บทที่ 472 คนทรยศ

บทที่ 472 คนทรยศ

ภายในห้องประชุมบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจื่อจินนับสิบคนกำลังพูดคุยกันอย่างภาคภูมิใจ

“ฮ่า ๆ อวี้ฮ่าวหรานโง่ถึงขนาดใช้เวลาแก้ปัญหาสองวันเต็มเลยเหรอ ถ้าฉันไม่ต่อรองเวลาสองคืนแล้ว เขาจะหาพนักงานมาทันได้ยังไง?”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ ถ้าไม่มีเราบริษัทชิงปังก็ดำเนินการไม่ได้ เด็กคนนั้นคงร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วล่ะ”

“ฮ่า ๆ มันต้องตลกมากแน่ ๆ”

“…”

หลายคนต่างพากันพูดเสียดสีอวี้ฮ่าวหราน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะผสมโรงด้วย

ทันใดนั้นเลขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

“ผู้จัดการโจวคะ มีข้อความส่งมาจากเครือฮ่าวหรานว่าพวกเขาต้องการเรียกผู้บริหารระดับสูงทุกคนมาประชุมที่นี่ค่ะ”

“ประชุม?”

ชายอ้วนที่ถูกเรียกว่าผู้จัดการโจวประหลาดใจ

“คราวนี้ประชุมอะไรอีก?”

เมื่อได้ยินคำว่าผู้บริหารระดับสูง คนข้าง ๆ เขาก็หัวเราะเยาะ

“ฮ่า ๆ ฉันว่าไอ้ฮ่าวหรานจนปัญญาแล้วล่ะ มันต้องมาขอร้องเราแน่ ๆ”

“คุณคิดยังงั้นเหรอ ฮ่า ๆ เป็นไปได้ ๆ มาดูกันเถอะว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนจะขอร้องเรายังไง!”

“น่าสนุกจริง ๆ ตอนที่ผมมันไล่ผมออกมา มันพูดไว้ซะดิบดี ไม่คิดว่าตอนนี้จะซมซานมาหาเรา”

“…”

หลังจากเหล่าผู้บริหารระดับสูงอยู่ในห้องประชุมครบทุกคนแล้ว พวกเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นขบวนรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำกว่ายี่สิบคันขับมาจากทางเมืองหลวง!

ด้านหน้าขบวนรถ มีรถสปอร์ตสีเหลืองสดใสขับนำอยู่!

“ทำ…ทำไมอวี้ฮ่าวหรานถึงพาคนมามากมายขนาดนั้น?!”

“บัดซบ มันต้องการมาหารืออะไรแน่ถึงแห่กันมาเยอะขนาดนี้?”

“…”

ทุกคนยืนเรียงกันอยู่ตรงหน้าต่างและมองไปข้างล่างด้วยความตกใจ

ไม่กี่นาทีต่อมา อวี้ฮ่าวหรานเดินนำพวกลูกน้องหลายสิบคนขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารอสังหาริมทรัพย์ชิงปัง

“คุณ…คุณต้องการอะไร?”

ผู้จัดการโจวที่เป็นคนเริ่มเยาะเย้ยอีกฝ่ายถามด้วยความประหลาดใจ

“ประธานอวี้ คุณจะทำอะไรกันแน่?”

“เป็นอะไรกันเหรอ? ฮ่า ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองพวกผู้บริหารระดับสูงกว่ายี่สิบคนด้วยสายตาเย็นชา

“ผมบอกเมื่อวานนี้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพาคนมาที่นี่”

“พาคนมา?”

ผู้จัดการโจวถามด้วยความสงสัยก่อนเบิกตากว้าง

“อย่าบอกนะว่า…พวกเขาคือผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่? นี่…”

เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำตามที่พูดไว้จริง ๆ เพียงแค่วันเดียว เขาก็สามารถรวบรวมคนได้มาที่นี่ได้มากมายขนาดนี้

“เป็นไปได้ยังไง?”

ทุกคนในห้องประชุมตกตะลึงไปชั่วครู่

ไม่มีใครจินตนาการว่าผู้ชายตรงหน้าจะมีไหวพริบและฉลาดขนาดนี้

“ถ้าผมต้องการก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้!”

อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองทุกคนในห้องประชุมอย่างดูถูก คนพวกนี้คิดว่าตัวเองฉลาดแล้ววางแผนเล่นงานเขาสินะ ฝันไปเถอะ!

มีใครเคยเอาชนะเขาได้ด้วยเหรอ?

ขณะเดียวกัน หลี่อิงไห่เดินไปหยุดอยู่ข้างอวี้ฮ่าวหรานแล้วกวาดสายตามองทุกคน

เมื่อคืนก่อนเขาใช้เส้นสายเพื่อสืบหาข้อมูลของกลุ่มคนตรงหน้าทั้งคืน

“โจวฉางหมิง ผมรู้จักคุณ คุณแอบติดต่อกับชุ่ยเจิ้งไห่ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งไห่ใช่ไหม?

เขามองผู้จัดการที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการต่อต้านเขาพร้อมพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ

คำพูดเหล่านั้นทำให้ใบหน้าผู้จัดการโจวซีดเผือดทันที

“คุณ…คุณรู้ได้ยังไงว่าฉัน…”

เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความตื่นตระหนกก่อนพูดกลับลำ แต่มันกลับสายเกินไปแล้ว

“ไม่…ฉันไม่ได้ทำ คุณอย่าพูดจาพล่อย ๆ สิ ผมทุ่มสุดตัวเพื่อทำงานให้บริษัทชิงปังจริง ๆ นะ!”

เขาพยายามปฏิเสธอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ทันแล้ว

เหล่าผู้บริหารที่ยืนอยู่ในห้องประชุมกับเขารีบถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว

“คุณเป็นคนของบริษัทอสังหาฯ เจิ้งไห่เหรอ? ไม่แปลกใจ! ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบริษัทอสังหาฯ จื่อจินถึงเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทที่เสนอราคาซื้อที่ดินสูงสุดมาก่อน แถมผมยังรู้อีกว่าคุณพยายามจะทำให้บริษัทอสังหาฯ ชิงปังเปิดทำการไม่ได้”

ผู้บริหารคนหนึ่งในห้องประชุมปะติดปะต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ทันที

“ไม่ อย่าฟังเรื่องไร้สาระจากเขาเลย ผม…”

“หืม ผมกำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่เหรอ? ดูให้ดีสิว่านี่คืออะไร?!”

หลี่อิงไห่หยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ

ผู้บริหารคนหนึ่งหยิบเอกสารขึ้นอ่าน จากนั้นเงยหน้ามองผู้จัดการโจวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาอดรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายไม่ได้

พวกเขาเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินมาก่อน และตอนนี้ทุกคนเพิ่งได้รับค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม แต่ไม่คิดว่าจะมีคนทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตร!

ในเอกสารนั้นมีรูปถ่ายของผู้จัดการโจวและชุ่ยเจิ้งไห่กำลังเจรจากันอยู่ในโรงน้ำชา

มีแม้กระทั่งเอกสารธุรกรรมการเงินบางอย่าง

อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองหลี่อิงไห่ด้วยสายตาชื่นชมปนประหลาดใจ

“คุณหาหลักฐานเหล่านี้มาได้ยังไง?”

เขาจำได้ว่าเมื่อวานนี้ตัวเองพูดกับอีกฝ่ายเรื่องตำแหน่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปังเท่านั้น

หลี่อิงไห่มีท่าทีพึงพอใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“แน่นอนว่าผมจ้างนักสืบตามติดเขาอยู่พักหนึ่ง ในเมื่อคุณซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินมาแล้ว ผมจึงอยากทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครคิดร้ายกับคุณ”

“อืม…ไม่เลว”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า หลี่อิงไห่ฉลาดกว่าหลี่จิงเทียนคนไร้ประโยชน์มาก

พูดจบ เขาก็หันไปมองผู้จัดการโจวที่ยืนอยู่ตรงข้าม

“คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”

“ผม…”

ผู้จัดการโจวพยายามแก้ตัวขณะมองหลี่อิงไห่ด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่ท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

หลักฐานมัดตัวเกินไป!

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ผู้บริหารระดับสูงที่เคยอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาต่างแยกตัวออกมาทันที

แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานก็เห็นฉากนั้น

ถึงจะมีผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่ แต่พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้งานและหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

ดังนั้นเขาจึงต้องให้ผู้บริหารชุดเดิมสอนงานผู้บริหารชุดใหม่อย่างน้อยหนึ่งเดือน

แต่ถ้าคนพวกนี้ยังรวมตัวต่อต้าน เขาก็ทำได้แค่ไล่อีกฝ่ายออกยกชุด

“ประธานอวี้! พวกเราถูกโจวฉางหมิงชักชวน ผมไม่ได้ตั้งใจจะต่อต้านท่านประธานนะครับ”

“ใช่ครับ ประธานอวี้ พวกเรายินดีทำงานให้บริษัทอสังหาฯ ชิงปัง”

“…”

คนที่เหลือต่างร้องขอความเมตตาทำให้บรรยากาศในห้องประชุมคลี่คลายลงทันที

“ผมจะให้คุณจัดการเรื่องนี้”

เมื่อเห็นสถานการณ์คลี่คลายลง อวี้ฮ่าวหรานก็คร้านเกินกว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาจึงสั่งให้หลี่อิงไห่จัดการแทน

“ไม่มีปัญหาครับประธานอวี้ ผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างดีแน่นอนครับ”

หลี่อิงไห่ตกปากรับคำอย่างไม่ลังเล

นับตั้งแต่สูญเสียบริษัท รายได้และหน้าที่การงานเขาก็ตกต่ำลงเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้แน่น

ตอนบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ถึงตอนกลางคืน

เวลาห้าทุ่ม แสงจันทร์นวลผ่อง ลมหนาวพัดโชยให้ความรู้สึกเย็นสบาย ภายในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลในเมือง

หลิวว่านฉิงเพิ่งได้รับการผ่าตัด ร่างกายเธอจึงอ่อนแออย่างมาก

“หวังเหยียน…คุณช่วยหยิบหนังสือเล่มนั้นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”

“เล่มไหนครับ?”

“หนังสือวัทเธอริง ไฮทส์*[1] น่ะค่ะ”

“เอ่อ… คุณอ่านเล่มนี้ด้วยเหรอ…?”

[1] Wuthering Heights คือวรรณกรรมเกี่ยวกับการแก้แค้นที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม