[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 437 : แก๊งมังกรเขียวเป็นของเจ้า!

“ถามมาได้ว่าเจ็บไม๊?”

พูดจบหลิงหยุนก็ยกแขนเข้าไปใกล้ดวงตาของหลงหวู่ เพื่อให้เธอเห็นวงกลมสีแดงบนแขนของเขาได้ชัดเจน..

หลงหวู่ไม่ใช่คนที่มีวรยุทธ หลิงหยุนจึงไม่กล้าใช้ดารกะดายันปกป้องร่างกายของตัวเอง เพราะเกรงว่าฟันขาวๆของเธอจะหักหมดปากเสียก่อน

หลงหวู่กัดริมฝีปากเซ็กซี่ของตัวเอง ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับร้องตะโกนว่า “ใครให้นายล้อเลียนฉันก่อนล่ะ..”

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงตอบกลับไปว่า “ขึ้นรถเร็วเข้า..”

หลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นไปนั่งบนรถแลนด์โรเวอร์แล้ว หลิงหยุนก็สั่งให้หลงหวู่คอยบอกเส้นทาง

“ฉันรู้ว่าวันนั้นไม่ควรทำตัวแบบนั้น แต่นายก็ไม่ควรสั่งให้คนมาตบหน้าฉันเหมือนกัน นายรู้ไม๊ว่าฝ่ามือทั้งสองครั้งที่ตบลงบนหน้าของฉันน่ะมันเจ็บบแค่ใหน..?”

หลิงหยุนยังคงขับรถไปเงียบๆ..

“อีกอย่างที่อเมริกาก็ค่อนข้างมีอิสระเสรีภาพ ทุกคนสามารถแต่งตัวเซ็กซี่ในที่สาธารณะได้ ส่วนตัวฉันเองก็ชอบแต่งตัวเซ็กซี่อยู่แล้ว ฉันไปที่ไนท์คลับคืนนั้นก็เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่คิดไมถึงว่าจะไปเจอนายที่นั่นด้วย..”

หลิงหยุนฟังมาถึงตอนนี้ก็หันไปมองรูปร่างที่เซ็กซี่ของหลงหวู่พร้อมกับพูดยิ้มๆ “ชอบแต่งตัวเซ็กซี่งั้นเหรอ.. ถ้าอย่างนั้นก็..?”

หลงหวู่มองหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า “ฉันรู้ว่านายกำลังจะพูดอะไร? ที่อเมริกาแล้วก็ประเทศในแถบยุโรป ตามหาดทรายมีแต่คนแก้ผ้าเดินเต็มไปหมด..”

หลิงหยุนฟังแล้วก็ถึงกับอึ้งไปพร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจเงียบๆ ‘เป็นประเทศที่น่าไปมากเลยทีเดียว? ข้าคงต้องหาโอกาสไปให้ได้สักครั้ง ไม่งั้นคงน่าเสียดายแย่!’

หลิงหยุนจ้องมองหลงหวู่ด้วยแววตาประหลาดครู่หนึ่ง ก่อนจะถามเสียงเบาว่า “แล้วคุณล่ะ.. ตอนที่ไปหาดทรายที่โน่น แก้ผ้าหรือเปล่า?”

หลงหวู่หน้าแดง และภายในรถก็มีกลิ่นหอมอบอวลของเธอเต็มไปหมด “แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ? ฉันอายุยังไม่ถึงสิบแปดเลย นายคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นไม๊?”

“เฮ้อ.. ค่อยโล่งอกหน่อย!” หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับพึมพำเบาๆ

หลงหวู่ได้ยินเสียงหลิงหยุนถอนหายใจ เธอจึงหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาพร้อมกับถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“หลิงหยุน.. เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนายหายไปใหนมาตั้งหลายวัน?”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ไปทางเหนือมา..” ป่าเสินหนงเจี๋ยในมณฑลหัวเป่ยนั้นอยู่ห่างจากเมืองจิงฉูเป็นพันกิโลเมตร จึงน่าจะเป็นคำอธิบายในเรื่องที่เขาหายตัวไปหลายวันได้ดี

“ไปทางเหนืองั้นเหรอ?! นายไปที่นั่นทำไมกัน? อย่าบอกนะว่าไปเที่ยวเล่นที่มณฑลหัวเป่ย.” หลงหวู่ถามอย่างแปลกใจ

“ไปฆ่าคน!” หลิงหยุนตอบเนิบๆ

“ห๊ะ! นี่นาย.. นายไปมณฑลหัวเป่ย.. ไปฆ่าคนนี่นะ?” หลงหวู่ร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ

หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ถ้าผมจะฆ่าใครสักคน.. ยากที่มันจะหนีพ้นเงื้อมือของผม..”

หลงหวู่ถึงกับนั่งนิ่ง เพราะหลิงหยุนพูดเรื่องฆ่าคนได้ง่ายและเป็นปกติราวกับเล่าเรื่องกินข้าว เขาทำเหมือนกับว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องปกติธรรมดา

“นาย.. นายไปฆ่าใคร?”

“คนญี่ปุ่นที่มาขโมยสมบัติล้ำค่าของประเทศจีน..” หลิงหยุนตอบเรียบๆ

หลงหวู่ถึงกับกลืนน้ำลาย และไม่กล้าถามอะไรอีก เพราะครั้งนี้หลิงหยุนทำให้เธอตกใจสุดขีด!

หลิงหยุนยังคงมีสมาธิอยู่กับการขับรถ และหันมาถามเส้นทางจากหลงหวู่เป็นครั้งคราว ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองจิงฉูนั้น ตี้เสี่ยวอู๋ก็ได้โทรมารายงานว่า บริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากองไปแล้ว

หลิงหยุนแสยะยิ้มหลังจากได้ฟัง จากนั้นก็พูดกับตี้เสี่ยวอู๋เพียงแค่สองสามคำแล้วจึงวางสายไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถแลนด์โรเวอร์ก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านที่เงียบสงบหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของหลงหวู่เอง

เมืองจิงฉูนั้นมีเอกลักษณ์ในเรื่องของภูมิประเทศที่สวยงาม และทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ล้วนเป็นทิวเขา แม้จะไม่ใช่เทือกเขาสูง แต่เขาแต่ละลูกนั้นยังคงเขียวชอุ่ม และเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามมาก อีกทั้งยังอยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ที่แสนวุ่นวาย เหมาะกับการพักผ่อนและอยู่อย่างสันโดษมาก

บ้านของหลงคุนอยุ่ท่ามกลางหุบเขาทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ภายในบริเวณมีบ้านสวยงามเก๋ไก๋หนึ่งหลัง และมีต้นไม้ทั้งเขียวและแดงล้อมรอบ มีดอกไม้ มีนกหลากหลาย และอากาศที่แสนบริสุทธิ์

“พ่อรอเราสองคนอยู่ในบ้านแล้ว รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ!” ทันทีที่ลงจากรถหลงหวู่ก็เร่งรัดหลิงหยุนให้รีบเข้าไป

“ลุงหลงช่างเข้าใจเลือกจริงๆ..” หลิงหยุนคิดในใจว่าการมีเงินทองและมีอำนาจ จึงทำให้มีโอกาสมีบ้านที่น่าอยู่เช่นนี้

หลิงหยุนกับหลงหวู่เดินเข้าไปในบ้าน และเห็นหลงคุนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ที่อยู่ในสวน เขาค่อยๆบรรจงชงชาอย่างชำนิชำนาญ และบนโต๊ะด้านหน้าก็มีถ้วยชาสามใบบวางอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอหลิงหยุนและหลงหวู่อยู่จริงๆ

เมื่อหลิงหยุนเดินเข้าไป หลงคุนก็ยิ้มทักทายทันที “หลิงหยุน.. มาๆ มานั่งดื่มชาเร็วเข้า!”

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มตอบอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเดินตรงเข้าไปหาหลงคุนและไม่กล้าที่จะเสียมารยาทนั่งลงในทันที

หลงคุนนั่งอยู่จ้องมองหลิงหยุนครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกับรินชาลงในถ้วยของหลิงหยุน แล้วพูดกับเขายิ้มๆ

“นั่งลงสิ.. จะได้ลองดื่มชาหลงจิง..”

หลิงหยุนนั่งลง ยกถ้วยชาขึ้นสูดดมกลิ่มหอมของชา และทันทีที่ยกขึ้นดื่มเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่หอมหวลยิ่งขึ้นจนถึงกับต้องเอ่ยชื่นชมออกมา

“ชาชั้นยอด!”

หลงหวู่ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “จริงเหรอ? ก็ไม่เห็นจะขนาดนั้น ก็แค่ใบชาใส่น้ำร้อน!”

หลิงหยุนไม่สนใจเสียงหัวเราะของหลงหวู่ “คุณไม่รู้จักวิธีดื่มชาน่ะสิ.. ผมสอนให้ก็ได้นะ แต่คุณต้องจ่ายค่าสอนให้ผมด้วย..”

หลงคุนมองหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะ เขาจิบชาในถ้วยแล้วจึงค่อยๆวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล ก่อนจะถามหลิงหยุนไปว่า

“หลิงหยุน.. เย็นนี้มีเวลาว่างพอที่จะอยู่กินข้าวด้วยกันไม๊?”

หลิงหยุนส่ายหน้าและบอกไปตามตรง “ลุงหลง.. วันนี้ผมไม่ว่างจริงๆครับ สองสามวันนี้ผมมีเรื่องมากมายที่ต้องไปจัดการ ผมมาที่นี่วันนี้เพราะต้องการมาขอบคุณคุณลุงด้วยตัวเอง และคงจะอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่ชั่วโมงเดียว!”

หลงคุนนั้นอยู่ในเจียงหนานมานาน และเป็นผู้ที่มีอิทธิพลกว้างขวางในเมืองจิงฉูอย่างมาก อีกทั้งแก๊งมังกรเขียวก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง หากหลงคุนต้องการรู้จักใครสักคนนั้น เขาก็สามารถทำได้ในเวลาเพียงไม่ถึงนาที ในเมื่อเขาให้ความสนใจในตัวหลิงหยุนมานาน เขาจึงรู้ดีว่าหลิงหยุนนั้นมีธุระปะปังมากเพียงใด

หลงคุนไม่สนใจหลงหวู่ที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด และไม่คิดที่จะรั้งหลิงหยุนไว้ เขาเพียงแค่ยิ้มและตอบกลับบไปว่า

“ได้.. ถ้างั้นลุงจะรอ เธอสะดวกเมื่อไหร่ก็มาที่บ้านได้เสมอ..”

“เรื่องที่หมู่บ้านหลินเจียงวันนั้น ผมต้องขอบคุณลุงหลงมาก!”

หลิงหยุนเห็นหลงคุนเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา เขาจึงไม่ต้องการชักแม่น้ำทั้งหา และตรงเข้าประเด็นทันที

หลงคุนหัวเราะ “เรื่องเล็กน้อย.. เธอไม่ต้องใส่ใจนัก! ที่ฉันไปที่นั่นวันนั้นก็เพราะต้องการไปพบเธอ”

“พบผมเหรอครับ?” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับจ้องมองหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวอย่างสนอกสนใจอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามต่อด้วยความแปลกใจ

“ลุงหลง.. ผมทำร้ายคนของแก๊งมังกรเขียว แล้วยังชิงตัวตี้เสี่ยวอู๋ซึ่งเป็นลูกน้องที่รักของลุงมาอยู่ด้วย ทำไมคุณลุงถึงไม่แก้แค้นคืน แต่กลับมาช่วยเหลือผมอีก?”

หลงคุนจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มและตอบไปว่า

“หลิงหยุน.. ในเมื่อเธอให้เกียรติเรียกฉันว่าลุงหลง ฉันก็จะถือโอกาสเรียกเธอว่าหลานชายก็แล้วกันนะ..”

“หลานชาย.. ฟังให้ดีนะ! เธอไม่ได้ทำร้ายลูกน้องของฉัน เธอไม่ได้แย่งลูกน้องที่ฉันรักไป แต่แก๊งมังกรเขียวมันเป็นของเธอ!”

“ห๊ะ.. อะไรนะ?!” หลิงหยุนได้ฟังถึงกับตกใจ และแทบจะกระโจนลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที!

“ลุงหลง.. นี่ลุงล้อผมเล่นใช่ไม๊? ลุงบอกว่า.. แก๊งมังกรเขียว.. แก๊งมังกรเขียวเป็นของผม?” หลิงหยุนยังคงสงบบจิตสงบใจไม่ได้

แต่หลงคุนกลับสงบนิ่ง.. เขาส่งสายตาให้หลิงหยุนเป็นการบอกว่าให้ดื่มชาสงบจิตสงบใจก่อน จากนั้นจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

“ใช่แล้ว.. แก๊งมังกรเขียวเป็นของเธอ! ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ แก๊งมังกรเขียวก็ยังเป็นของเธออยู่ดี!”

หลงคุนย้ำกับหลิงหยุนอีกครั้ง สมองของหลิงหยุนถึงกับว่างเปล่า และไม่สามารถคิดหาเหตุผลในเรื่องนี้ได้ จึงได้แต่ขมวดคิ้วเกาศรีษะพร้อมกับถามขึ้นว่า

“เพราะอะไร?!”

หลงคุนก่อตั้งแก๊งมังกรเขียวในเจียงหนานมานานมากกว่าสิบปี แต่ตอนนี้กลับมาบอกหลิงหยุนว่าแก๊งมังกรเขียวเป็นของเขา! ความรู้สึกของหลิงหยุนนั้นตกใจเกินกว่าที่จะสงบนิ่งอยู่ได้

แน่นอนว่า.. สำหรับหลิงหยุนในตอนนี้ อำนาจและอิทธิพลของแก๊งมังกรเขียวนั้น ไม่ได้มีความหมายในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้!

