ตอนที่ 426 งานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนเก่าของซูมู่ชิง

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 426 งานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนเก่าของซูมู่ชิง!

หลังจากที่เย่เฉินแต่งงานกับซูมู่ชิงแล้ว ทั้งสองคนยังไม่ได้ฮันนีมูนกันเลย

บวกกับที่ครั้งนี้เขาเข้าใจหญิงสาวผิดไป พอดีกับว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดหญิงสาว เขาเลยอยากอาศัยโอกาสนี้ชดเชยให้หญิงสาว

แต่ว่าซูมู่ชิงกลับปฏิเสธทันที “พรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมต้นของฉัน ฉันรับปากเพื่อนไปแล้ว”

งานเลี้ยงรุ่นเพื่อนนักเรียนมัธยมต้น?

คิดไม่ถึงว่าจะไปจัดกันในวันเกิดของหญิงสาว?

“อ้อ” ในเมื่อซูมู่ชิงรับปากเพื่อนไปแล้ว เย่เฉินเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงถาม “จองร้านอาหารร้านไหนไป?”

ซูมู่หลินตอบ “ร้านชงชงน่าเหนียน เป็นร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์โรงเรียน”

เย่เฉินพยักหน้าหงึกหงัก “ก็ได้ งั้นคุณไปงานเลี้ยงรุ่นเถอะ”

เย่เฉินเองก็ดูผิดหวัง วันเกิดเป็นวันสำคัญ คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะตกปากรับคำจะไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น

หญิงสาวจะต้องตกปากรับคำเพื่อนๆ ไปเมื่อสองวันก่อนแน่ ตอนที่เย่เฉินไม่สนใจหล่อน

มิฉะนั้นจากระดับความรักที่หญิงสาวมีให้กับเขา ไม่มีทางจะใช้วันเกิดไปกับเพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่ได้จะสนิทสนมกันสักเท่าไหร่

หลังจากนั้นเย่เฉินก็หันไปสั่งซีกวา บอกให้อีกฝ่ายเอาเปียโนคลาสสิคตัวหนึ่งไปส่งไว้ที่ร้านชงชงน่าเหนียก่อนเที่ยง

เย่เฉินตั้งใจจะไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นของหล่อนและทำเซอร์ไพรส์ให้หญิงสาว!

วันสำคัญอย่างวันเกิด เย่เฉินที่เป็นสามีจะไม่เข้าร่วมได้ยังไง!

6 โมงเย็นวันต่อมา ซูมู่ชิงสวมเสื้อโคทเรียบๆ กับกางเกงยีนส์ ไปที่ร้านชงชงน่าเหนียน

นี่เป็นร้านอาหารที่ตกแต่งในแนวโรงเรียน ไม่ได้หรูหรามากมาย

บวกกับที่วันนี้เป็นวันนัดเลี้ยงกับเพื่อนๆ ทำให้หญิงสาวไม่สวมชุดกระโปรง หรือรองเท้าส้นสูง แต่แต่งตัวธรรมดา

แต่ว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวย ต่อให้แต่งตัวธรรมดาก็ยังทำให้คนต้องหันมอง

ซูมู่ชิงคุ้นเคยกับสายตาคนอื่นที่จ้องหล่อนมานานแล้ว จึงไม่ได้สนใจอะไร

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้หล่อนประหลาดใจก็คือ หลังจากที่หล่อนเข้าไปในร้านแล้ว เหมือนว่าไม่มีใครจะสนใจหล่อน ทุกคนล้วนแต่จับจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าหล่อน

ซูมู่ชิงมองเด็กหญิงตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ทั้งบุคลิกและเรือนร่างของอีกฝ่ายดูดีอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่เท่าตนเองแต่ก็นับว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง

อีกทั้งผู้หญิงคนนี้อายุยังน้อย น่าจะน้อยกว่าหล่อน 4-5 ปี

“ฉันแก่แล้วเหรอ? ก็เลยสู้เด็กผู้หญิงไม่ได้หรือเปล่านะ?”

