บทที่ 37 คุณอาหญิงอายุน้อยขนาดนี้เชียว

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เมื่อเห็นออกัสแล้ว เลอแปงที่นั่งอยู่บนโซฟารีบเดินเข้าไปหาทันที “พี่ แม่ให้พี่กลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์”

เมื่อได้ยินดังนั้น เชอร์รีนที่นอนอยู่บนเตียงรีบพลิกตัวอย่างรีบร้อน และมองมาหา

“อืม…” เขาส่งเสียงตอบรับ สายตาของออกัสมองมายังใบหน้าของเธอ พร้อมทั้งเหลือบมองรอยฟกช้ำจนแดงแจ๋นั้นด้วย

“ฉันอยากกลับบ้านด้วย” เธอลุกนั่ง จากนั้นก็พูดออกมา

เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ พ่อกับแม่ต้องตกใจแน่ ๆ ไม่แน่ตอนนี้พวกเขาก็นั่งไม่ติดอยู่แล้ว

หลังจากถอนสายตากลับ ออกัสก็ถามเลอแปงทันที “หมอว่ายังไงบ้าง?”

ยังไม่ทันรอให้เชอร์รีนตอบคำถามเลย เชอร์รีนก็รีบพูดแทรกทันควัน “สามารถเดินเหินได้ แต่หมอบอกว่าแค่ระวังหน่อยเท่านั้นเอง!”

จากนั้น เลอแปงไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล เชอร์รีนก็ค่อยๆ ลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง พลันเริ่มขยับไปทางด้านหน้าทีละก้าว ๆ

เมื่อเห็นภาพดังนั้น ออกัสย่นคิ้วหากัน และเขยิบไปทางด้านหน้าหลายก้าว จนกระทั่งจัดการอุ้มเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกแทน

เธอตกใจสุดขีด พร้อมทั้งจ้องมองปลายคางซึ่งเป็นมุมอันสง่างาม จนใจเต้นโครมคราม ใบหน้าร้อนผ่าว แต่กลับไม่มีอาการผิดปกติเกินงาม พร้อมทั้งอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสงบนิ่ง มุมปากคลี่ยิ้มออกมา

เขาหลุบตาลง เพื่อกวาดตามองเธอ จากนั้นก็ทำเสียงพึมพำเล็กน้อย เธอนี่ช่างรู้งานดีจริงๆ

เดินตามหลังมา เลอแปงก็คอยมองอยู่เงียบๆ คอหอยขยับเล็กน้อย จนสุดท้ายทนความขมขื่นไม่ไหวจนต้องเบนสายตาหนี

เมื่อเหยียบเท้าของสู่ห้องรับแขกของบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เมื่อเชอร์รีนเห็นทับทิมนั่งอยู่บนโซฟาในเวลานั้น ถึงกลับตะลึงทันที จากนั้นก็ขมวดหัวคิ้วจนผูกเป็นโบ เธอมาที่นี่ได้ยังไง?

ส่วนหางตาของออกัสเหลือบมองเห็นเด็กสาวที่แสนอ่อนโยนที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟา จนฝ่ามือใหญ่เกร็งขึ้นมาทันที ใบหน้าถอดสี นัยน์ตาเริ่มมีความหม่นหมองก่อตัวขึ้น

เลอแปงเองก็ตะลึงหนักกว่าจนนิ่งดั่งก้อนหินอยู่ตรงนั้น อาหญิงกลับมาที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่?

เนื่องจากความสนใจทั้งหมดของเชอร์รีนอยู่ที่ทับทิมทั้งหมด ดังนั้น เธอเลยไม่ได้ใส่ใจกับอาการผิดปกติของออกัส

แต่ เพียงชั่วพริบตาเดียว ออกัสก็กลับมาเย็นชาดังเดิม เร็วจนถึงขั้นทำให้คนจับอาการพิรุธไม่ได้

เมื่อผ่านทับทิมไปแล้ว เธอถึงเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง เห็นเงารางๆ ก็รู้ว่าอายุยังน้อยมาก ประมาณ 27-28 ปีเห็นจะได้

ราวกับได้ยินเสียงฝีเท้า หญิงสาวหันตามาหา แต่กลับทำให้เชอร์รีนตกใจในชั่วขณะ

เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงที่นิสัยดีขนาดนี้ แถมยังสวยขนาดนี้มาก่อนเลย

ใบหน้ารูปเรียว คิ้วละเอียดโก่งเป็นคันศร ดวงตาเปล่งประกาย ริมฝีปากเล็กมาก แถมยังอวบอิ่ม เส้นผมดำขลับเงาเป็นประกาย ปล่อยผมยาวประบ่า ราวกับเป็นสาวงามในยุคสมัยโบราณหลุดออกมาจากวรรณคดีในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หมอกลงบางๆ

แม้กระทั่งใส่ชุดเสื้อขนเป็ดสีดำที่แสนจะธรรมดาก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความนิสัยเรียบง่ายที่แผ่ออกร่าออกมาจากตัวของเธอไว้ได้

“อาหญิง อากลับมาเมื่อไหร่ครับ?” ในที่สุด เลอแปงเป็นคนเปิดปากพูดก่อน เพื่อทำลายความเงียบงันในเวลานี้

วันนี้อาหญิงกลับมาแล้ว งั้นพี่ชาย…

อาหญิงเหรอ?

เลอแปงเรียกเธอว่าอาหญิง เชอร์รีนแค่รู้สึกหวาดหวั่นใจ ทำไมอาหญิงถึงวัยรุ่นขนาดนี้เนี่ย?

“มาถึงก่อนพวกคุณแค่ประเดี๋ยวเดียวเอง” น้ำเสียงของหยาดฝนช่างน่าฟังมาก ทั้งอ่อนโยนและงดงาม “ออกัสคนนี้คือเชอร์รีนเหรอ?”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของออกัสกลับไร้ความรู้สึกให้เห็น แววตากลับดำทะมึนดั่งทะเลสาบสีดำ มองไม่เห็นจุดจบ

เขามองหยาดฝน พลันเริ่มเขยิบปาก และส่งเสียงตอบรับอย่างแผ่วเบา “อื้อ…”

มุมปากคลี่ยิ้มออก หยาดฝนเดินมาอยู่ทางด้านหน้าของคนสองคน พลันมองอย่างพินิจพิเคราะห์ และออกปากชม “เชอร์รีนหน้าตาสะสวยจริงๆ สายตาออกัสไม่เลวเลยทีเดียว”

เมื่อได้ยินดังนั้น เชอร์รีนก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรให้เหมาะสมดี จากนั้นก็กระแอมออกมา และตอบกลับอย่างเขินอาย “อาหญิงถึงเป็นคนสวยตัวจริงค่ะ”

เมื่อเรียกผู้หญิงที่ยังวัยรุ่นอยู่ว่าอาหญิง มันดูทะแม่งชอบกล

“เชอร์รีนพูดซะให้ความหมายจริงๆ เลย ฉันขอตัวเข้าไปดูกับข้าวในครัวก่อนว่าทำเสร็จหรือยัง พวกคุณนั่งคุยกันไปก่อนนะ”

เมื่อสิ้นเสียง หยาดฝนก็คลี่ยิ้มออกมา พลันหันตัวเดินไปทางห้องครัวแทน

ออกัสสาวเท้าก้าวยาว พลันนำตัวเชอร์รีนที่อยู่ในอ้อมกอดวางลงบนโซฟาทันที พร้อมทั้งหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นก็ถอดเสื้อกันหนาวสีดำออก และเดินขึ้นไปด้านบนทันที

การแสดงออกของทั้งคนช่างสงบเสงี่ยมเหลือเกิน จนทำให้เลอแปงที่คอยพวกพวกเขาอยู่ ถึงกับคาดเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

เขาเดาไม่ออกว่าอาหญิงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ และยิ่งเดาใจพี่ใหญ่ไม่ได้มากกว่า!

จนร่างกายของออกัสพ้นสายตาไปแล้ว ทับทิมถึงได้ถอนสายตากลับมา ผู้ชายคนนั้นช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน!

มองแค่แวบเดียว ก็ติดกลตกหลุมพรางแล้ว จนทำให้คนยากจะถอนตัวขึ้น ทุกอณูในร่างกายต่างมีเสน่ห์ทุกซอกทุกมุม

ในห้องครัว

หยาดฝนยืนอยู่ตรงมุมห้อง ฝ่ามืออันขาวเนียนละเอียดจับอยู่บริเวณช่วงอก และพยายามบังคับลมหายใจของตนเอง หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ จนไม่สามารถควบคุมไว้ได้

ใช่สิ การกลับมาเจอกันหลังจากผ่านมาสามปี เธอจะสามารถทำให้สงบเสงี่ยม ไม่กระโตกกระตากตามสีหน้าที่แสดงออกมาทุกอย่างได้อย่างไร

