“ข้ามองไม่เห็นน่ะ” สวินหรูเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ว่า “เจ้าช่วยหน่อยได้หรือไม่?”

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่มีทางเลี่ยง ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้โคตรเก่ง เวลานี้กลับแกล้งโง่

 

 

เพียงแต่สีหน้าของสวินหรูก็ไม่ดี อย่างไรเสียนางเป็นคนที่เหลือเวลาไม่มาก จิ่งเหิงปัวได้ยินท่านอาจารย์จื่อเวยหลุดปากนิดหน่อย คล้ายว่านางหายเป็นปกติได้ยาก เพียงแต่จะอยู่ได้นานหรือไม่เท่านั้น

 

 

ตัวสวินหรูเองก็น่าจะรู้ดียิ่งนัก ฉะนั้นความปรารถนาของนางเอย ความใส่ใจเอย ล้วนเจือด้วยความรู้สึกตามอารมณ์เช่นนั้น เพียงหวังว่าจะไม่นึกย้อนเสียใจในช่วงสุดท้ายของชีวิตเท่านั้น

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่อยากฝืนใจคนเช่นนี้ เหยียลี่ว์สวินหรูถอดเสื้อผ้าให้เหยียลี่ว์ฉีอย่างเบิกบานอีกครั้ง เหลือไว้แค่ชุดชั้นในที่ต้องปิดบังจุดสำคัญไว้ พื้นที่หนาวจัดต้องทำให้แขนขาแห้งสนิท ก่อนหน้านี้เหยียลี่ว์ฉีเหงื่อท่วมตัว เหยียลี่ว์สวินหรูใช้ผ้าเช็ดมือค่อยๆ เช็ดตัวเขาให้แห้ง

 

 

จิ่งเหิงปัวเดินก้มหน้าเข้ามา สองมือเต็มไปด้วยไขมัน กดลงไปบนร่างเหยียลี่ว์ฉี ฝ่ามือแตะต้องผิวกาย ความยืดหยุ่นกับเนื้อสัมผัสที่เป็นของผู้ชายวัยฉกรรจ์ทำให้มือนางสั่นเทิ้มเล็กน้อย

 

 

กลิ่นหอมของผู้ชายพุ่งปะทะใบหน้า แม้นางไม่ได้จ้องมองโดยตรง ก็ยังมองเห็นความงดงามของทรวดทรงใต้ฝ่ามือ เขามีไหล่กว้าง กระดูกไหปลาร้าอ่อนช้อย เรือนร่างสามเหลี่ยมคว่ำ กล้ามท้องแน่นเปรี๊ยะ นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แม้กล่าวว่ายุคปัจจุบัน นางเห็นร่างกายผู้ชายที่ข้างสระว่ายน้ำสถาบันวิจัยจนเคยชินตั้งนานแล้ว แต่อย่างไรเสียตอนนี้นางกำลังเหชิญหน้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบตัวเอง ข้างหลังยังมีพี่สาวของเขา มองนางด้วยสีหน้าที่หวังเห็นความสำเร็จและแสร้งไม่สนใจไยดี

 

 

เพียงแต่ลมหายใจถี่กระชั้นเล็กน้อยของเหยียลี่ว์ฉีทำลายความไม่สบายใจของนางอย่างรวดเร็ว นางสงบจิตใจ บอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก ก็เลียนแบบการรักษาเช่นยุคปัจจุบัน ตัวเองคือนางฟ้าในชุดขาวที่รักษาแผลช่วยชีวิต ตรงหน้ามีแต่ผู้ป่วย ไม่มีชายหญิง แบบนี้ถึงจะถูกต้อง

 

 

นางรู้ว่าบาดแผลของเหยียลี่ว์ฉีสาหัสมาก การแทงครั้งนี้เทียบไม่ได้กับครั้งนั้นที่นางแทงกงอิ้น การแทงครั้งนั้นนางถูกพิษ มือไม้ไร้เรี่ยวแรง เข้าไปครึ่งหนึ่งก็ดึงออกมาแล้ว แต่การแทงครั้งนี้โศกเศร้าเสียใจ วิงเวียนสับสน ไม่เหลือทางหนีทีไล่

 

 

ฝ่ามือค่อยๆ เลียบลงมาตามผิวกาย ผิวกายเกลี้ยงเกลาเช่นนี้ จนทำให้ลื่นไหลโดยอัตโนมัติ นางไม่ว่อกแว่ก เคลื่อนไหวรวดเร็วคล่องแคล่ว ไม่ได้หยุดนิ่งและลังเลอีกเลย ในบ้านหิมะไม่มีเสียงแม้แต่น้อย นอกบ้านหิมะมีหิมะตกหนักดังซ่าๆ เหลือแต่ลมหายใจของนางเงียบสงบและยาวนาน แสงไฟสีเหลืองส้มสะท้อนเค้าโครงของนางรำไร แก้มถูกไอร้อนรมจนแดงซ่าน ปลายจมูกเปล่งประกายแสงนิ่มนวล

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง ฟังเสียงลมหายใจของจิ่งเหิงปัวอย่างเงียบสงบ แววตามีความชื่นชม ซ้ำยังมีความทุกข์ใจเล็กน้อย

 

 

ชื่นชม ชื่นชมความเยือกเย็นและการควบคุมตนของจิ่งเหิงปัว ไม่ใช่สาวน้อยทุกคนจะทำถึงขั้นนี้ได้

 

 

ทุกข์ใจ ยังคงทุกข์ใจกับความเยือกเย็นและการควบคุมตนของจิ่งเหิงปัว นอกจากยามแรกที่ลมหายใจปั่นป่วน ภายหลังนางไม่มีความหวั่นไหวใดๆ อีกเลย แม้สัมผัสบางตำแหน่งที่ค่อนข้างทำให้ผู้อื่นหน้าแดง ก็ไม่เห็นนางเสียกิริยา

 

 

สาวน้อยได้เจอคนที่แอบรัก สถานการณ์เช่นนี้ในใจต้องว้าวุ่น ไม่อาจเยือกเย็นเช่นนี้ได้

 

 

นางลอบถอนใจ…น้องชายยังมองทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่า มองเห็นทุกความรู้สึกที่ลึกที่สุด นี่เป็นโชคดีหรือเป็นโชคร้าย?

