ตอนที่ 176.3 อับอาย (3)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

คำว่า ‘ถุย’ ยังติดอยู่ในลำคอของเย่หนานเฟิง เขาเบิกตามองตัวสั่นเทิ้ม ครั้นจะโต้กลับก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีตรงหน้าจะหาญกล้ามาก “เจ้า…นี่เจ้ากล้า…” 

 

 

นอกม่าน ยวนยางและบ่าวที่พามาตกใจจนปิดปากไว้ 

 

 

เห็นเพียงว่าอวิ๋นหว่านถงถือจังหวะตอนที่เย่หนานเฟิงกำลังพูด ค่อยๆ ลุกขึ้น ในมือที่ถือคมมีดสีเงินอยู่นานนั้น เพียงขยับก็ตรงปักเข้าไปที่อกของเย่หนานเฟิง! 

 

 

เย่หนานเฟิงถอนหายใจเฮือก เอือมมือจับด้ามกรรไกรตัดดอกไม้ทั้งยังประคองร่างกายไว้ จ้องมองอวิ๋นหว่านถง “บ่าวจะบอกท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น…” 

 

 

อวิ๋นหว่านถงจับด้ามกรรไกรที่คมมีดแทงลึก ใช้แรงแทงเข้าไปในทรวงอกลึกอีกสองนิ้ว 

 

 

เลือดกระเด็นเต็มบนชุดสีแดงของนาง จนมองไม่ชัดว่าเป็นสีเสื้อหรือคราบเลือด 

 

 

ขณะตาย คนออเซาะจ้องมองสตรีที่อยู่หลังโต๊ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงใส่ชุดสีแดง เสียงดังราวกับฆ่าสัตว์ในโรง เสียงร้องไห้กระซิกไม่นานก็ล้มลงบนพื้น 

 

 

ฆ่าคน! ยวนยางลุกลี้ลุกลน รีบเข้าไป ก้มลงคุกเข่าฟังเสียงลมหายใจของเย่หนานเฟิง เกือบจะร้องออกมา “ชายารอง จะทำกันอย่างไรดีเจ้าคะ ไม่ได้นะเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปเรียกหมอมาดู เหมือนว่ายังมีลมหายใจยังช่วยได้นะเจ้าคะ…” 

 

 

ข้อมือถูกอวิ๋นหว่านถงจับไว้ เหมือนว่านางจะไม่ได้ยินที่บ่าวพูด ผวาตกตะลึง “พวกเจ้าทั้งสอง แบกเขาออกไปทิ้งที่ทะเลสาบหลังศาลาเทียนชู” 

 

 

ยวนยางยังตกใจอยู่ “ไม่ได้นะเจ้าคะชายารอง เรื่องฆ่าคนปิดไว้ไม่มิดแน่เจ้าค่ะ ไม่ช้าต้องถูกจับได้แน่ ท่านอ๋องโปรดปรานคนนี้มาก หากว่าท่านอ๋องรู้ว่าท่านฆ่า จะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ…ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ เราช่วยเขาแล้วค่อยขู่ไม่ให้พูด ทำเหมือนว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”  

 

 

หน้าของอวิ๋นหว่านถงเปลี่ยนสี น้ำเสียงจู่ๆ ก็แผดดัง ราวกับไปจี้ใจดำเข้า “ไม่ได้! มันต้องตาย! มันไม่ตายลูกของข้าก็อยู่ไม่ได้! คำทำนายดวงชะตาไม่สมพงษ์ ไม่ใช่มันหรือ ไม่ใช่หญิงไม่ใช่ชายแยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี เป็นดาวร้ายกับข้าและลูกของข้า รอบตัวข้ายังมีใครอีก ไม่ใช่คนชั้นต่ำคนนี้หรือ มันตายแล้ว ข้าก็สบายใจ ลูกข้าก็ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องช่วย! ปล่อยให้ตาย!” 

 

 

ยวนยางหน้าซีด ไม่เอ่ยคำใดออกมา 

 

 

เห็นชายารองกรีดร้องใกล้คลั่ง ยวนยางรีบปิดปากบ่าวผู้นั้น 

 

 

โชคดีที่ศาลาเทียนชูอยู่ไกล 

 

 

ชั่วครู่เสียงก็สงบลง อวิ๋นหว่านถงให้ยวนยางและบ่าวแบกเย่หนานเฟิงขึ้น เดินไปถึงทะเลสาบหลังห้องหนังสือ ยืมแสงจันทร์ส่องให้บ่าวย้ายหินสองก้อน ใช้เชือกที่หยิบมาจากห้องครัวผูกหินไว้บนร่างของเย่หนานเฟิง  

 

 

ขณะเดียวกัน ยวนยางกลับมาที่ห้องหนังสือ สำรวจดูว่ามีคาบเลือดกระเด็นในห้องและบนพื้นหรือไม่ ทั้งจัดการให้เรียบร้อย 

 

 

บ่าวอุ้มเย่หนานเฟิงที่มัดเรียบร้อยไปที่ริมฝั่ง เห็นเย่หนานเฟิงเหมือนว่าหายใจเฮือกสุดท้าย ตกใจรีบผลักลงไป 

 

 

ตู้ม! ละอองน้ำลอยเป็นรูปคน 

 

 

รอครู่เดียวคลื่นน้ำเย็นในทะเลสาบค่อยๆ นิ่งลง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อวิ๋นหว่านถงเบาใจ ถอนหายใจออกมาก กำชับบ่าวคนนั้น “รอมืดกว่านี้สักหน่อยให้ทุกคนเข้านอนกันหมด แอบเข้าไปที่ตึกรุ่ยเสวี่ยปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องเย่หนานเฟิง นำกล่องเพชรพลอยออกมาก” 

 

 

บ่าวเข้าใจว่าอวิ๋นหว่านถงหมายความว่าอะไรจึงพยักหน้าตอบ 

 

 

อวิ๋นหว่านถงสะบัดคราบเลือดที่ติดอยู่บนเสื้อ จมูกได้กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ พะอืดพะอม โหดเหี้ยมไปหน่อย แต่กลับมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน บ่าวสองคนรีบเดินกลับห้องไป 

 

 

วันถัดมา เว่ยอ๋องกลับจวนอ๋อง ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ทราบข่าวว่าเย่หนานเฟิงหายตัวไป 

 

 

ตกใจมาก เว่ยอ๋องได้ยินบ่าวตึกรุ่ยเสวี่ยบอกว่า เมื่อวานเย่หนานเฟิงออกไปคนเดียว บอกว่าท่านอ๋องเรียกแต่ไม่ได้บอกว่าไปที่ไหน หลังจากนั้นก็ไม่กลับมาทั้งคืน ไม่รู้ว่าจะกลับตอนไหน บ่าวที่ตึกรุ่ยเสี่วยคิดว่าเขาจะอยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนจึงไม่ได้ออกตามหา จนเช้าวันนี้ก็ยังไม่กลับมา ทั้งได้รู้ว่าเมื่อคืนท่านอ๋องไม่ได้กลับจวนจึงรีบมาบอกพ่อบ้านจวนเว่ยอ๋อง 

 

 

เย่หนานเฟิงติดกับดักเข้าแล้ว 

 

 

พ่อบ้านสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ก็รู้ว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับคนนี้มาก จึงไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป ทำได้เพียงให้คนหาให้ทั่วจวน 

 

 

เว่ยอ๋องโกรธมาก เรียกทุกคนมาร่วมตัวที่ห้องโถงเอง ร่วมถึงชายารองและนางกำนัลทั้งสองด้วย 

 

 

เพื่อหาคนหายคนคนเดียว แม้แต่ชายารองและนางกำนัลก็ถูกเรียกมาด้วย แต่เห็นท่าทางท่านอ๋องตื่นตระหนกและร้อนรนอย่างมาก ทุกคนไม่กล้าหายใจแรง ก้มหัวไม่กล้าพูดจา กลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป 

