ตอนที่ 234 ซุบซิบ

“สิ่งที่ฝ่ายหญิงต้องการก็คือเมื่อแต่งงานแล้วขอแยกบ้าน ขอแค่สร้างบ้าน ให้ที่ดิน อย่างอื่นไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว อีกฝ่ายเสนอแบบนี้ขึ้นมาก็มีเหตุผลของเขานะ จนถึงตอนนี้ไห่เยี่ยนก็ยังไม่ได้แยกบ้านเลย ยังอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ทำงานเยอะมาก หล่อนเองก็โมโหไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่คลี่คลาย ชุนเยี่ยนไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนพี่สาว ต่อให้ต้องเป็นหนี้เพื่อสร้างบ้านหล่อนก็ยอม เด็กคนนี้ฉลาดมากเลยนะ แถมยังกล้าพูดด้วย แกร่งกว่าฉันเยอะเลย!” เฮ่อซงจือชื่นชมกับสิ่งที่ชุนเยี่ยนเลือก

เย่ฉูฉู่เองก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดอะไร ถามไปว่า “แล้วเจ้ารองฉวี่ล่ะ เขาคิดยังไง?”

“เจ้ารองฉวี่ก็ยินดีที่จะแยกบ้าน พี่ชายของเขาขี้เกียจจะตายไป แถมยังไม่ยอมทำงานด้วย ส่วนพี่สะใภ้ของเขา เธอคงไม่รู้จักหลี่เฟินดีพอ ยัยนั่นแรงกว่าภรรยาของเหล่าหวังสามอีกนะ พูดจาฉอด ๆ ทุกวี่ทุกวันไม่หยุดหย่อนเลย ไหนจะยายเฒ่าฉวี่อีก นั่นก็ปากมากจะตาย แต่เขาไม่อยากเป็นหนี้ ก็เลยบอกให้พ่อแม่แล้วก็พี่ชายช่วยออกเงินให้ เธอคิดว่าจะเป็นไปได้เหรอ? บ้านของพวกเขาจะออกเงินสดเพื่อสร้างบ้านสามห้องเหรอ? ต่อให้เป็นไปได้ หลี่เฟินจะทำเหรอ?” เฮ่อซงจือส่ายหน้า

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยความอยากรู้

นางค้นพบว่า การเป็นคนดูอยู่ข้าง ๆ ได้ฟังเรื่องแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน

นี่เป็นข้อดีของการเป็นคนนอกที่คอยรับชมเรื่องที่เกิดขึ้น หากลองมาเจอกับตัวเองคงวุ่นวายตายชักเลย!

“หลังจากนั้นหลี่เฟินก็บอกว่าไม่มีเงิน หล่อนไม่ได้คัดค้านเรื่องสร้างบ้าน แต่เงินที่จะสร้างบ้านเขาต้องออกเอง เป็นหนี้ก็ต้องจ่ายคืนด้วยตัวเอง” เฮ่อซงจือกล่าว

“บ้านที่ตัวเองสร้าง ก็ต้องเป็นหนี้กันเอง หลี่เฟินพูดถูกนะ” เย่ฉูฉู่สรุป

เฮ่อซงจือหัวเราะ “ฉูฉู่ เธอนี่จิตใจดีจริง ๆ ฟังดูเหมือนจะไม่เลว แต่เธอเคยคิดหรือเปล่าล่ะ เจ้ารองฉวี่ไม่ได้กินข้าวฟรี ๆ นะ เขาเองก็ทำงานหนักเหมือนกัน ออกแรงไปไม่รู้ตั้งเท่าไร พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องพูดให้ห่างไกลหรอก พูดเรื่องใกล้ตัวนี่แหละ อย่างกระต่ายพวกนั้นที่บ้านพวกเขาเลี้ยงไว้ เจ้ารองฉวี่ก็เป็นคนดูแลทั้งหมด เงินที่ขายได้ก็ควรจะเป็นของเจ้ารองฉวี่ส่วนหนึ่งด้วยไม่ใช่เหรอ?”

เย่ฉูฉู่มองเฮ่อซงจือพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอมีลูกก็กลายเป็นคนละคนเลยนะ ฟังเข้าสิ ปากของเธอพูดซะคล่องเชียวนะ!”

เฮ่อซงจือแอบรู้สึกไม่ดี “ฉันเองก็เพิ่งจะไตร่ตรองได้นี่แหละ ไม่ว่าจะพูดยังไง แต่งงานก็ต้องแยกบ้าน อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ แบบนี้คงไม่มีทางที่ตกลงกันได้หรอกเธอว่าจริงไหมล่ะ?”

