“ทำไมพวกเขานิ่วขนาดนั้น!?” ไม่เพียงแต่คนอื่นที่นั่งดูอยู่ระแวกนั้นเท่านั้น แต่เหลียงชีและซงฉิงเฟิงก็นิ่งไม่ไหวติ่งเช่นกัน
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดาในแบบที่จะสามารถหยุดฝ่ายตรงข้ามได้ .. แต่สิ่งที่เห็นต่อหน้าเป็นสิ่งที่นักรบระดับสูงหรือผู้ฝึกฝนจะสามารถทำสิ่งนี้ได้!
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าคือนักรบทุกคนตัวแข็งกลางอากาศ! .. แม้แต่หยดเลือดทุกหยุดก็หยุนนิ่งราวกับเวลาหยุดลง
นี่เป็นส่วนที่หน้ากลัวที่สุด!
ความตายห้อมล้อมสนามซานเฟน ณ จุดนี้ไม่มีใครสามารถเคลื่อนไหวหรือกระดิกตัวได้เลย แม้แต่นักรบของสหภาพโลกพันคนก็ยังนิ่งราวกับไม่หายใจ
ผู้ชมละครขี่พายุทะลุฟ้าเฝ้าดูนักบวชที่ผ่านฝูงชนที่หนาแน่น ทุกที่ที่เขาไปมีแต่คนตาย!
ผู้ชมเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เพราะพวกเขากลัวว่าถ้าหากพวกเขาเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียวพวกเขาคงจะต้องจบลงด้วยชะตากรรมเดียวกันกับเหล่านักรบระดับสูงของสหภาพโลกพวกนี้!
ในสนามรบซานเฟนตอนนี้เงียบราวกับป่าชา .. ในคาเฟ่ก็เช่นกันเงียบราวกับว่าพวกเขาเคยได้ยินคำสั่งของยมฑูตนั่นจึงทำให้พวกเขาปิดปากเงียบสนิท
แม้แต่ซงปาที่มีพละกำลังสูงสุดในกลุ่มก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือกระพริบตาได้!
ดูเหมือนว่านักบวชคนนี้อยู่ในอาณาจักรที่ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถเข้าถึงได้! .. ในตอนนี้ทุกคนได้ตระหนักแล้วว่านักดาบคนนี้สมควรได้รับฉายานักบวชผู้ครองดาบ!
นักบวชชี้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของเขาแล้วทิ่มมันลงที่หน้าอกของซงปาราวกับว่ามันเป็นดาบ!
ซงปาผู้เย่อยิ่งไม่มีทางเลือกนอกจาก .. รอคอยความตาย!
ผู้ชมยังคงชื่นชมการไล่ล่าของนักบวชและปรารถนาที่จะรอดูการต่อสู้ในช่วงเวลาสุดท้ายของช่วงชีวิตเขา เขาเหมือนชายแก่ผู้ให้ชีวิตการต่อสู้ของนักดาบเหมือนการต่อสู้กับธรรมชาติและโชคชะตาผลสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นตำนาน!
อารมณ์ที่เศร้าหมองหมดหวังก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น บัดนี้มันกลับกลายเป็ยควงามประหลาดใจอย่างที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ความน่ากลัวที่ของละครเรื่องนี้ส่งผลให้หลายคนน้ำตาคลอ .. นักบวชเป็นนักรบโดยแท้จริง พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นนักรบที่สามารถต่อสู้กับธรรมชาติและโชคชะตาได้เช่นนี้
แต่ขณะเดียวกัน พวกเขายังคงเห็นว่านักบวชผู้ครองดาบยังคงยืนอยู่บนบันไดและเดินไปเกือบครึ่งทาง!?
นี่มัน .. อะไรกันเกิดอะไรขึ้น!?
เขาเห็นปูจิงหยุนเดินขึ้นบันไดพร้อมศพของกงซีในอ้อมแค้นของเขา ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจปล่อยซงปาให้เข้ามาเพื่อแก้แค้น!
ความแค้นที่ขับเคลื่อนด้วยความเกลียดชังอารมณ์อันรุนแรงที่ซงปาปรารถนาจะฆ่าด้วยฝ่ามือของเขสเอง .. อย่างไรก็ตามเมื่อฝ่ามือสัมผัวลงที่ร่างของนักบวช ซงปาพบว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นซากที่เย็นชาไปแล้ว!
บนสนามซานเฟนที่ห่างไกล ซงปาที่ยืนนิ่งพร้อมฝ่ามือของเขาที่พลังค่อยๆ จางลงดูเหมือนเขาจะเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น ในตอนนี้พื้นที่ของเขตฟานเซนถูกระงับและปิดผนึก
เสียงกรีดร้องดังกึกก้องทั่วท้องฟ้า .. ตอนนี้ผู้ชมเข้าใจแล้วว่าแม้ว่านักบวชจะตายก่อนการต่อสู้ แต่เจตจำนงของเขายังคงมีชีวิตอยู่ด้วยแรงผลักดันอันทรงพลังของเขาส่งผลให้เขากลายเป็นพลังที่เหนือชั้นเพื่อมาต่อสู้กับซงปา!
เพราะเขาตายไปแล้วจึงไม่ติดกับข้อจำกัดของมนุษย์ เขาเข้าใจเทคนิคดาบปีศาจขั้นสูงสุดซึ่งเกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจ! ดาบระดับ 23!
ซงฉิงเฟิง, เหลียงชีและคนอื่นๆ ได้ดูกระบวนกานทั้งหมดของดาบเล่มสุดท้ายในระดับยี่สิบสามของเทคนิคที่ถูกสร้างขึ้น
อย่างไรก็ตามท่านนักบวชเองก็ยังไม่สามารถควบคุมชะตากรรมได้แม้ว่าเขาเองจะเข้าใกล้ช่วงเวลาที่จะประสบความสำเร็จอย่างไรขีดจำกัดแล้วก็ตาม
ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ เริ่มรู้สึกสับสนยิ่งกว่า ไม่มีคำบรรยายใดสามารถอธิบายสิ่งที่พวกเขากำลังรู้สึกได้ในตอนนี้
ความรู้สึกในใจพวกเขาคือความเสียใจ มันเป็นเรื ่องน่าเศร้าที่เห็นว่าแม้นักบวชจะเข้าใจและสามารถสร้างเทคนิคดาบจนถึงระดับยี่สิบสามซึ่งเป็นเทคนิคที่น่ากลัวมากมมันสามารถทำลายโลกได้ แต่เขาก็ไม่สามารถฆ่าซงปา เขาแพ้ในการต่อสู้!
ก่อนหน้านี้ละครเรื่องนี้ให้ความรู้เกี่ยวกับการเป็นผู้ใหญ่และเทคนิคระดับตำนานที่ดี แต่วันนี้มันกลับเปลีี่ยนไป
“มันน่ากลัว ท่านนักบวชนั้นทรงพลังมาก!” ซงฉิงเฟิงพูดถึงตอนจบของวันนี้กับคนอื่นๆ การแลกเปลี่ยนความเห็นของพวกเขามองว่านักบวชเป็นเหมือนฮีโร่ แม้ว่าเขาจะล้มเหลวก็ตาม
“เจ้าคุยอะไรกันหรือท่านซง ท่านนักบวชชนะหรือไม่?” หลินเซียวที่กำลังเล่น CS ตะโกนถาม
“ไม่ ..”
“งั้นพวกเจ้าคุยอะไรกันหรือ!?” หลินเซียวดูร้อนใจ
“ดาบระดับยี่สิบสาม!” ซงฉิงเฟิงตะโกน “ดาบระดับยี่สิบสามทำลายโลก มันช่างน่ากลัวจริงๆ”
เหลียงชีและคนอื่นๆ ก็ตะโกนด้วยความประหลาดใจ พวกเขาตกตะลึงจนจิตใจและสมองของพวกเขาว่างเปล่าสิ่งเดียวที่ยังคงวนเวียนในหัวคือเทคนิคอันน่ากลัวนี้!
“เมื่อมันถูกใช้ มันเหมือนกับว่าเวลาได้หยุดลงแล้ว!” ซงฉิงเฟิงตะโกนด้วยความตกใจ “ไม่มีใครขยับได้เลย พวกเขาตัวแข็งกันไปหมด แม้แต่เลือดที่กระเด็นออกมายังแข็งกลางอากาศ ซงปาผู้แข็งแรงก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนรอความตาย!”
“อะไรนะ!?” นักรบบางคนรวมถึงเหลียงเหอหูยังหันมาหาเขาเมื่อได้ยิน “เจ้าพูดเกินจริงไปหรือเปล่า? นักรบในละครไม่มีใครจะแข็งแกร่งไปกว่าผู้ที่มาจากอาณาจักรนักรบบรรพบุรุษหรอก”
“เขาไม่ได้พูดเกินจริง!” เหลียงชีและคนอื่นๆ ที่ได้ดูเถียง “ข้าก็ได้ดู ฉากนั้นช่างน่ากลัว ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเทคนิคดาบที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย เขาดูเหมือนเทพเจ้าที่ลงมาจากสวรรค์ ทุกคนยืนนิ่งเพื่อรอความตาย!”
“เทคนิคดาบแบบนี้มีอยู่ในโลกแห่งความจริงได้อย่างไร!?” เซียวเล้งหยูและองค์ชายห้าที่ยืนข้างเหลียงเหอหูมองดูด้วยสายตาไม่มั่นใจ “แม้ว่ามันจะมีอยู่แต่นักบวชเองก็ไม่เห็นสามารถใช้ในการฝึกฝนของเขาได้!”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องนี้เพื่อหลอกให้เราเสียเวลาในการฝึกฝนหรือ?” องค์ชายห้าเลิกคิ้วถาม
“แม้แต่ท่านอาวุโสนาหลันเองยังบอกเลยว่าละครเรื่องนี้นั้นไม่ได้เรื่อง!” จียูเสริม “มันก็แค่สร้างพื้นฐานให้เราก็แค่นั้น”
ซงฉิงเฟิงผู้ขี้เกียจเถียงพึมพำ “เรื่องของพวกเจ้าละกัน”
จากนั้นเขาก็พูดเร้าเพื่อนทั้งสอง “ข้าบอกเลยว่าเทคนิคดาบระดับยี่สิบสามนั้นน่ากลัวจริงๆ”
“พวกเจ้ากำลังเถียงเรื่องอะไรกัน!?” นาหลันฮงวูที่นั่งถัดจากนาหลันหมิงสื่อเอ่ยถามเมื่อเห็นพวกเขาทะเลาะโต้เถียงกัน
“ผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ด้วย ข้าขอให้ท่านช่วยตัดสิน” จียูไม่ต้องการจบ “นั้นพวกเขากำลังสรรเสริญละครเรื่องขี่พายุทะลุฟ้า ข้าก็ชอบละครเรื่องนั้นนะแต่ข้ามองว่ามันไม่ได้สนุกหรือดีอย่างที่พวกเขาพูด!”