ตอนที่ 425 คุณก็คือควีนแห่งบาร์เหล้า

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 425 คุณก็คือควีนแห่งบาร์เหล้า!

เช้าวันต่อมาซูมู่ชิงตื่นไปวิ่งแต่เช้า

ส่วนเย่เฉินที่วางแผนธุรกิจตลอดทั้งคืน เขาจึงตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 6 โมงเช้า

ตอนแรกว่าจะตื่นเช้าๆ เพื่อไป Morning kiss ตามที่ซูมู่ชิงชอบ

เสียดายที่เขาตื่นไม่ทันหญิงสาว

ดังนั้นเย่เฉินเลยทำอาหารให้หญิงสาวเองกับมือ

เขาจัดแจงใส่เส้น ต้นหอม ขิง กระเทียมสับละเอียด ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว จิ๊กโฉว่ ผสมน้ำมัน ต้มน้ำแล้วคลุกเคล้าให้เจ้ากัน จากนั้นก็ใส่ผักสด

แล้วกลิ่นหอมของน้ำมันก็หอมลอยโชยออกมาจากเตา

ซูมู่ชิงเพิ่งกลับมาจากไปวิ่ง หล่อนสวมหมวกปีกยาวและผ้าปิดปาก หญิงสาวถอดผ้าปิดปากออกมาเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน

ใบหน้าสดใสเต็มไปด้วยเหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้า

ทำให้หญิงสาวดูสะสวยและบริสุทธิ์อย่างเห็นได้ชัด

เพิ่งจะเดินเข้าตัวบ้าน ซูมู่ชิงก็ได้กลิ่นหอมลอยออกมา ทันที่เดินเข้าตัวบ้านก็พบว่าเย่เฉินกำลังเตรียมอาหารเช้า

ส่วนซวงเอ๋อร์กับซือซือนั่งข้างๆ เขา พวกหล่อนเริ่มลงมือกินอาหารแล้ว

เย่เฉินเห็นซูมู่ชิงไปวิ่งกลับมาก็กล่าวพลางระบายยิ้ม “มู่ชิง คุณกลับมาแล้วเหรอ เร็วๆ รีบกินตอนร้อนๆ ลองชิม โหยวพัวเมี่ยนที่ผมเพิ่งทำเสร็จนี่สิ”

ซูมู่ชิงยังคงปั้นสีหน้าเย็นชาใส่เขา หล่อนส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบกินของมันๆ ตอนเช้า”

เย่เฉินถือช้อนและตะเกียบเดินไปหาซูมู่ชิง แล้วเป็นฝ่ายหยิบก๋วยเตี๋ยวเส้นหนาขึ้นมาป้อนเข้าปากของซูมู่ชิง

“ไม่มันหรอก หอมมากนะ คุณลองชิมสิ”

“ฉันไม่กิน”

ปากซูมู่ชิงพูดว่าไม่กินแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่เย่เฉินถือถ้วยบะหมี่เดินมาหา ซูมู่ชิงก็อ้าปากโดยอัตโนมัติ

เคี้ยวๆ ไปสักพักก็จัดการกลืนเจ้าบะหมี่ที่ว่าลงท้องไป

ซือซือที่อยู่ข้าๆง ก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆ คุณแม่ปากบอกไม่กินแต่ว่าก็กินเข้าไปแล้ว”

ซูมู่ชิงลอบด่าตัวเองว่าไม่เอาไหนเลย ทำไมปากถึงไม่ทำตามที่ใจสั่งล่ะ?

ต้องโทษที่ตัวตะกละในท้องหล่อน หล่อนเองก็เป็นนักกินคนหนึ่ง!

“อร่อยล่ะสิ? ให้ผมตักให้สักจานไหม?” เย่เฉินถามพลางระบายยิ้ม

ซูมู่ชิงมีสีหน้าเก้อเขิน หล่อนกินข้าวไปแล้วก็กลืนน้ำลายไม่หยุด และไม่เสแสร้งอีกต่อไป “อืม”

เย่เฉินจึงตักให้หญิงสาวชามหนึ่ง ซึ่งหล่อนเองก็กินอย่างเอร็ดอร่อย

ซวงเอ๋อร์และซือซือก็เช่นกัน

ซวงเอ๋อร์กินไปและชมไปด้วย “คุณชายทำอาหารอร่อยมากจริงๆ! แหมมีความสุขจังค่ะ ที่ได้กินอะไรอร่อยๆ แบบนี้ทุกวัน”

ซูมู่ชิงหันไปเคาะหน้าผากสาวใช้ “เธอนี่นะ ยังจะกล้าพูดอีก เรื่องแบบนี้เธอน่าจะเป็นคนทำไม่ใช่เหรอ?”