หลงคุนรินชาให้กับหลิงหยุนอีกครั้ง เขายิ้มพร้อมกับพูดกับหลิงหยุนว่า “ดูเหมือนว่าแม่ของเธอคงจะยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังสินะ.. ถ้างั้นลุงจะเล่าให้เธอฟังเอง!”

หลิงหยุนคิดในใจว่า หากเรื่องราวเหล่านี้เกี่ยวข้องกับแม่ของเขานางฉินจิวยื่อแล้วล่ะก็ เขาเองก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก

“เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว.. ฉันพาหลงหวู่หนีศัตรูที่ไล่ล่ามาที่เมืองจิงฉู แล้วก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และแม่ของเธอเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตของเราสองพ่อลูกไว้..”

“ในตอนนั้น.. ฉันมีแต่ตัวแล้วก็ต้องเลี้ยงหลงหวู่เพียงลำพัง จึงได้แต่บอกกับแม่ของเธอไปว่า เมื่อหลงหวู่โตขึ้น จะให้แต่งงานเป็นภรรยาของเธอเพื่อตอบแทนบุญคุณ..”

หลงคุนคิดว่าหลงหวู่คงจะอายเกินกว่าที่จะบอกเรื่องนี้กับหลิงหยุน เขาจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายบอกหลิงหยุนด้วยตัวเอง

หลงหวู่ร้องออกมาด้วยความเอียงอาย “ใครอยากจะแต่งงานกับนาย.. ทั้งหยิ่ง ทั้งจองหอง!”

หลิงหยุนได้ฟังถึงกับอึ้งไปทันที เขาหันไปมองหลงคุน จากนั้นก็หันไปมองหลงหวู่ที่กำลังนั่งเอียงอายอยู่ พร้อมกับพึมพำเบาๆ

“ยัยเด็กคนนี้นี่นะ?! ภรรยา? นี่มัน..”

‘นี่มันเรื่องอะไรกัน.. นี่ข้ามีเมียตั้งแต่เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้วหรือนี่!’

“พ่อคะ.. นี่พ่อพูดเรื่องอะไร น่าอายจะตายไป!”

หลงหวู่เห็นหลิงหยุนจ้องมองเธอ เธอก็อายจนไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้อีก จึงรีบลุกขึ้นถอนหายใจแล้วก็วิ่งหนีเข้าไปในบ้านทันที

หลงคุนไม่สนใจ เขาเพียงแค่หัวเราะและพูดกับหลิงหยุนต่อ “หลิงหยุน.. ลุงหลงมีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว และสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาลุงก็อบรมลูกสาวคนเดียวมาอย่างดี ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วใช่ไม๊ว่าเพราะอะไรแก๊งมังกรเขียวจึงเป็นของเธอ..”

ครั้งนี้หลิงหยุนไม่ได้นิ่งไปนานเหมือนเมื่อครู่ เขารีบตอบกลับไปว่าที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง..

และหากเขากับหลงหวู่แต่งงานกันจริง ไม่เพียงแค่แก๊งมังกรเขียวที่จะเป็นของเขา แต่ธุรกิจทั้งหมดของหลงคุนก็ต้องตกเป็นของเขาด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าหลิงหยุนไม่คิดที่จะชุบมือเปิบง่ายๆแบบนี้

“แต่.. แต่ตอนนั้นผมเองก็ยังเป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไร..”

แววตาของหลงคุนเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์ เขามองหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า “แม่ของเธอพยักหน้าตกลงแทนเธอไปแล้ว!”

แน่นอนว่าหลงคุนหลอกหลิงหยุน ตอนนั้นฉินจิวยื่อปฏิเสธข้อเสนอของเขา แต่ตอนนี้ฉินจิวยื่อไม่อยู่ เรื่องเมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้วเขาจะพูดอย่างไรก็ย่อมได้

หลิงหยุนเป็นคนที่มีความสามารถที่เหนือมนุษย์เช่นนี้ หากเขาได้มาเป็นลูกเขย ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก หากไม่ได้หลิงหยุนมาเป็นลูกเขย คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายแย่!

“เอ่อ.. ลุงหลงครับ! เรื่องนี้คงต้องรอจนกว่าแม่จะกลับมา จะได้ถามไถ่กันให้ชัดเจนว่าแม่คิดเห็นในเรื่องนี้ยังไง?”