ตอนที่ 213 เงินประกัน

เมื่อเดินไปส่งพวกหงอวี้ทั้งสามคนแล้ว หยางโปก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ ออกมา

หงอวี้เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นคนไหนที่พูดถึงเรื่องที่เขาล้มละลาย จนจ่ายค่ารักษาไม่ไหว ในสถานการณ์อย่างนั้น หงอวี้ก็เหมือนกำลังขี่หลังเสือยากจะลงได้ เขาไม่ได้ให้เช็ค แต่กลับหยิบเงินสดออกมา เงินจำนวนนี้ไม่นับว่าน้อย แต่ก็ไม่มากเช่นกัน ไม่เบาไม่หนัก ดูสมเหตุสมผล

หยางโปดีใจที่ตัวเองบังเอิญกลับไปพอดี ถ้าเปลี่ยนเป็นเพื่อนที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น แล้วเกิดเขียนเช็คจำนวนหลายแสนให้ขึ้นมา เขาก็ได้แต่พูดอะไรไม่ได้แล้ว

 

ถึงตอนค่ำ มือถือหยางโปก็มีข้อความส่งมา ในบัตรธนาคารมีเงินเข้าแปดแสน เขารู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ได้รับข้อความที่ผู้ช่วยกู้ฉางซุ่นส่งมาในทันทีหลังจากนั้น “การเจรจาเรื่องถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่วเสร็จสิ้นแล้ว ต้องขอขอบคุณความช่วยเหลือของทุกท่าน!”

หยางโปตกใจมาก เดิมทีเขาคิดว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานสำหรับการเจรจาครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่าในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันก็จะจัดการได้เรียบร้อยแล้ว แต่เขายังไม่กล้ามั่นใจว่าที่การเจรจาเสร็จสิ้นนั้นเป็นการซื้อของได้ หรือว่าซื้อของไม่ได้กันแน่?

หยางโปเองก็ไม่ถามมากความ เพราะถ้าจ่ายเงินซื้อได้ เดี๋ยวสื่อก็จะต้องรายงานข่าวอย่างแน่นอน กู้ฉางซุ่นโอนให้แปดแสน ก็นับว่าไม่เลว เพราะรวมช่วงที่ไปเยอรมันก็เพียงแค่ห้าหกวันเท่านั้นเอง

 

ผ่านไปอีกสองวัน ร่างกายของพ่อหยางก็ดีขึ้นไม่เลวแล้ว หยางโปเสนอให้อีกฝ่ายออกจากโรงพยาบาล พ่อหยางก็พูดขึ้นทันทีว่า “ออกจากโรงพยาบาล? แกจะให้ฉันออกจากโรงพยาบาลไปไหน?”

ฟังคำพูดนี้แล้ว หยางโปก็ไม่พูดอะไรอีก เฉาหยวนเต๋อโทรมาหาเขาสองวันห้าสายเร่งให้เขาไปปักกิ่ง ในเมื่อพ่อของเขาดีขึ้นแล้ว เขาเองก็ไม่คิดจะเสียเวลาอีก จึงจ่ายค่ารักษาล่วงหน้าสิบกว่าวันในทันที ก่อนที่หยางโปจะซื้อตั๋วบินวันถัดมา ก็บินตรงไปที่ปักกิ่งทันที

ผู้ที่มารับที่สนามบินเป็นภัณฑารักษ์ฉางแห่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หยางโปกับอีกฝ่ายเคยพบกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจับมือกันอย่างเป็นมิตร ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โรงแรม

 

ภัณฑารักษ์ฉางเป็นคนหัวก้าวหน้าอย่างยิ่ง และดูเหมือนว่าการออกจัดแสดงสมบัติแห่งชาติในครั้งนี้ ก็เป็นการเสนอของเขา

“เถ้าแก่หยาง ช่วงนี้เครื่องเคลือบเหยาเกอทรงดอกทานตะวันของคุณใบนั้นนับว่ากำลังเป็นที่สนใจนะ!” ภัณฑารักษ์ฉางพูดอย่างปลงๆ

หยางโปส่ายหน้า “ภัณฑารักษ์ฉางไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ใช้ชื่อผมเลยก็ได้ เครื่องเคลือบทรงดอกทานตะวันของผมใบนี้ก็แค่ยืมลมตะวันออกของสื่อเท่านั้นเอง พอผ่านไปเดี๋ยวก็ถูกทุกคนลืมกันแล้ว”

ภัณฑารักษ์ฉางยิ้ม “งั้นก็ดี หยางโป ฉันไม่เกรงใจล่ะนะ!”