ซวงเอ๋อร์กล่าวพลาระบายยิ้ม “อาหารที่ฉันทำจะอร่อยเท่าของคุณชายได้ยังไงล่ะคะ”

ถึงแม้ว่าซวงเอ๋อร์จะเป็นสาวใช้ของซูมู่ชิง แต่ซูมู่ชิงปฏิบัติกับหล่อนราวเป็นน้องสาวแท้ๆ ไม่ได้แบ่งแยกชนชั้นเป็นเจ้านายกับสาวใช้แต่อย่างใด

ส่วนเย่เฉินหลังจากมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่เคยเรียกใช้ซวงเอ๋อร์เหมือนอีกฝ่ายเป็นสาวใช้แต่อย่างใด เขาที่เป็นคุณชายยังยอมทำอาหารให้หล่อน นี่ทำให้ซวงเอ๋อร์ซาบซึ้งใจอย่างมาก

ซวงเอ๋อร์กินบะหมี่เต็มถ้วยจนหมด แล้วตักเพิ่มอีกถ้วย เติมผงพริกพลางเอ่ยถาม

“คุณชาย ตระกูลของคุณก็เป็นเหมือนคุณหนู คนใช้น่าจะมีเยอะมากมายล่ะสิ? คุณปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนที่คุณหนูเห็นซวงเอ๋อร์เป็นเหมือนคนในครอบครัวหรือเปล่าคะ?”

ซวงเอ๋อร์เองสนใจในเรื่องราวที่ตระกูลเย่อย่างมาก

คำถามนี้ทำให้ซูมู่ชิงเองก็แหงนหน้ามอง หล่อนเองก็เป็นสะใภ้ตระกูลเย่แล้ว แต่กลับไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวของพวกเขาและไม่รู้เช่นกันว่าตระกูลเย่เป็นอย่างไรกันแน่

เย่เฉินกล่าว “นอกจากพ่อบ้านฟางที่ติดตามคุณปู่ผมมาหลายสิบปี คนอื่นๆ ในตระกูลเย่ก็แบ่งแยกกันระหว่างเจ้านายและลูกน้องกันอย่างชัดเจน ไม่เหมือนคุณกับซูมู่ชิงหรอกนะที่เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาวกัน อย่างเราสามคนพี่น้องไม่มีคนรับใช้หรอก แต่น้องสาวทั้งหลายของผมมีคนใช้เยอะเลย มีคนรับผิดชอบคอยปลุกพวกหล่อน สอนแต่งหน้าหล่อน สอนมารยาทหล่อน แถมยังต้องคอยแจ้งกำหนดเวลาให้พวกหล่อนแถมคอยวางแผนให้หล่อนเพื่อบอกว่าหล่อนต้องทำอะไรตอนกี่โมง และยังมีคนขับรถ บอดี้การ์ด สไตล์ลิสให้พวกหล่อนโดยเฉพาะ”

ซวงเอ๋อร์เบิกตากว้าง “โห เป็นผู้หญิงตระกูลซูของคุณชายจะต้องเหมือนองค์หญิงแน่เลย! คุณชายได้ยินมาว่าคุณชายมีน้องสาวตั้งหลายคน คนที่เด็กที่สุดอายุเท่าไหร่?”

เย่เฉินกล่าว “น้องสาวคนที่เจ็ดที่เด็กที่สุดอายุเพิ่ง 9 ขวบ”

“เด็กจังเลยค่ะ โตกว่าซือซือไม่เท่าไหร่ พ่อของคุณชายน่าจะแข็งแรงกว่าคนในวัยเดียวกัน…”

ซวงเอ๋อร์อดกล่าวแซวไม่ได้

“คุณชายมีพี่น้องเยอะขนาดนี้ ตระกูลยกธุรกิจร้านเหล้าให้คุณชายกับคุณหนู ดูแล้วพวกเขาให้ความสำคัญกับคุณชายมากเลยนะคะ!”

เมื่อได้ยินซวงเอ๋อร์กล่าวแบบนี้ ซูมู่ชิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“เย่เฉิน คุณพอจะมาที่ห้องฉันหน่อยได้ไหม?”

เย่เฉินเองก็กินข้าวเสร็จแล้ว เขาผุดลุกขึ้นอย่างดีใจ หรือว่าเพราะบะหมี่ถ้วยนี้ทำให้ซูมู่ชิงอารมณ์ดี

จนยอมอนุญาตให้เขาเข้าไปนอนในห้องหล่อนได้แล้วเหรอ?

เพิ่งจะกินอิ่มแล้วไปออกกำลังกายหนักคงจะไม่ดีเท่าไหร่ล่ะมั้ง?

เย่เฉินเองยังคิดว่าซูมู่ชิงต้องการจะใกล้ชิดกับเขา เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็พบว่าไม่ใช่อย่างที่เขาคิด

ใบหน้าซูมู่ชิงยังคงเย็นชา เขากล่าว “นี่คือใบโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัทสุราทั้งหลายของคุณปู่คุณ บาร์เหล้าพวกนี้เป็นของคุณ แล้วก็กล่องสองใบนี้คือต่างหูกับสร้อยคอที่คุณให้ฉันมา ฉันขอคืนให้คุณ”

เย่เฉินเป็นคนให้ของพวกนี้กับซูมู่ชิง แต่คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะเป็นฝ่ายส่งของชิ้นนี้คืนให้เขา

ดูไปแล้วซูมู่ชิงคงจะโกรธเขามาก!

และเป็นไปอย่างที่คิดนางฟ้าเองจะเอาใจยากเย็นเหลือเกิน!

เย่เฉินมองของพวกนี้ “สร้อยคอเส้นนี้ ที่จริงแล้วพี่รองให้ผมมา ผมไปเจอมันในห้องเขาที่แถวนอกเมือง ได้มาตอนที่ไปรื้อกล่องนิรภัยของเขา แต่ว่าเขาไม่ได้อนุญาตหรอกนะ จะว่าไปแล้วถ้าเขาจะเอาคืนเราก็ควรต้องคืนให้เขา แต่ว่าหมอนี่ทำอะไรกับผมเอาไว้มาก อีกทั้งยังไม่เคยอธิบาย ผมเองเลยไม่คิดจะเอาคืนให้เขา คุณสวมไปเถอะ ส่วนต่างหูเพชรคู่นี้…”

เย่เฉินหลอกลวงซูมู่ชิง ว่าเป็นของที่มารดาเขาให้มา ที่จริงแล้วฉินหงเหยียนเป็นคนให้มา!

พอนึกถึงฉินหงเหยียนแล้ว เย่เฉินก็ถอนหายใจ “ในเมื่อหล่อนยกให้คุณก็คงจะไม่ขอคืนหรอก! ทั้งสร้อยคอและต่างหูก็เป็นของคุณทั้งหมด นอกจากคุณแล้วโลกใบนี้ไม่มีใครควรคู่จะสวมใส่มัน! ส่วนหนังสือถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ฉบับนี้…”

เย่เฉินหยิบสัญญาฉบับนี้มาแล้วฉีกทิ้งทันทีโดยไม่แม้แต่จะมอง

“เย่เฉิน…”

ซูมู่ชิงตกใจ

เย่เฉินกล่าว “มู่ชิง ของที่ผมให้คุณไม่มีทางขอคืนแน่นอน ไม่ว่าจะพูดยังไงนี่เป็นสิ่งที่ผมติดค้างคุณกับซือซือ ผมไม่มีทางให้คุณต้องยกมันให้ใคร คุณคือควีนของบาร์ในอังกฤษ ตอนที่คุณไปอังกฤษ ไม่ว่าจะชี้ไปที่ร้านเหล้าร้านไหนตามถนนของที่นั่นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคอ This is my house (ที่นี่คือพื้นที่ของฉัน!)”

ถ้าคำพูดนี้เย่เฉินบอกกับหวังเจียเหยา หญิงสาวคงจะกระโดดโลดเต้นไปแล้ว

ถึงแม้ว่าซูมู่ชิงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงใหลไปกับเงินทอง แต่ไม่ว่าจะผู้หญิงคนไหนก็ไม่น่าจะปฏิเสธความเย้ายวนใจนี้ได้ลงคอ?

เย่เฉินคว้าแขนหล่อน “ที่รัก อย่าโกรธผมเลยนะครับ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของคุณ ผมพาคุณไปเที่ยวสักสองวันดีไหม?”