“นี่แกมาที่นี่ได้ยังไง?” เชอร์รีนมองทับทิม พร้อมทั้งแสดงอาการไม่มีความเกรงใจสักนิด

หลังจากผ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้มาแล้ว เธอรู้สึกขยะแขยงกับนางเต็มทน

“ทำไมฉันจะมาที่นี่ไม่ได้? ฉันเป็นพี่สะใภ้ของแก ข่าวการแต่งงานของแกก็เห็นมาจากในโทรทัศน์ ตกลงว่าแกยังเห็นฉันเป็นพี่สะใภ้อยู่ไหม?”

อายไลเนอร์ที่ตวัดเส้นหางตาเลิกขึ้น ทับทิมบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในใจของเธอนั้นไม่พอใจมาก

นังเด็กเชอร์รีนนี่ไม่รู้ว่ามันเอาดวงดีมาจากไหน!ถึงไปแต่งงานกับออกัสได้!!

อาศัยหน้าตา เธอทับทิมสวยกว่าเธอตั้งหลายร้อยเท่า!

เชอร์รีนตอบกลับอย่างไม่มีอาการลังเลสักนิด และรีบพูดสรุปความทันที “ไม่มี”

“แก–” อารมณ์โกรธเคืองทับทิมพลันทะยานขึ้น ถ้ายังไม่สนเรื่องที่เธอยังมีประโยชน์อยู่ ฝ่ามือก็เคาะกระทบลงบนหน้าไปสองครั้งตั้งแต่แรกแล้ว!

“คนเราที่แท้ก็รังเกียจความยากจนแต่ไปลุ่มหลงกับความรวย แกแต่งงานได้ดีนี่ เลยไม่เห็นหัวพวกเราแล้ว ใช่ไหม?”

เธอมองมาที่ทับทิม พลันหัวเราะเยาะกลับ “แค่คุณมองไม่เห็นหัวฉันเท่านั้นเอง”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ทับทิมก็คงระเบิดอารมณ์ไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังต้องฝืนกลั้นอารมณ์เอาไว้ก่อน อดทนเอาไว้!

จังหวะนั้นเอง หยาดฝนเดินออกมา พลันตบไหล่ของเลอแปง และพูดว่า “เลอแปง ขึ้นไปชั้นบนไปเรียกพวกเขาลงมากินข้าวกัน”

“อื้อ” เลอแปงก้าวเท้าขึ้นดั่งลอยละล่องไป เพียงไม่กี่ก้าวก็อยู่ชั้นบนแล้ว

จากนั้นก็นั่งลงทางด้านข้างของเชอร์รีน น้ำเสียงของหยาดฝนอ่อนโยนมาก “ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

เชอร์รีนพยักหน้า จากนั้นก็ตอบกลับ “ดีขึ้นมากแล้ว”

ตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีคนหลายคนเดินลงบันไดมาแล้ว ออกัสเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ผมก็ยังไม่แห้ง เขาใส่เสื้อสเวตเตอร์คอวีสีดำ กางเกงลำลองสีเทา ดูสบายๆ เป็นกันเอง

สุนันท์เดินตามหลังเขามา แต่งหน้าบางๆ สีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดี

เมื่อเห็นว่าทับทิมทำท่าไม่ยอมจะกลับ เชอร์รีนขมวดคิ้วทันที และรีบพูด “ไม่ใช่ว่าคุณมีธุระต้องให้ไปทำเหรอ ควรไปได้แล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น หยาดฝนถึงกลับหัวเราะใส่ และพูดเสียงแผ่วเบา “อาหารเย็นก็ทำเสร็จแล้ว จะยังไงก็กินข้าวเย็นเสร็จแล้วค่อยกลับไปนะ”

“ตกลง” ทับทิมจ้องตาเชอร์รีนอยู่นาน

เมื่อมานั่งล้อมที่โต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว หางตาของสุนันท์ก็กวาดตามองทับทิมอยางไม่ตั้งใจ และรู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมาทันที

“คุณแม่ คุณตาล่ะ?” เลอแปง มองสำรวจรอบโต๊ะ

“คุณลุงวัฒนาของแกให้ไปกินข้าวด้วยกัน” สายตาของสุนันท์มองมาที่ตัวของเขา จนหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน “เสื้อที่อยู่บนตัวแกตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”