 

พูดแล้ว ภัณฑารักษ์ฉางก็กล่าวขึ้นอีกว่า “ฉันจำได้แม่นว่า ในมือของเธอยังมีไหดินเผาลายปลาอารยธรรมหย่างเสาอยู่”

หยางโปรีบขัดว่า “ภัณฑารักษ์ฉาง เราจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ผมไม่รู้ว่างานครั้งนี้ขององค์กรคุณสุดท้ายแล้วมันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่ยืมใช้วัตถุโบราณไปตั้งมากมาย เบี้ยประกันที่จะต้องจ่ายก็คงไม่ต่ำหรอกมั้งครับ!”

ภัณฑารักษ์ฉางถึงหยุดปาก เขาเห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าใจก็ย่อมยินดี แต่เบี้ยประกันที่หยางโปเอ่ยถึงก็เป็นปัญหาอยู่จริงๆ

ไม่นาน หยางโปก็ถูกส่งมาถึงโรงแรม เขายังไม่ทันได้เข้าห้อง ภัณฑารักษ์ฉางก็พูดว่า “หยางโป เอกสารสัญญาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ชั้นสองมีห้องประชุมอยู่ พวกเราขึ้นไปคุยกันสักหน่อยเถอะ?”

 

หยางโปเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยากจะปฏิเสธ จึงได้แต่พยักหน้า “ครับ พวกเราเซ็นสัญญากันเร็วหน่อย จะได้เสร็จเร็วๆ”

เมื่อเข้าไปในห้องประชุม ก็มีผู้ช่วยถือสัญญาฉบับหนึ่งมาให้ หยางโปจ้องเอกสารสัญญาแล้วเริ่มอ่าน ส่วนสำคัญของสัญญาฉบับนี้เป็นการระบุเรื่องความรับผิดชอบและสิทธิของทั้งสองฝ่าย มีหลายข้อที่หยางโปล้วนเข้าใจ เป็นเพราะรู้จักกับเฉาหยวนเต๋อ ดังนั้นตอนที่อีกฝ่ายร่างสัญญา จึงพิจารณาถึงประโยชน์ของ

หยางโปไปด้วย

หยางโปอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า เมื่อถึงข้อเงินประกันที่อยู่ท้ายสุด หยางโปก็พลันเงยหน้ามองไปทางภัณฑารักษ์ฉาง “เงินประกันน้อยเกินไปครับ”

 

ภัณฑารักษ์ฉางนั่งอยู่ด้านหนึ่ง กำลังดื่มชา ไม่รีบร้อนเลยตั้งแต่ต้น “สิบล้านก็ไม่น้อยแล้ว เธอต้องรู้ไว้ว่า พวกเราซื้อประกันให้คนอื่นน้อยกว่านี้อีก”

หยางโปส่ายหน้า “นี่มันไม่เหมือนกัน”

“มีอะไรไม่เหมือนกัน?” ภัณฑารักษ์ฉางกล่าว

หยางโปยิ้มบางๆ “คุณจะไม่รู้ได้เหรอ?”

ภัณฑารักษ์ฉางเองก็ยิ้มออกมา แน่นอนว่าเขารู้ได้ถึงความหมายของหยางโป ย่อมไม่เหมือนกันจริงๆ เพราะผู้ครอบครองโบราณวัตุเหล่านี้ไม่เหมือนกัน เครื่องเคลือบเตาเผาเกอทรงดอกทานตะวันเป็นของ

หยางโปคนเดียว แต่ของชิ้นอื่นเป็นของประเทศชาติ เมื่อเป็นอย่างนี้ ในกรณีที่เกิดความเสียหายหลักในการชดใช้ก็จะไม่เหมือนกัน

 

“เธออยากได้เท่าไหร่ล่ะ?” ภัณฑารักษ์ฉางถาม

หยางโปใคร่ครวญเล็กน้อย “ในประเทศมีเครื่องเคลือบเตาเผาเกอตกทอดมาไม่ถึงร้อยชิ้น และส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ ราคาประมูลสูงถึงสิบล้าน ส่วนเครื่องเคลือบเตาเผาเกอราชวงศ์ซ่งเหนือมีอยู่เพียงสองชิ้น มูลค่าย่อมต้องสูงกว่า”

ลังเลเล็กน้อย ก่อนหยางโปจะบอกว่า “แต่พิจารณาถึงลักษณะพิเศษของงานแสดงของพวกคุณ ผมเองก็ไม่คิดจะทำให้พวกคุณลำบาก สามสิบล้านก็แล้วกัน!”

