ตอนที่ 379 ฮ่องเต้สอบสวน
“น้องหญิงกล่าวอันใด อี๋เหนียงเสี่ยงชีวิตช่วยท่านพ่อเอาไว้ก็ย่อมได้รับการให้อภัยจากท่านพ่ออยู่แล้ว ข้าแค่โดนเข้าใจผิดจึงทำอันใดมิถูกเท่านั้นเอง…” อันหลิงเกอที่มีท่าทางเคียดแค้นชิงชังมาตลอด บัดนี้แสดงความอ่อนแอต่อหน้าอันหลิงอี นี่ถือเป็นวิธีล่อให้นางติดกับได้ดีที่สุด
“พี่หญิงใหญ่ยังมิเข้าใจอีกหรือ ? ข้ากับท่านแม่วางแผนใส่ร้ายเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงโง่เช่นนี้ ! ”
อันหลิงอีกล่าวไปพลางหัวเราะไปพลางจนเสียงดังก้องอยู่ในคุกใต้ดิน
“น้องหญิงสาม ข้าไปทำอันใดให้เจ้า เหตุใดจึงทำกับข้าเช่นนี้ ! ”
อันหลิงเกอทำราวเจ็บปวดแสนสาหัส อันหลิงอีในตอนนี้จึงมิได้ระวังตัวอีกแล้ว นางกล่าวทุกอย่างออกมาอย่างง่ายดาย
“เจ้าน่ะหรือ ? เจ้าทำให้ข้าโดนบ้านสามีเข้าใจผิด เจ้าทำให้ท่านแม่เสียโฉม เจ้าทำให้ท่านพ่อมิรักข้ากับท่านแม่อีก ทั้งหมดก็เพราะเจ้า ! ”
หากมิใช่เพราะมีประตูเหล็กขวางกั้นเอาไว้ อันหลิงอีคงพุ่งเข้าไปข้างในแล้ว
“กล่าวเช่นนี้แล้วเจ้ากับหญิงชั่วช้านั่นเคยทำดีกับข้าและท่านแม่หรือไร ! ”
อันหลิงเกอขยับมาเพื่อเผชิญหน้าพร้อมจ้องอันหลิงอีตาเขม็ง
บัดนี้คนในจวนยังมิปรากฏตัว พวกเขาคงอยากฟังต่อ เช่นนั้นนางจักทำให้หญิงโง่พูดออกมาจนหมด
“เจ้ากับแม่เจ้าน่ะหรือ ? พวกเจ้าสมควรตายแล้ว คนที่ไร้สมองควรมีชีวิตรอดในจวนนี้หรือ ? ”
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หลี่ซื่อสอนนางทั้งนั้น วันนี้นางจึงใช้มาพูดใส่อันหลิงเกอ
“อีเอ๋อพูดถูก ไร้สมองยิ่งนัก…” อยู่ ๆ เสียงของอันอิงเฉิงก็ดังขึ้นตรงประตูคุกใต้ดิน เดิมทีคุกใต้ดินค่อนข้างมิดชิดอยู่แล้ว สิ่งที่พวกนางสนทนากันเมื่อครู่จึงดังออกไปทางประตูทั้งหมด บ่าวผู้ชาย คนใช้และเหล่าสาวใช้ที่อยู่นอกประตูก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน
แม้แต่หลี่ซื่อก็ถูกอันอิงเฉิงหามมาที่หน้าประตูด้วย เพียงแต่โดนปิดปากเอาไว้จนได้ยินสิ่งที่อันหลิงอีกล่าวจนจบ
เวลานี้ดวงตาของนางเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
คนฉลาดเยี่ยงนาง เหตุใดจึงมีบุตรสาวที่โง่เง่าเช่นนี้ได้ !
“ท่านพ่อ ท่านพ่อเจ้าคะ ! ” อันหลิงอีทรุดลงกับพื้นทันที
“นาง นางชักจูงลูก ลูกจึงกล่าวเหลวไหลเช่นนั้นออกไปเจ้าค่ะ” อันหลิงอีรีบจับขาของอันอิงเฉิงไว้ทันที แต่ครั้งนี้ถูกสะบัดออกอย่างแรง
ปี้จูเดินไปเปิดประตูให้อันหลิงเกอ อันหลิงอีจึงได้สติขึ้นมาว่าที่แท้ทั้งหมดก็เป็นกับดักที่เอาไว้ล่อนาง !