 

 

เว่ยอ๋องเห็นว่าไม่มีใครพูดสักคนระเบิดอารมณ์ ตบโต๊ะดัง ปัง! “มารดาเจ้าสิ บ่าวนั่นหาเจอหรือไม่” 

 

 

พ่อบ่านจวนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างนอก “กำลังหาทั้งจวนอยู่พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องรอสักประเดี๋ยว” 

 

 

“เย่หนานเฟิงล่ะ ถึงตอนนี้ยังหาไม่เจออีกหรือ เลี้ยงพวกเจ้าเปลืองข้าวสุกเสียจริง! คนยังไม่ได้ออกจากจวน จนตอนนี้ยังหาไม่เจออีก!” 

 

 

ในบรรดาจวนของโอรสทั้งหมด จวนเว่ยอ๋องใหญ่ที่สุด ตึกศาลาเรือนหน้าเรือนหลัง มีหมดทั้งสี่ทิศ ห้องเล็กใหญ่ทั้งหมดรวมๆ แล้วไม่น้อยกว่าพันห้อง ในห้องมีตู้เตียงที่สามารถซ่อนคนไว้ได้นั้นเยอะยิ่งกว่า 

 

 

หากบอกว่าจะซ่อนคนเอาไว้ ชั่วยามครึ่งหาไม่เจอจริงๆ ตอนนี้เว่ยอ๋องกำลังโกรธ พ่อบ้านจวนไม่กล้าโต้แย้งอะไร ทำได้เพียงเพิ่มจำนวนคนและหาทุกซอกทุกมุมของจวน 

 

 

เว่ยอ๋องได้ยินว่าเย่หนานเฟิงถูกคนเรียกไป ทั้งยังหายตัวไปอย่างแปลกๆ รู้สึกตงิดในใจตั้งแต่แรก สามารถหลอกให้เย่หนานเฟิงออกจากตึกรุ่ยเสวี่ยไปได้ เก้าในสิบน่าจะเป็นชายารอง นางกำนัลทั้งสองคนกลัวจนตัวสั่น แต่สีหน้าอวิ๋นหว่านถงกลับซีดเซียว จับผ้าเช็ดหน้าคิ้วขมวด มองดูแล้วไม่น่าสงสัยอะไร แต่พอคิดดีๆ แล้วกลับแปลกๆ นางเป็นศัตรูกับเย่หนานเฟิง ตอนนี้เกิดเรื่องกับเย่หนานเฟิง ถึงนางไม่ยิ้มต่อหน้าแต่ก็ไม่แสดงความกังวล 

 

 

เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐาน และยังหาเย่หวานเฟิงไม่เจอ ชายตามองท้องนาง เว่ยอ๋องหยุดความคิดไว้ ลองเอ่ยถาม “ชายาอวิ๋น ได้ยินมาว่าเมื่อวานตอนเช้าเจ้าเจอเย่หนานเฟิงที่สวนดอกไม้?” 

 

 

อวิ๋นหว่านถงเย้าเสียงเบาๆ “ท่านอ๋องคงไม่สงสัยในตัวหม่อมฉันหรอกนะเพคะ หม่อนฉันเจอเขาตอนเที่ยงๆ หลังจากนั้นก็ไปสวดมนต์ขอพรให้ลูกนอกจวน กลับมายามพระอาทิตย์ตกดิน เพราะเหนื่อยมาทั้งวันกลัวว่าจะไม่ดีต่อลูก กลับมาจึงเข้าห้องพักผ่อน ทานอาหารเย็นเสร็จก็เข้านอนจนถึงเช้า ยวนยางและบ่าวในห้องก็เป็นพยานให้ได้ วันนี้ตอนเช้าหากว่าไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง เกรงว่าหม่อนฉันก็คงยังพักผ่อนอยู่เพคะ”