บทที่ 601 มาขายแชร์ลูกโซ่ / บทที่ 602 รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 601 มาขายแชร์ลูกโซ่

ในขณะเดียวกัน ที่ชั้นล่าง

“หัวหน้าหยวนเซิง น่าเสียดายจริงๆ เดิมทีหัวหน้าใหญ่ทีมบอดี้การ์ดลับครั้งนี้ต้องเป็นของคุณอยู่แล้ว ปรากฏว่าเยี่ยหวันหวั่นผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมา จะต้องจงใจมาขัดขวางคุณด้วย!”

บอดี้การ์ดลับคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหยวนเซิงพูดขึ้นมา

“เป็นเพราะหัวหน้าหยวนเซิงยอมให้เยี่ยหวันหวั่นแน่นอน ไม่อย่างนั้น….”

“หึ ถ้าหัวหน้าตระกูลคนเดิมยังอยู่ บอดี้การ์ดลับอย่างพวกเราจะตกต่ำลงถึงจุดนี้ได้ยังไง การประลองแข่งขันเหมือนการละเล่นเด็กปล่อยให้ผู้หญิงวิ่งขึ้นมาบนสังเวียน? สุดท้ายตำแหน่งหัวหน้าทีมใหญ่กลับโดนเจ้าติดอ่างเศษสวะนั่นที่พูดยังพูดไม่คล่องแย่งไป!”

“หุบปาก!” หยวนเซิงกวาดตามองหลายคนนี้ สีหน้าเคร่งขรึม

เวลานี้ พอพูดถึงเยี่ยหวันหวั่นและเฟิงเสวียนอี้ขึ้นมา ช่องท้องของหยวนเซิงนั้นร้อนเป็นไฟ

“ใช่ๆๆ อย่าไปพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย น่าผิดหวังจริงๆ วันนี้พวกเราบอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 มารวมตัวกัน ไม่เมาไม่กลับ!”

ระหว่างที่พูด บอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 ก็มาถึงหน้าบาร์แล้ว

หยวนเซิงเพิ่งได้รับตำแหน่งหัวหน้าบอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 ไม่นาน ดังนั้น เหล่าบอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 เลยมาฉลองให้หยวนเซิง

ในตอนนี้เอง พวกเยี่ยหวันหวั่นเลิกราจากงานเลี้ยง เดินออกมาจากบาร์ช้าๆ

“บอดี้การ์ดลับ?”

เห็นบอดี้การ์ดลับของตระกูลซือยืนอยู่หน้าบาร์ เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไปทันที แต่ว่า พอย้อนคิด บอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 น่าจะมาฉลองให้หยวนเซิง

เยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัวในฐานะเยี่ยไป๋ แต่งตัวเป็นผู้ชาย แล้วยังหลบอยู่ท่ามกลางฝูงคนอีก ดังนั้นบอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ

ผู้ช่วยส่งลั่วเฉินกลับไปแล้ว หานเซี่ยนอวี่มองมาทางเยี่ยหวันหวั่น พูดขึ้นมา “เยี่ยไป๋ นายจะไปหาแฟนหรือเปล่า”

เยี่ยหวันหวั่นตอบ “อืม”

หานเซี่ยนอวี่พยักหน้า “งั้นฉันไปก่อนละ”

เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ได้ กลับดีๆ นะ”

“โอเค” หานเซี่ยนอวี่ก้าวเท้าเดินไปแล้ว สุดท้ายยังไม่วางใจหันกลับมากำชับอีกประโยค “ฉันเห็นท่าทางนายคืนนี้ดูแปลกๆ กลับไปถ้ามีตรงไหนไม่สบาย ต้องกินยาด้วยนะ”

“ได้ ขอบคุณนะ!” เยี่ยหวันหวั่นพูดขอบคุณ

หานเซี่ยนอวี่บอก “ราตรีสวัสดิ์”

เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ราตรีสวัสดิ์”

หลังจากกันแล้ว หานเซี่ยนอวี่ขึ้นรถที่จอดรออยู่ริมถนนมาก่อนหน้านี้แล้ว

“พี่สวี่ กลับคอนโดใช่ไหมครับ” คนขับรถมองไปทางชายหนุ่มที่เบาะหลังแล้วถามขึ้นมา

หานเซี่ยนอวี่คิด สุดท้ายตอบกลับไป “ไม่ละ ไปวิลล่าแล้วกัน”

เดิมทีเขาอยู่ที่คอนโดก็เพื่อจะหลบปาปารัซซี่ ต่อมาเป็นเพราะเยี่ยไป๋อยู่ข้างห้อง เขาเลยอยู่ที่คอนโดมาตลอด นานๆ ทีสามารถเดินไปคุยกับเขาได้

แต่ช่วงหลัง เวลาที่เยี่ยไป๋อยู่คอนโดนั้นยิ่งน้อยลง เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่นั่นก็แทบจะไม่มีความหมายอะไร

“ได้ครับ” คนขับรถตอบ

อีกฟาก เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้สนใจการปรากฏตัวของพวกหยวนเซิงเท่าไร

ทว่า ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะเรียกรถกลับจิ่นหยวน เธอหรี่ตาลง หยุดฝีเท้า

ห่างออกไปร้อยเมตร เธอเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวเป็นนักพรต หน้าตาชั่วร้าย ค่อยๆ เดินมาทางบาร์เช่นกัน

มือซ้ายของนักพรตต้มตุ๋นถือแส้ขน มือขวาถือธงสีขาว ที่เอวมีน้ำเต้าห้อยอยู่ ดูท่าทางเป็นผู้ละทิ้งทางโลกจริงๆ ทั้งตัวดูมีกลิ่นอายเหมือนสวี่เซียนจากเรื่องนางพญางูขาว

ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งที่แล้วหลังเยี่ยหวันหวั่นได้พูดคุยและรู้ว่ากลุ่มคนพวกนี้เชื่อถือไม่ได้ กลัวว่าท่าทางพวเขาแบบนี้จะโดนพวกเขาหลอกขึ้นมาจริงๆ…

“นักพรตจากองค์กรแชร์ลูกโซ่ห้าคนนั้น?” เยี่ยหวันหวั่นประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาเจอคนหนึ่งในองค์กรแชร์ลูกโซ่ห้าคนนั้นที่นี่

เห็นนักพรตนั่นแล้ว เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกสงสัย หรือว่าคนคนนี้จะมาขายแชร์ลูกโซ่อีก

………………………………………………………………

บทที่ 602 รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว

“นี่มันยุคไหนแล้ว ยังทำเป็นเล่นไสยศาสตร์หลอกลวงคนอื่นอีก ถุย!”

บอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 ทุกคนเห็นนักพรตต้มตุ๋นแล้ว บอดี้การ์ดลับคนหนึ่งในนั้นก็ถุยน้ำลายลงไปที่เท้าของนักพรตต้มตุ๋น

นักพรตต้มตุ๋นหยุดทันที ก้มลงมองเท้าตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมา พูดกับบอดี้การ์ดลับคนนั้น “น้องชาย น้ำลายบนรองเท้าอาตมา ใช่คุณถุยหรือเปล่า”

พอได้ยินคำพูด บอดี้การ์ดลับคนนั้นก็หัวเราะ “ใช่ นายพูดถูก ฉันถุยเอง ทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ”

“ไม่ๆๆ” นักพรตต้มตุ๋นรีบส่ายหน้า “ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาก็แค่ถามขึ้นมา”

เห็นท่าทีแล้ว บอดี้การ์ดลับทีมย่อย 4 ทุกคนต่างหัวเราะขำกัน นายต้มตุ๋นคนนื้ถือว่าอยู่เป็น

“ไปซะ อย่ามาขวางหูขวางตาที่นี่” หยวนเซิงโบกมือ

“ครับๆ” นักพรตต้มตุ๋นหันหลังเดินออกไป

ทว่า ยังไม่ทันเดินไปได้สองก้าว อยู่ๆ นักพรตต้มตุ๋นก็หันกลับมา

“อาตมากับพวกคุณมีโชคชะตาต่อกัน ไม่อย่างนั้นวันนี้อาตมาจะดูดวงให้พวกคุณดีไหม…” จากนั้นนักพรตต้มตุ๋นไม่รอให้คนพวกนี้ตอบ หลับตาลงสองข้างทันที ปากท่องบ่นพึมพำ จิกปลายนิ้ว

ในเวลาอันรวดเร็ว นักพรตต้มตุ๋นลืมตาขึ้นมา “ไม่ดีๆ ช่วงนี้เกรงว่าพวกคุณจะมีภัยพิบัตินองเลือด!”

“นายว่าอะไรนะ?!” พอบอดี้การ์ดลับคนนั้นที่ถุยน้ำลายใส่เท้านักพรตต้มตุ๋นได้ยิน ก็เบิกตากว้างด้วยความโกรธ พูดเสียงเย็นชา

ไอ้นักต้มตุ๋นนี้มาแช่งว่าเขาจะมีภัยพิบัตินองเลือด!

หลังสิ้นสุดเสียง บอดี้การ์ดลับคนนั้นกำหมัดชกไปด้านหน้านักพรตตุ้มตุ๋น

เห็นสถานการณ์แล้ว มุมปากนักพรตต้มตุ๋นยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นชาที่กลัวขึ้นมาอย่างประหลาด

ตอนนี้ เห็นแส้ขนในมือนักพรตสะบัดเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นร่างของบอดี้การ์ดลับคนนั้นลอยขึ้นเป็นแนวนอนในทันใด จนลอยห่างจากพื้นราวสิบเมตร แล้วหล่นลงไปบนพื้น

“อ๊าก!”

บอดี้การ์ดลับคนนั้นพ่นเลือดออกมาทางปาก ใบหน้าซีดขาว ตัวสั่นอย่างรุนแรง

“เฮ้อ… ก็บอกแล้วว่าคุณมีภัยพิบัตินองเลือด… อาตมาดูแม่นขนาดนี้ คุณยังไม่ให้เงินอีก รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว” นักพรตต้มตุ๋นส่ายหน้า สีหน้าจนปัญญา

เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์ เธออึ้งไปทันที ในใจมีความคิดแวบขึ้นมา

ขั้นเทพ…

ถึงแม้จะแค่ฝ่ามือเดียว เยี่ยหวันหวั่นก็ประเมินได้แล้ว นักพรตคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

กระทั่งฝีมือยังเหนือกว่าเธอมาก!

“อยากตายเหรอไง!”

ในพริบตา บอดี้การ์ดลับหลายคนก็เข้าไปรุมล้อมนักพรตต้มตุ๋น

“อาตมาจะดูดวงให้พวกคุณเหมือนกัน!” นักพรตต้มตุ๋นไม่มองบอดี้การ์ดลับหลายคนนั้นเลย เขาก้มหน้าลง ทำท่าจิกปลายนิ้วเหมือนกำลังดูดวง

ในเวลาอันสั้น นักพรตต้มตุ๋นเงยหน้าขึ้นมาทันที มองไปทางบอดี้การ์ดลับหลายคนที่ล้อมรอบตัวเองอยู่ แล้วพูดขึ้นมา “พวกคุณ… ก็มีภัยพิบัตินองเลือดเช่นเดียวกัน”

“ภัยพิบัติแม่นายสิ!”

บอดี้การ์ดลับหลายคนด่าทอด้วยความโกรธ

………………………………………………………………