“แล้วป้าใหญ่กับลุงใหญ่ว่ายังไงบ้าง?” เย่ฉูฉู่ถามถึงยายเฒ่าฉวี่และตาเฒ่าฉวี่

“พวกเขาน่ะเหรอ?” เฮ่อซงจือบุ้ยปาก “บอกว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้นที่จะเอามาสร้างบ้านหรอก มีพวกเขาแค่สองพี่น้อง บ้านก็ออกใหญ่โต ถึงเวลานั้นคนหนึ่งอยู่ด้านหน้าอีกคนอยู่ด้านหลังก็สิ้นเรื่อง แต่งงานก็ให้พวกพี่สาวมาช่วยสักหน่อย ก็ไม่ต้องไปเป็นหนี้แล้ว”

ยายเฒ่าฉวี่มีลูกชายสองคน มีลูกสาวห้าคน มีแค่ลูกสาวคนโตที่แต่งอยู่ใกล้บ้าน ส่วนคนอื่น ๆ อยู่ไกลกันหมด สองสามปีก็แทบจะกลับมาไม่ได้เลย

“พวกเขายังบอกอีกว่า เจ้ารองฉวี่อายุน้อยสุด นางไม่อยากให้ลูกชายคนสุดท้องต้องใช้ชีวิตโดยที่มีหนี้สิน” เฮ่อซงจือส่ายหน้า “ถ้าไม่ได้ทำอะไรร่วมกันก็คงไม่รู้ว่าเป็นคนยังไง ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเขาไม่เลวเลยนะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะแย่มากจริง ๆ หนึ่งบ้านอยู่กันสามครอบครัว ยายเฒ่าฉวี่ไม่ได้เหมือนกับแม่สามีของเธอเลย จะรอดไหมเนี่ย? ถึงเวลานั้นไม่ตีกันตายเลยเหรอ!”

ความหมายก็คือการต่อสู้ระยะประชิดนั่นเอง

เย่ฉูฉู่รู้สึกว่าสิ่งที่พูดมีเหตุผลมาก และไม่รู้ว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไร ดูเหมือนว่าที่เธอตัดสินใจไม่เป็นแม่สื่อคงเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว

“สุดท้ายก็เลยตันอยู่ตรงนี้?” เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันเห็นพวกเขาคุยกันที่ห้องตะวันตกตั้งนานขนาดนั้น คงไม่แยกจากกันหรอกมั้ง?”

“ไม่รู้สิ” เฮ่อซงจือพูดจบก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จนหลุดขำอีกครั้ง “พุ่งเข้าหาบ้านเธอแบบนี้คงแยกจากกันไม่ได้แล้วล่ะ”

เย่ฉูฉู่รู้สึกขบขัน “เธอพูดซะผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย หล่อนจะแต่งงานกับคนนะ ไม่ใช่บ้านสักหน่อย!”

“แต่บางครั้งบ้านก็มีประโยชน์กว่าคนอีกนะ” เฮ่อซงจือถอนหายใจขณะนึกถึงชีวิตของไห่เยี่ยน “ฉันจะบอกอะไรให้นะ สามีของฉันคนนั้นน่ะ…”

จากนั้นก็เริ่มพูดสาธยายออกมา

เย่ฉูฉู่ก็ฟังอย่างมีความสุขมาก

หลังจากนั้นไม่กี่วันเฮ่อซงจือก็ไม่ได้มาที่นี่อีก คาดว่าคงไม่มีความคืบหน้าใหม่ ๆ คุณแม่จ้าวทางฝั่งนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เย่ฉูฉู่ก็อดคิดไม่ได้ หรือว่าจะล่มแล้ว?

ล่มในที่นี่ก็คือไม่ประสบความสำเร็จนั่นแหละ

และแล้วก็เข้าสู่ช่วงเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ เหมือนกับปีก่อน ๆ ที่แต่ละบ้านเริ่มนึ่งอาหารแห้ง เย่ฉูฉู่ต้องดูลูกจึงไม่สามารถนึ่งอาหารแห้งได้ แต่สามีของเธอสุดยอดมาก ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน เขาก็ขนฟองเต้าหู้ ขนมเข่งและหมั่นโถวกลับมา

“ผมให้คนที่หมู่บ้านไท่ผิงทำให้ ภรรยา หลังจากนี้พวกเราก็กินอาหารสำเร็จรูปกันนะ!” จ้าวเหวินเทาขนอาหารแห้งลงมาจากรถและเก็บเข้าไปในถังขนาดใหญ่ “ลดภาระได้เยอะเลย”

“หมู่บ้านไท่ผิงทำของพวกนี้ขายด้วยเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ไม่เข้าใจ

“มีที่ไหนกันล่ะ ผมจ่ายเงินจ้างให้คุณป้าคนหนึ่งช่วยทำให้” จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมไปขนผักจากบ้านของป้าคนนั้น แถมยังกินข้าวที่บ้านนั้นตั้งหลายมื้อ รสชาติไม่เลวเลยนะ ที่สำคัญคือสะอาดด้วย ภรรยา ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบกินของที่อยู่ข้างนอก แต่เรื่องนี้ไม่มีปัญหาเลย”

เย่ฉูฉู่เป็นกังวลเรื่องนี้จริง ๆ อย่างอื่นไม่สะอาดไม่เป็นไร แต่ของกินต้องสะอาด อีกอย่างเรื่องความสะอาดก็ไม่ได้อยู่ที่ภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็นขั้นตอนในการทำต่างหาก ยกตัวอย่างเช่นล้างวัตถุดิบไปกี่รอบ มีดและเขียงทำความสะอาดไปกี่ครั้ง ระหว่างที่ทำอาหารแวะไปทำอย่างอื่นตอนกลับมาได้ล้างมือหรือเปล่า ถึงอย่างไรเมื่อต้องรับประทานอาหารข้างนอก ในหัวเธอก็จะคิดเรื่องพวกนี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะหลังจากที่คลอดลูกแล้วความคิดนี้ก็ดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ

เพียงแต่สามีของเธอไม่อยากให้เธอเหนื่อย จึงซื้ออาหารแห้งกลับมาให้ เธอเองก็ไม่ถามแบบนี้ออกไปเช่นกัน

“ตอนเที่ยงพวกเราลองอุ่นแล้วชิมดูนะคะ” เย่ฉูฉู่เชื่อใจสามี เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ภรรยา ผมดีกับคุณหรือเปล่า?” จ้าวเหวินเทาเข้ามาทวงความดีความชอบ

“ดีสิคะ สามีของฉันดีที่สุดเลย!” เย่ฉูฉู่ปลอบสามีราวกับปลอบเสี่ยวไป๋หยาง

“ภรรยา คำพูดของคุณช่างไม่จริงใจเอาซะเลย” จ้าวเหวินเทาเข้ามาทำตัวหวานเลี่ยน “มาครับ ขอจุ๊บหน่อย”

เย่ฉูฉู่ทำตาขวางตำหนิเขาด้วยสายตา หลังจากจูบเขาแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงรู้สึกพึงพอใจ

“ภรรยาจ๋า ถึงเวลานั้นพวกเราเอาหมูไปขายหนึ่งตัว แล้วก็ฆ่าหนึ่งตัวนะ เดี๋ยวเอาไปเชือดที่บ้านพ่อกับแม่ทางฝั่งนั้น ทำความสะอาดอะไรเสร็จแล้วค่อยเอากลับมา พ่อกับแม่จะได้แบ่งไปคนละครึ่งด้วย ได้หรือเปล่า?” จ้าวเหวินเทาปรึกษากับภรรยา

“คุณคำนวณไว้อย่างดีแล้วยังจะถามอะไรฉันอีกล่ะคะ” เย่ฉูฉู่จงใจพูด

“ภรรยา ที่ผมคิดไว้แบบนี้ คุณก็ดูบ้านพวกเราสิว่าสะอาดขนาดไหน ฆ่าหมูสักตัวคงสกปรก เหนื่อยด้วย แถมคนยังเยอะอีก คนแก่ ๆ ไม่รังเกียจเรื่องพวกนี้หรอก แถมยังชอบความคึกครื้นด้วย ทำเสร็จแล้ว เอากลับมาก็ช่วยลดความยุ่งยากได้ ที่สำคัญคือคุณไม่ต้องเหนื่อยด้วยไง”

เย่ฉูฉู่พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้แล้วค่ะว่าคุณรักฉัน! ตกลง ถึงเวลานั้นคุณก็ไปบอกพ่อกับแม่สักคำนะ ฉันจำได้ว่าแม่ชอบกินขาหมู คุณก็เหลือขาหมูไว้ให้แม่สักหน่อย แล้วก็หัวหมูด้วย ฉันไม่ชอบกินส่วนนั้น เหลือไว้ให้คุณพ่อก็ได้ ถึงเวลานั้นคุณเอาแค่ไส้กรอกเลือดกับเนื้อหมูกลับมาสักนิดก็พอแล้ว”

“ยังมีตับหมูด้วยนะ ผมจำได้ว่าคุณชอบกินตับหมู” จ้าวเหวินเทากล่าว

“แล้วพ่อคุณไม่ชอบกินเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่จำได้ว่าพ่อสามีชอบรับประทานตับหมูมาก

“งั้นก็แบ่งกันคนละครึ่ง” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ไม่เป็นไร คุณพ่อชอบกินก็ให้คุณพ่อเถอะค่ะ ส่วนฉันยังไงก็ได้”

“ภรรยา คุณช่างดีจริง ๆ เลย ทำไมคุณถึงได้ดีแบบนี้เนี่ย!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความจริงใจ

ลูกสะใภ้บ้านอื่นขอแค่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนสูงวัยก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ภรรยาของเขากลับนึกถึงพ่อแม่สามีอยู่ตลอด เขาไม่รู้ว่าตัวเองเสริมสิริมงคลในชีวิตมามากขนาดไหนถึงได้แต่งงานกับภรรยาดี ๆ แบบนี้!

“ภรรยาจ๋า ผมว่าโชคที่ใหญ่ที่สุดของผมคือการได้แต่งงานกับคุณนะ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ถ้าไม่ลงรอยกับบ้านใหญ่ก็แยกกันอยู่ดีกว่าค่ะ อยู่บ้านเดียวกันโอกาสทะเลาะกันมีสูงมาก

เหวินเทาทำบุญด้วยอะไรน้าชีวิตถึงดีขนาดนี้

ไหหม่า(海馬)