ภัณฑารักษ์ฉางเองก็ลังเลขึ้นมา เงินประกันที่สูงขนาดนี้เกินกว่างบประมาณอย่างแน่นอน แต่หยิบของชิ้นนั้นออกมาจากพิพิธภัณฑ์กู้กงไม่ได้ เขาก็ได้แต่ต้องเอาชิ้นนี้ไปแล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงพยักหน้า “หยางโปเธอเป็นมืออาชีพในการเจรจาธุรกิจจริงๆ ราคานี้ไม่สูงไม่ต่ำ ทำให้คนเขาลำบากจริงๆ”

 

“ได้ งั้นก็เอาตามที่เธอว่าก็แล้วกัน!” ภัณฑารักษ์ฉางหยิบสัญญาขึ้นมา ก่อนจะส่งให้ผู้ช่วย ผู้ช่วยรับไป ไม่นานก็เปลี่ยนฉบับแล้วยื่นกลับมา

หยางโปกวาดสายตาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่ารายละเอียดบนกระดาษแก้ไขแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ลงนามในสัญญา

ภัณฑารักษ์ฉางเองก็ไม่รั้งอยู่ต่อ เขาหันไปพูดกับหยางโปว่า “ไม่ใช่ฉันอยากจะเร่งเธอ แต่ว่าเวลามันไล่กวดฉันมาตลอด เลยไม่มีทางเลือก ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก เลยไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”

หยางโปโบกมือ “ภัณฑารักษ์ฉาง ผมรู้ว่าคุณยุ่งมาก ไม่ต้องสนใจผมหรอก ไปจัดการธุระต่อเถอะครับ!”

ภัณฑารักษ์ฉางพนมมือทั้งคู่ “ขอบคุณจริงๆ รอจนเสร็จงานครั้งนี้แล้ว ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอแน่นอน”

 

หยางโปยิ้ม “งั้นก็ดีเลยครับ!”

หลังส่งภัณฑารักษ์ฉางแล้ว หยางโปก็เข้าไปในห้อง ก่อนจะพบว่าการมาปักกิ่งของตัวเองบรรลุผลแล้ว มันเร็วจนเขาไม่ทันรู้ตัว

หยางโปโทรศัพท์ไปหาเฉาหยวนเต๋อ เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เฉาหยวนเต๋อเองก็กำลังงานยุ่ง หลังจากตอบกลับมาไม่กี่ประโยค ทั้งสองคนก็วางสาย

หยางโปนอนอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เขาไม่มีคนคุ้นเคยที่ปักกิ่งมากนัก เฉาหยวนเต๋อเองก็ยุ่งอยู่ เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะติดต่อใคร เมื่อพลิกสมุดจดที่อยู่ ก็เห็นชื่อตาอ้วนหลิว หยางโปจึงต่อสายไป

 

“คุณอยู่เทียนจินรึเปล่า?” หยางโปถาม เขานึกขึ้นได้ว่าเทียนจินอยู่ใกล้ปักกิ่งมาก จึงวางแผนจะไปเที่ยวสักรอบ

“ฉันอยู่ปักกิ่ง” ตาอ้วนหลิวตอบ “ทำไมเหรอ? เธอจะไปเทียนจินเหรอ?”

“ผมเองก็อยู่ปักกิ่ง ไม่มีอะไรให้ทำ ตอนแรกเลยวางแผนว่าจะไปเตร่ที่เทียนจิน” หยางโปบอก

ทางตาอ้วนหลิวพลันเงียบขึ้นมา ไม่นาน หยางโปก็ได้ยินเสียงตาอ้วนหลิว “เฮ้อ เธอโทรมาได้จังหวะจริงๆ ฉันกำลังปรึกษากับเหล่ากู้อยู่ เธอก็มาได้ทันเวลาพอดี เอางี้เป็นไง พรุ่งนี้เธอมีเวลาไปชางโจวด้วยกันกับพวกเราสักรอบรึเปล่าล่ะ?”

 

หยางโปคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างนี้ สำหรับชางโจวนั้นเขาไม่มีภาพในความทรงจำเลยแม้แต่น้อย แต่เขายังจำได้ว่าเยว่เหยี่ยนเป็นคนชางโจว และตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะกลับไปที่จินหลิง ดังนั้นนี่นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย

“ครับ พรุ่งนี้จะให้ผมรอพวกคุณอยู่ที่ไหน?” หยางโปพูด