แดนนิรมิตเทพ บทที่ 399
หลังจากเกิดใหม่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินโม่ได้เปิดใจและแสดงความรู้สึกต่อแม่ของตนเอง

ถ้าไม่เกิดใหม่ ความจริงแล้วในวัยของเขา ควรเป็นเวลาที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดที่จริงใจของเฉินโม่แล้ว หลี่ซู่เฟินรู้สึกละอายใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง “เสี่ยวโม่ การที่ลูกฆ่าคนนั้นเป็นเพราะห่วงแม่ แต่แม่กลับกังวลว่าลูกจะกลายเป็นหนุ่มคลั่งฆ่าคน แม่เป็นแม่ที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ!”

เมื่อหลี่ซู่เฟินมองเฉินโม่ ความขมขื่นในดวงตาของเธอก็หายไปอย่างสิ้นเชิง เธอเดินไปข้างหน้าและกอดเฉินโม่เอาไว้ เหมือนตอนที่เขายังเป็นเด็ก

“เสี่ยวโม่ เป็นเพราะแม่เข้าใจลูกผิด ลูกอย่าโกรธแม่น่ะ” หลี่ซู่เฟินกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

หลังจากเวลาผ่านไป 600 ปี เฉินโม่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในอ้อมกอดของแม่อีกครั้ง และความอบอุ่นในวัยเด็กที่หายไปนานก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกนี้ทำให้เขาโหยหาเป็นอย่างมาก

แม้แต่หัวใจที่หนักแน่นของเฉินโม่ก็เกิดความหวั่นไหว “คุณแม่ครับ ผมจะโกรธคุณแม่ได้อย่างไร? ผมแค่กลัวคุณแม่จะเข้าใจผิดเท่านั้น”

เมื่อมองภาพอันอบอุ่นนี้ เวินฉิงหลั่งน้ำตาเล็กน้อย

เธออาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเป็นเด็ก วัยเด็กของเธอไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว หลังจากถูกหลี่ซู่เฟินรับเลี้ยงแล้ว เธอถึงได้รู้ว่าบ้านคืออะไร

ถึงแม้ว่าครอบครัวของหลี่ซู่เฟินจะปฏิบัติต่อเธอดีแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ ซึ่งเป็นความเสียใจชั่วชีวิตของเวินฉิง

เวินฉิงถือโอกาสที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เธอแอบเช็ดน้ำตาจากหางตาแล้วเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ซาบซึ้ง

หลี่ซู่เฟินสั่งผู้จัดการ “หาคนมาทำความสะอาดที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรอย่าลืมโทรหาฉันทันที”

“ครับ ท่านประธาน”

หลี่ซู่เฟินมองเฉินโม่ด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรัก “กลับกันเถอะ เสี่ยวโม่ เย็นนี้แม่จะทำปลาต้มพริกหม่าล่าเมนูโปรดของลูกให้กิน เพื่อเป็นรางวัลให้ลูก”

เฉินโม่พยักหน้าอย่างมีความสุข “ดีเลย ผมชอบทานปลาต้มพริกหม่าล่าที่คุณแม่ทำมากที่สุดเลย พี่เวินฉิงก็ชอบทานเหมือนกันใช่ไหม?”

เวินฉิงยิ้มหวาน “ถูกต้อง ขอเพียงอาหารที่เสี่ยวโม่ชอบกิน ฉันก็ชอบเหมือนกัน”

“คุณเป็นคนพูดเองน่ะ อย่ากลับคำล่ะ” เฉินโม่จ้องใบหน้าที่สวยงามและเป็นผู้ใหญ่ของเวินฉิง ดวงตาของเธอบริสุทธิ์ แต่เขาเห็นใบหน้าของเวินฉิงแดงระรื่น

มณฑลฮ่านหยาง ในคฤหาสน์ของว่านฉางหรูเศรษฐีแห่งฮ่านหยาง

ว่านเหวินโยวกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ตอนนี้แพทย์ส่วนตัวหลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการรักษา

สีหน้าของว่านฉางหรูเศรษฐีแห่งฮ่านหยางเคร่งขรึมและกล่าวว่า “คุณหมอหวาง ขาของลูกชายผมสามารถหายเป็นปกติได้ไหม?”

ชายวัยกลางคนที่กำลังยุ่งอยู่กับการรักษาหันไปมองว่านฉางหรูและส่ายศีรษะ “คนที่ทำร้ายคุณชายว่าน ลงมืออย่างโหดเหี้ยม กระดูกทั้งสองข้างถูกทุบแตกละเอียด ถ้าต้องการหายเป็นปกตินั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่ผมพยายามรักษาให้คุณชายสามารถเดินได้”

ใบหน้าของว่านเหวินโยวเต็มไปด้วยความดุร้าย เขาไม่ได้ตะโกนด้วยความสิ้นหวัง แต่กลับมองว่านฉางหรูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณพ่อ ตอนนี้ถึงเวลาแจ้งตระกูลหยางแล้ว เฉินโม่ฆ่า หนานกงหลินเทียนนี่คือผลลัพธ์ดีที่สุดที่พวกเราคาดหวังไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ต่อไปคอยดูว่าตระกูลหยางจะโน้มน้าวให้ตระกูลหนานกงออกมาจัดการเฉินโม่อย่างไร?”

ว่านฉางหรูเหลือบมองลูกชายคนที่เก่งที่สุดของตนเองใบหน้าเต็มไปด้วยเสียใจ เดิมทีเขาวางแผนที่จะมอบตระกูลว่านให้ว่านเหวินโยว เพราะว่านเหวินโยวเป็นลูกชายที่เก่งที่สุดของเขาจริง ๆ แต่ตอนนี้เขาถูกเฉินโม่ทำร้ายจนขาทั้งสองข้างพิการแล้ว ตระกูลว่านไม่สามารถสืบทอดให้คนที่พิการได้

“ลูกพักรักษาตัวอย่างสบายใจเถอะ งานที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อ คราวนี้ต้องให้สัตว์เดรัจฉานอย่างเฉินโม่ชดใช้ด้วยชีวิต!” ว่านฉางหรูกล่าวด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดและกัดฟันพูด

หลังจากฆ่าหนานกงหลินเทียนแล้ว เฉินโม่ไม่กลับมาทันที แต่เขาพักอยู่ที่เหม่ยหวา กรุ๊ปสองวัน หลังจากยืนยันว่าตระกูลว่านไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แล้ว เขาถึงได้กลับไปที่อู่โจว