“ไม่ มิใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ ! ” นางอยากแก้ตัว ทว่าเห็นหลี่ซื่อถูกวางลงพอดี
“ท่านแม่ ท่านช่วยพูดแทนอีเอ๋อหน่อยเจ้าค่ะ ท่านเพิ่งช่วยท่านพ่อเอาไว้ ท่านพ่อมิมีทางตำหนิท่านหรอกเจ้าค่ะ”
อันหลิงอีเสียสติจนพูดเลอะเทอะไปหมดแล้ว นางจักมิรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อครู่ตนได้กล่าวสิ่งใดออกไปบ้าง
ท่าทางของอันอิงเฉิงในตอนนี้ นางก็รู้ดีว่าเขาคงได้ยินหมดทุกอย่าง
ผ้าปิดปากของหลี่ซื่อถูกดึงออก แต่ยามนี้นางกล่าวอันใดมิออกแม้แต่คำเดียว
บาดแผลก็ยังรู้สึกปวดหน่วง ยิ่งมาเห็นบุตรสาวที่มิเอาไหนเป็นเช่นนี้ ใจของนางก็ยิ่งเจ็บปวดเข้าไปอีก
ครั้งนี้นางมิเพียงปกป้องบุตรสาวมิได้ แม้แต่ตัวเองก็มิสามารถปกป้องไว้ได้เช่นกัน
“ท่านพี่ หรูเสวี่ยยอมรับผิด แต่ขอให้ท่านพี่ปล่อยอีเอ๋อไปเถิดเจ้าค่ะ อีเอ๋อยังต้องกลับไปที่จวนอ๋องอี้ นางจักเป็นอันใดมิได้เจ้าค่ะ”
ตอนนี้จวนอ๋องอี้กับคุณชายรองกลายเป็นยันต์คุ้มภัยให้อันหลิงอีไปแล้ว อันหลิงเกอที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดรู้สึกขำขันมิได้
อันหลิงอีผู้เย่อหยิ่งถึงขั้นยอมใช้คนโง่เง่ามาปกป้องชีวิตตน มิรู้ว่าคิดอันใดอยู่กันแน่
“ท่านแม่ ลูกมิกลับไปจวนอ๋องอี้แล้ว มิว่าลงโทษอย่างไร ลูกก็ยินดีถูกลงโทษไปพร้อมท่าน!”
ทันทีที่อันหลิงอีกล่าวจบ หลี่ซื่อก็กระอักโลหิตออกมา
เหตุใดบุตรีถึงได้โง่งมเช่นนี้ !
‘เพียะ ! ’
“ไสหัวไป”
อันหลิงอีนึกมิถึงว่าถ้อยคำของตนจักทำให้ท่านแม่โกรธถึงขั้นตบหน้านางได้
“พอแล้ว เลิกเล่นละครได้แล้ว ! ” อันอิงเฉิงทนดูละครของสองแม่ลูกมากพอแล้ว ภายในใจจึงเต็มไปด้วยโทสะ
“พวกเจ้าพาคุณหนูใหญ่กลับไปก่อนแล้วคอยปรนนิบัตินางให้ดี” อันอิงเฉิงกล่าวจบก็หันไปทางอันหลิงอี “ตั้งแต่วันนี้ให้ขังหลี่หรูเสวี่ยและอันหลิงอีไว้ในคุกใต้ดิน หลังครบสามเดือนก็ให้ส่งตัวกลับจวนอ๋องอี้ ! ”
“นายท่าน แล้วหลังจากนั้นจักทำอย่างไรกับฮูหยินรองหลี่ขอรับ ? ”
“ส่งกลับตระกูลหลี่ ! ”
น้ำเสียงของอันอิงเฉิงเด็ดขาด หลี่ซื่อก็รู้ดีว่าครั้งนี้นางถึงจุดจบแล้วจริง ๆ
เดิมทีตระกูลหลี่มิมีทางรับพวกนางอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เมื่อกลับไป นางจักมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร !
“ท่านพี่ ข้ายอมเป็นคนรับใช้ก็ได้ ขอเพียงให้ข้าอยู่ในจวนโหวต่อเถิดเจ้าค่ะ ! ”
หลี่ซื่อมิได้สนใจความเจ็บปวดใดอีกแล้ว นางปีนขึ้นมากอดเอวของอันอิงเฉิงเอาไว้ นางยังคิดใช้วิธีเดิมแต่ถูกเขาผลักไสออกไป
บาดแผลของนางจึงโดนกระแทกเข้ากับกำแพงจนเลือดไหลอีกครั้ง
“ท่านแม่ ! ” อันหลิงอีกอดหลี่ซื่อไว้ด้วยท่าทางน่าสงสาร “ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงใจร้ายกับท่านแม่เช่นนี้ ! ”
เมื่อได้ยินอันหลิงอีเอ่ยตำหนิ อันอิงเฉิงก็รู้สึกน่าขันยิ่งนัก
“ตอนที่พวกเจ้าลอบสังหารข้า เหตุใดมิคิดว่าจักมีวันนี้ ! ที่ข้าไว้ชีวิตพวกเจ้าก็ถือว่ามีเมตตามากแล้ว ! พวกเรากลับ ! ”
พูดจบ อันอิงเฉิงก็ออกไปจากคุกใต้ดินทันที
พวกบ่าวจึงนำสองคนแม่ลูกขังแยกกันโดยสามารถมองเห็นกันได้จากระยะไกลเท่านั้น
“ท่านแม่ ท่านแม่ ! ”
ที่ผ่านมาอันหลิงอีมีหลี่ซื่อคอยดูแลตลอด เคยลำบากจริง ๆ เช่นนี้ที่ไหนเล่า
“อันหลิงเกอ ข้ามิมีวันปล่อยเจ้าไปแน่ ต่อให้เป็นผีข้าก็มิปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด ! ”
ทั้งจวนโหวดังไปด้วยเสียงของอันหลิงอี แต่อันหลิงเกอไร้จิตใจที่จักไปสนใจ
เมื่อครู่มีองครักษ์เงามาแจ้งข่าวเรื่องมู่จวินฮานกลับเมืองหลวงและดูเหมือนว่าเขาจักโดนฮ่องเต้สอบสวน
ช่วงที่ผ่านมานางแอบจัดระเบียบองครักษ์และยามภายในจวนก็เพื่อขยายการรับรู้ข่าวสารของตนและเพื่อปกป้องคนที่สำคัญกับนางด้วย
ตอนนี้ได้ทราบข่าว นางจึงมิสามารถสงบนิ่งได้แม้แต่อึดใจเดียว
มู่จวินฮานกลับเมืองหลวงก่อนก็เพราะนาง และโดนสงสัยเพราะเรื่องนี้ จักให้นางใจเย็นได้อย่างไร ?
“คุณหนูอย่าได้ร้อนใจไปเลยเจ้าค่ะ มู่ซื่อจื่อเป็นคนดีฟ้าดินย่อมคุ้มครอง อีกอย่างคนของเราก็เข้าไปในวังมิได้ ที่ได้ยินมาก็เป็นเรื่องที่พวกขุนนางคุยกันในโรงน้ำชาเท่านั้นเจ้าค่ะ”
หมิงซินที่อยู่ด้านข้างก็คอยปลอบใจ แต่ใครต่างก็รู้ดีว่าปกติองครักษ์เงาทำงานรอบคอบเพียงใด หากมิใช่ข่าวจริงย่อมมิมีทางส่งถึงมืออันหลิงเกออย่างแน่นอน
“ใช่แล้วเจ้าค่ะคุณหนู มู่ซื่อจื่อเป็นวีรบุรุษสร้างความดีความชอบใหญ่หลวง ฝ่าบาทจักเอาผิดเขาได้อย่างไรเจ้าคะ ? ” ปี้จูก็ปลอบนางเช่นกัน
ผู้อื่นอาจมิเข้าใจแต่อันหลิงเกอเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็เหมือนฮ่องเต้ทุกพระองค์ที่มักหวาดกลัวผู้ทำผลงานโดดเด่นเสมอ
ครั้งนี้มู่จวินฮานรบชนะจึงยิ่งอันตรายมากไปอีก
“คุณหนู…”
“ปี้จู พวกเจ้าออกไปก่อน”
หมิงซินเห็นอันหลิงเกอจิตใจมิอยู่กับเนื้อกับตัวก็รู้ดีว่านางกำลังเป็นห่วงมู่จวินฮานจึงมิอยากรบกวนอีก
สามวันต่อมางานเลี้ยงฉลองก็ถูกจัดขึ้น จวนโหวก็ได้รับเทียบเชิญและเทียบเชิญแขกสตรีมีเพียงใบเดียวเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าส่งให้อันหลิงเกอเป็นกรณีพิเศษ
“คุณหนู ท่านจักได้เจอมู่ซื่อจื่อแล้วเจ้าค่ะ ! ”
อันหลิงเกอยิ้มเล็กน้อยแต่ในใจก็อดกังวลมิได้ ขณะที่พวกนางกำลังแต่งตัวอยู่ อันหลิงเกอก็เผลอนึกถึงเรื่องที่จักเกิดขึ้นวันนี้มิหยุด
มิว่าอย่างไรนางก็จักร่วมเผชิญไปกับมู่จวินฮาน งานสมรสที่เมื่อชาติก่อนจัดมิสำเร็จ ทว่าในชาตินี้ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน