ตอนที่ 212 หลงทาง

ชุยอี้ผิงนั่งอยู่ด้านหนึ่ง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาลากพี่น้องหงอวี้ไล่ตามมาจากเยอรมัน ก็เพื่อที่จะได้แน่ใจในเรื่องหนึ่ง แต่หลังจากฟังแม่หยางอธิบายแล้ว สถานะของหยางโปนั้นไม่ตรงกันกับคนคนนั้นอย่างชัดเจน

ชุยอี้ผิงหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้หงอวี้ นี่เป็นสัญญาณลับของพวกเขา หงอวี้เองก็พยักหน้าตอบ

“คุณอา คุณอาต้องบำรุงร่างกายให้ดี ครั้งหน้าถ้ามีเวลา ก็ให้หยางโปพาคุณอากับคุณน้ามาเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สักรอบนะครับ หรือจะไปปักกิ่งก็ได้เหมือนกัน!” หงอวี้ยิ้มพลางพูด

แม่หยางใบหน้าดำคล้ำ ส่วนพ่อหยางก็เบะปาก ไม่พูดอะไร

 

หงอวี้หันไปมองชุยอี้ผิง ท่าทีของพ่อแม่หยางโปนั้นแปลกประหลาดมาก แต่ใบหน้าของเขาก็ยังประดับรอยยิ้ม “คุณอา พวกเรายังมีธุระ ต้องขอตัวก่อน คุณอารักษาตัวด้วยนะครับ”

พ่อหยางไม่คิดจะสนใจ แต่พอมองไปยังยาบำรุงคุณภาพสูงคู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มออกมา “พวกเธอไม่รอหยางโปกลับมาเหรอ?”

“ไม่ต้องหรอกครับๆ เดี๋ยวผมโทรหาเขาก็ได้” หงอวี้กล่าว

หยางหลางจ้องกองยาบำรุงคุณภาพสูงที่หงอวี้เอามา เห็นรังนก ถังเช่า เห็นโสมคนจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนโสมจากต่างประเทศ เขากลืนน้ำลายอย่างทนไม่ไหว “นี่ พวกเธอเป็นเพื่อนของเสี่ยวโปกันใช่ไหม?”

 

หงอวี้กำลังลุกขึ้นพอดี พอเห็นหยางหลางถามแบบนี้ เขาก็แปลกใจมาก แต่ด้วยการแนะนำตัวเมื่อสักครู่ เขาจึงรู้ว่าหยางหลางเป็นใคร เขาหันไปยิ้มให้หยางหลาง “ใช่แล้ว หยางโปมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้!”

หยางหลางได้ยินเรื่องนี้ก็ยินดีเป็นอย่างมาก เขามองไปทางหงอวี้ “พี่ชาย เธอคงไม่รู้ถึงสภาพของเสี่ยวโปตอนนี้ ไม่กี่วันก่อนเขาซื้อหยกปลอมมาอันหนึ่ง จ่ายไปห้า…โอ๊ะ ไม่ จ่ายไปแปดแสน เป็นความเสียหายที่ใหญ่มาก เพราะงั้นตอนนี้เขาเลยล้มละลายไปแล้ว ทำให้จ่ายค่ารักษาพ่อของฉันไม่ไหว!”

พี่น้องตระกูลหงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คนอื่นอาจไม่รู้ แต่พวกเขาพี่น้องนั้นรู้ดี ตอนที่รักษาอยู่ที่เยอรมัน แม่ของพวกเขาจ่ายค่ารักษาให้หยางโปไปถึงหนึ่งพันล้านหยวน จะมาล้มละลายเพราะเงินแปดแสนนี่ได้ยังไง? แต่ว่า เป็นเพราะคำพูดนี้ออกมาจากปากของหยางหลาง พวกเขาจึงไม่สะดวกที่จะซักถาม

 

หงอวี้ยิ้ม “พี่น้องหยางไม่เคยพูดถึงจริงๆ เรื่องอย่างนี้ไม่เคยบอกพวกเราเลย”

พูดจบ หงอวี้ก็ยื่นมือไปทางหงซิ่วซิ่ว หงซิ่วซิ่วขมวดคิ้วก่อนจะส่งกระเป๋าไป หงอวี้ควักเงินปึกหนาปึกหนึ่งจากกระเป๋าหนังสีดำออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็หันไปพูดกับพ่อหยางว่า “คุณอา พวกเราไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ นี่เป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่ก็คงเอาไว้ใช้จ่ายในเวลาคับขันได้ ต้องขอให้คุณอาให้อภัยด้วย!”

เมื่อพ่อหยางได้ยินคำพูดของหยางหลาง ก็เข้าใจได้ทันที แต่เขาก็ไม่ได้เพ้อฝันอะไรไว้มากมาย พอตอนนี้ เห็นเงินปึกหนาๆ ในมือของหงอวี้ ดูแล้วไม่น้อยกว่าห้าหกแสนหยวน เขาก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาในทันที รีบเปลี่ยนคำเรียกอีกฝ่าย “หลานรัก ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ตอนนี้หยางโปเขาเองก็มีเงินไม่พอ ต่อไป รอให้เขาฟื้นมาได้เหมือนเดิม ถึงตอนนั้นฉันจะบอกให้เขาเอาเงินไปให้พวกเธอเอง!”

 

หงอวี้โบกมือ “คุณอาเกรงใจไปแล้วครับ คุณอาเอาไปใช้อย่างสบายใจเถอะครับ จะยกเรื่องคืนไม่คืนอะไรขึ้นมาอีก”

“ต้องคืนสิ เธอวางใจเถอะ” พ่อหยางกล่าว

พูดแล้ว พ่อหยางก็หันไปมองหยางหลาง ทำท่าทางให้เขาเข้าไปรับ

หากเป็นเมื่อก่อน หยางหลางต้องถูกเงินจำนวนมากอย่างนี้ทำเอาตาพร่าแน่นอน แต่พอได้ขโมยเงินที่บ้านไปสามแสน ทั้งยังขายห้องทิ้งไปอีก แม้ว่าจะเสียไปไม่น้อย แต่ในตอนนี้ทรัพย์สินในมือของเขามากมายจนเทียบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว

 

หยางหลางสังเกตเห็นแววตาของพ่อ จึงเดินเข้าไปรับพลางหัวเราะแหะแหะ ก่อนจะยื่นมือ “ต้องขอบคุณจริงๆ นะครับ”

หยางโปนั่งอยู่ข้างนอกมาพักใหญ่ ในที่สุดก็เดินกลับมา ขณะเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย เขาก็เห็นหงอวี้ควักเงินปึกหนึ่งส่งให้หยางหลาง

เสียงเปิดประตูดึงดูดความสนใจของทุกคน หยางโปเห็นหงอวี้กำลังยื่นเงินออกไป ในใจก็พอจะคาดเดาเรื่องได้ เขาพูดเสียงดังว่า “หงอวี้ คุณจะทำอะไร เอาคืนไป!”

หงอวี้ได้ยินที่หยางโปพูด ก็ชักมือกลับตามสัญชาตญาณ หยางหลางรับเอาไว้ได้เพียงความว่างเปล่า เขายื่นมือออกไปอีก คิดจะเข้าไปแย่ง แต่ในเมื่อหงอวี้ชักมือกลับไปแล้ว ไหนเลยจะยังให้โอกาสให้เขาได้ไปอีก?

 

หยางโปเดินเข้ามา ก่อนจะหันไปผงกศีรษะให้พวกหงอวี้ทั้งสามคน แล้วมองไปทางหยางหลางอีกครั้ง “พี่ทำอะไร?”

ในใจหยางหลางรู้สึกเสียใจที่เมื่อกี้ตัวเองลงมือช้าไปก้าวหนึ่ง แต่ปากหัวเราะเหอเหอ แล้วเปิดปากพูดว่า “นี่พ่อให้ฉันไปรับมาเองนะ”

หยางหลางโบ้ยให้พ่อ แต่พ่อหยางกลับไม่สนใจ มีคนอื่นอยู่ข้างๆ หรือว่าหยางโปยังจะสามารถตำหนิเขาได้อีก?

“เสี่ยวโป เพื่อนเธอนิสัยดีจริงๆ นะ พอได้ยินว่าฉันไม่มีเงิน ก็จะควักจ่ายค่ารักษาให้ฉันเลย”

 

พ่อหยางมีท่าทีหน้าหนาไร้ยางอาย ทำให้ลุงและป้าต่างก็หน้าแดงขึ้นมา แม่นั่งก้มหน้าอยู่ด้านหนึ่งไม่เอ่ยปาก

หยางโปหันไปมองหงอวี้แวบหนึ่ง พูดอย่างจริงจังว่า “ผมขอย้ำอีกรอบว่า ค่ารักษาผมเป็นคนจ่าย!”

