก็กระแทกเท้าของเขาบนเก้าอี้ และพูดอย่างท้าทาย ขณะที่ชี้ไปที่พื้น“ฉันวางเก้าอี้ไว้ตรงนี้แล้วมันจะทำไม! ไหนแกลองขอให้ฉันขยับมันอีกสักทีซิ!”