ซูมู่ชิงเองก็คิดว่าสายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้มองตนเอง ไพล่คิดว่าเป็นเพราะอายุอานามของตนเองล่วงเลยกลายเป็นป้าแล้ว

อย่างไรเสียตอนนี้สาวน้อยที่เกิดในปี 2000 ต่างก็กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ร่างกายเติบโตสะพรั่ง หลังจากแต่งหน้าแล้วก็มีเสน่ห์ของผู้หญิงเต็มตัว แถมยังมีคอลลาเจนและความใสซื่อที่สาวน้อยวัยแรกรุ่นเท่านั้นที่จะมีได้

ผู้หญิงอายุใกล้จะ 30 ปีจะให้ดูแลตัวเองอย่างไรก็สู้ไม่ได้

ซูมู่ชิงเองก็เป็นผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาและดูแลตัวเองอย่างมาก หล่อนเองก็หวาดกลัวความแก่ชราเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ

แต่พอมองสายตาและฟังจากที่พวกเขาพูดกันแล้ว ซูมู่ชิงก็คิดว่าพวกเขาไม่ได้จะดูแค่สาวสวยๆ เท่านั้น

เด็กผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ตรงหน้าซูมู่ชิงเหมือนจะเป็นคนดัง!

“รีบดูเร็วๆ นั่นมันวังเหม่ยฉีดาราไอดอลไม่ใช่เหรอ!”

“หวังเหม่ยฉีคือใคร? ร้องเพลงหรือแสดงละคร? มีงานดังๆ ไหม?”

“ก็คนที่โดนข่าวแฉไงว่าเป็นกิ๊กกับลูกคนรวยที่เทียนไห่ที่รถชน ข่าวพาดหัวเลยเชียวนะ!”

“อ้อ จำได้แล้ว เหมือนว่าจะเป็นลูกชายตระกูลหลิ่วเจ้าของบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสชุนเฟิงที่เทียนไห่”

“ก็ออกมาแก้ตัวแล้วไม่ใช่เหรอ? วังเหม่ยฉีโดนใส่ร้าย หล่อนโดนหลิ่วอวี่เจ๋อหลอกไง”

“ฮ่าๆ ฉันว่านะหล่อนไม่ได้เป็นเหยื่ออะไรหรอก ทำไมหล่อนไม่โดนหลอกบ้างล่ะ? พูดไปแล้วก็เห็นแก่เงินนั่นแหละ!”

“พูดเบาๆ เดี๋ยวหล่อนได้ยิน!”

“…”

ซูมู่ชิงผ่อนฝีเท้าลง ขณะแอบฟังคำวิจารณ์ของคนอื่นๆ ถึงได้รู้ว่าที่แท้เด็กสาวตรงหน้าเป็นดาราไอดอลชื่อดังอย่างวังเหม่ยฉี

คนอายุอานามอย่างซูมู่ชิงเลิกตามดาราไปนานแล้ว นับประสาอะไรกับดาราที่อายุน้อยกว่าหล่อน หล่อนไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามด้วยซ้ำ

แล้วทั้งสองคนต่างก็ไปถึงห้อง VIP ที่เหมาเอาไว้อย่างรวดเร็ว

ตอนซูมู่ชิงเข้าไปในห้อง VIP ก็พบว่าเพื่อนๆ นักเรียนคนอื่นๆ มากันครบแล้ว

งานเลี้ยงรุ่นคราวนี้ไม่ใช่เพื่อนทั้งห้อง แต่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ รวมๆ กับซูมู่ชิงแล้วก็แค่สิบคนเท่านั้นเอง

ตอนม.ต้น ซูมู่ชิงก็เป็นเหมือนคนทั่วๆ ไปที่เรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดัง เพื่อนนักเรียนพวกนี้มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี แต่ไม่ถึงขนาดตระกูลซู

พูดได้ว่าในสายตาของพวกเขาซูมู่ชิงเป็นเหมือนเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ เป็นคนที่พวกเขาใฝ่ฝันถึง

เพื่อนสิบคนที่มางานเลี้ยงรุ่นล้วนแต่เป็นคนที่ค่อนข้างมีพื้นฐานที่ดีในห้อง ผู้ชายแทบทุกคนพ่อแม่เป็นข้าาราชการ อีกทั้งยังมีหน้าที่การงานที่ดี

ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่กล้าชวนคุณหนูซู

ที่จริงถึงแม้ว่าซูมู่ชิงจะเป็นคนเย็นชา แต่ก็ดีกับเพื่อนในห้อง

หล่อนไม่ดูถูกเพื่อนในห้องหรือคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าใครเพียงเพราะถือว่าตนเองมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีกว่าคนอื่น ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเพราะเพื่อนในห้องคิดกันไปเองแล้วเกิดบูชาหล่อนไปเอง

“อ้าว ดาวห้องเรียนเรามาแล้ว ทุกคนรีบลุกขึ้นต้อนรับหน่อย!”

ผู้ชายสวมแว่นปรบมือเป็นคนแรก

เขาเป็นหัวหน้าห้องชื่อสวี่เจี๋ย

เพื่อนทุกคนลุกยืนขึ้นเพื่อต้อนรับซูมู่ชิง

ซูมู่ชิงเกรงใจทันที “เพื่อนกันทั้งนั้น อย่าทำแบบนี้เลย ทำเอาจนฉันเขินหมดแล้วเนี่ย”

ซูมู่ชิงเองก็ได้เห็นว่าโต๊ะในห้อง VIP นี้ไม่ใช่โต๊ะกลมแบบที่ใช้กันในร้านอาหารทั่วๆ ไป แต่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนโต๊ะเรียนในโรงเรียน

ก็ร้านอาหารที่ตกแต่งแบบโรงเรียน คนที่มาก็ชอบมาจัดงานเลี้ยงรุ่น ดังนั้นถึงได้จงใจตกแต่งร้านแบบนี้เพื่อให้คนย้อนนึกถึงสมัยเป็นนักเรียน

ห้องขนาดใหญ่มาก แถมด้านในสุดยังมีเปียโนตั้งอยู่

“มู่ชิงไม่ได้เจอกันนานเลย”

“พี่มู่ชิง สวยขึ้นกว่าเดิมอีกแล้วนะ!”

เพื่อนนักเรียนผู้หญิงต่างก็ทักทายหญิงสาวอย่างสนิทสนม

เพื่อนผู้หญิงในห้องที่ค่อนข้างสนิทสนมกับหล่อนก็ถาม “มู่ชิง ทำไมไม่ใส่สร้อยที่สามีให้มาด้วยล่ะ! พวกเธอไม่ได้ไปงานแต่งก็เลยไม่รู้กันล่ะสิ หลายวันก่อนมู่ชิงแต่งงาน ในงานแต่งงานสามีหล่อนเอาสร้อยคอและต่างหูที่แพงที่สุดในโลกให้หล่อนด้วยล่ะ”

เพื่อนผู้ชายกล่าว

“ไม่ใช่สิ ฉันได้ยินมาว่าสามีของมู่ชิงแต่งเข้าไม่ใช่เหรอ?”

“นั่นสิ ฉันเองก็ได้ยินเหล่าเจิ้งเขาบอกว่าสามีของมู่ชิง ไม่มีเงิน ไม่ทำงาน ไม่มีบ้านที่เมืองหลวงด้วยซ้ำไป ตอนนี้อยู่ในเรือนสี่ประสานของมู่ชิงนี่”

ซูมู่ชิงไม่ได้เชิญเพื่อนผู้ชายไปงานแต่ง ส่วนเพื่อนผู้หญิงที่เชิญไปงานมีแค่สองคน

ดังนั้นคนจำนวนมากเลยไม่รู้รายละเอียด แต่รู้แค่ว่าหล่อนแต่งงาน

ใบหน้าสวี่เจี๋ยผู้เป็นหัวหน้าห้องสับสน ตอนเขามองซูมู่ชิงแววตาตื้นตัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เห็นหล่อนเป็นแค่เพื่อนนักเรียนเท่านั้น

“ซูมู่ชิงสามีเธอทำงานอะไรเหรอ? ไหนลองเล่าให้เราฟังหน่อยสิ สร้อยคอกับต่างหูที่แพงที่สุดในโลกที่ว่าเป็นของเขาจริงๆ เหรอ?”

สวี่เจี๋ยนั้นสงสัยในตัวของสามีซูมู่ชิงอย่างมาก!