พูดแล้ว หยางโปก็หันไปมองของบำรุงที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง “พี่หง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทำให้พวกคุณสิ้นเปลืองแล้ว”

หงอวี้ส่ายหน้า “เทียบกับบุญคุณที่ช่วยชีวิตของเธอแล้ว ของพวกนี้นับเป็นอะไรได้?”

หยางโปยิ้มพลางส่ายหน้า “พี่หง คุณเอาเงินคืนไปเถอะ พวกเราออกไปคุยกันสักหน่อย”

 

“เธอไม่ได้ล้มละลายหรอกเหรอ?” หงอวี้ถาม เขาเบือนสายตาไปทางหยางหลางกับพ่อหยางคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ

หยางโปเข้าใจเรื่องได้ในทันที เขาหันหน้ามองไปทางพ่อ แม้พ่อจะหน้าหนา แต่ก็ยังต้องก้มหน้า หยางโปขมวดคิ้วแน่น “ต่อไปเวลาเพื่อนผมจะมา ผมจะโทรบอกพวกเขาล่วงหน้าก่อนเอง”

พูดจบ หยางโปก็เดินออกไปข้างนอก พวกหงอวี้ทั้งสามคนได้แต่เดินตามออกไป

รอให้ทั้งสามคนออกไปจากห้องพักผู้ป่วย หยางหลางก็ทำท่าถุยไปทางข้างนอก “จะอะไรนักหนา ก็แค่เงินไม่กี่แสนหยวนเองไม่ใช่รึไง?”

 

พ่อหยางโมโหที่เมื่อกี้หยางหลางลงมือชักช้า จึงตำหนิว่า “ก็เป็นเงินไม่กี่แสนหยวน แกอย่าพูดจายิ่งใหญ่นักเลย แกมีฝีมือเอาเงินไม่กี่แสนหยวนนี่มาให้ฉันตอนนี้ได้รึไง?”

หยางหลางเงยหน้า “พ่ออย่ามาท้าฉันนะ ฉันก็เอาเงินหลายหมื่นหยวนมาให้พ่อได้จริงๆก็แล้วกัน!”

ตอนนี้เองพ่อหยางถึงมีท่าทีขึ้นมาในทันที พูดอย่างโมโหว่า “ฉันนึกขึ้นมาได้ แกขายห้องไปแล้วนี่ เงินล่ะ? ห้องชุดนั่นตอนนี้ราคาตลาดก็หนึ่งล้านหนึ่งแสน แกเอามาให้พวกเราครึ่งหนึ่งก็ได้!”

“พ่อ พวกเราเป็นคนครอบครัวเดียวกันไม่พูดคำพูดแบ่งแยกอย่างนี้สิ คุยเรื่องเงินอะไรกัน!” หยางหลางหัวเราะอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แล้วมองไปที่อีกฝ่าย

……

 

หยางโปพาทั้งสามคนเข้ามานั่งในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ใบหน้าปรากฏความเหนื่อยล้า “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ ที่ทำให้ทั้งสามคนเห็นเรื่องน่าขบขันแบบนี้”

หงอวี้รีบส่ายหัว “ไม่ต้องขอโทษหรอก”

หัวข้อสนทนานี้น่าอายเกินไป หงอวี้จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ “วันก่อนเธอไม่ใช่ยังอยู่ที่ปักกิ่งเหรอ ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้?”

“วันนั้นหลังจากที่พวกเราคุยโทรศัพท์กันได้ไม่นาน ผมก็กลับมาที่นี่แล้ว แล้วพวกคุณทำไมถึงมากันเร็วอย่างนี้ได้ละ?” หยางโปพูด

 

“พอเธอไปแล้ว ร่างกายของฉันก็ฟื้นฟูได้เร็วมาก ฉันไม่ค่อยคุ้นกับดินฟ้าอากาศของเยอรมันสักเท่าไหร่ เดิมทีคิดจะกลับบ้าน แต่มาคิดดูแล้ว ก็ยังคิดว่าควรมาจินหลิงเพื่อขอบคุณเธอ!” หงอวี้บอก

“เกรงใจไปแล้วครับ”

ระหว่างที่หยางโปคุยกับหงอวี้ หงซิ่วซิ่วไม่ได้เอ่ยปาก ชุยอี้ผิงเองก็ไม่พูดอะไร เขายังคงจมจ่อมอยู่ในความกลัดกลุ้ม ดังนั้นตอนนี้พอได้เห็นหยางโปตัวจริง เขาก็ไม่คิดจะถามอะไรอีก