 

 

กระทั่งจิ่งเหิงปัวช่วยเหยียลี่ว์ฉีทาทั่วร่าง ห่มหนังสัตว์แล้ว ถึงได้ย่างเนื้อหมีแบ่งกันกินกับเหยียลี่ว์สวินหรู เนื้อหมีเหม็นคาว แต่นางหิวมากแล้ว กินอย่างเอร็ดอร่อย กินได้แค่ครึ่งเดียว นางก้มศีรษะลง ไม่นึกว่าจะหลับไปทั้งอย่างนั้น

 

 

นางเหนื่อยมากเหลือเกิน

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูแอบหยิบเนื้อหมีที่อยู่ข้างปากนางออกไป เช็ดปากให้นาง หยิบหนังหมีผืนหนึ่งมาปูข้างกายเหยียลี่ว์ฉี ทั้งผลักทั้งกลิ้งนางไปบนหนังหมี จิ่งเหิงปัวก็กลิ้งไปข้างกายเหยียลี่ว์ฉี หนังหมีปูครึ่งห่มครึ่ง เผยให้เห็นใบหน้ายามนอนหลับลึกของนาง

 

 

นางไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น พริบตาเดียวก็หลับเป็นตาย

 

 

ยามกลางดึกเหยียลี่ว์ฉีตัวร้อนขึ้นมา ไอร้อนจากร่างกายทะลุผ่านหนังหมีที่หนาหนัก ทำให้จิ่งเหิงปัวรู้สึกอบอุ่น นางพึมพำอย่างสบายตัว เข้าใกล้แหล่งความร้อนโดยสำนึก เอื้อมสองมือออกไปกอดเหยียลี่ว์ฉีไว้

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูที่ห่มหนังหมีอีกฝั่งนอนอยู่มุมหนึ่ง เลิกเปลือกตาขึ้น “มอง” เล็กน้อย ไม่ขยับเขยื้อน

 

 

จิ่งเหิงปัวกำลังหลับฝัน ในฝันนางจูงกงอิ้นล้มลงบนเตียง หายใจถี่กระชั้นถามเขาว่า “เจ้า…ต้องการข้าหรือไม่?”

 

 

ในฝันเห็นใบหน้าที่ก้มลงของกงอิ้นได้ไม่ชัด เลือนรางมัวสลัว ขาวราวหิมะผืนหนึ่ง เขาไม่เอ่ยวาจา ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ นางได้กลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคยของเขา รู้สึกแค่ว่าในใจสงบนิ่ง แต่ก็คล้ายว้าวุ่นรำไร ราวกับกำลังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

นางจูงกงอิ้นอย่างแผ่วเบา เขาล้มลงบนร่างนาง ตรงหน้าอกพลันมีสีแดงสดพุ่งพรวด ร้อนผ่าวดั่งไฟ!

 

 

จิ่งเหิงปัวลืมตาขึ้นทันที หน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลริน

 

 

ตรงหน้าอกยังร้อนผ่าว คล้ายไฟยังลุกไหม้ นางชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือบ้านหิมะในหุบเขาหิมะ

 

 

ความรู้สึกในฝันสมจริงเหลือเกิน นางเหม่อลอยสักพัก ยกมือค่อยๆ ทาบหน้าอกไว้

 

 

ที่นั่นคล้ายยังเจ็บปวด คล้ายยังถูกแผดเผา

 

 

หัวใจของผู้ใดเผาไหม้ในไฟลุกโชนทุกวัน หลังจากที่หล่อหลอมเนิ่นนาน จะกลายเป็นเพชร หรือว่ากลายเป็นเถ้า?

 

 

ได้ยินเหยียลี่ว์สวินหรูไอโขลกกะทันหัน พอนางเงยหน้า มองเห็นท่วงท่าของตัวเอง รีบคลายสองแขนออก โชคดีที่เหยียลี่ว์ฉียังไม่ตื่น มิฉะนั้นการแทะโลมครั้งนี้นับว่าพิสูจน์ได้แล้ว

 

 

อุณหภูมิที่แผ่ออกมาผ่านหนังหมี ทำให้นางตกใจ นางลุกขึ้น แตะหน้าผากของเหยียลี่ว์ฉี ร้อนจนนางชักมือกลับทันที นางเดินออกไปข้างนอก หุบเขาหิมะตอนเที่ยงคืนยิ่งหนาวถึงกระดูก ลมหอบหนึ่งพัดผ่านมา นางหนาวสั่นไปทั้งตัว รีบใช้กระบอกเปลือกไม้ตักหิมะจนเต็มกลับไปบ้านหิมะ หิมะน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว นางใช้สาบเสื้อซับน้ำเย็น ลดอุณหภูมิร่างกายให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตัวเองนั่งเฝ้าอยู่ฝั่งหนึ่ง

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูหลับสนิทตลอดเวลา นางก็ไม่อยากส่งเสียงรบกวนนาง นั่งอยู่สักพัก อดจะงีบหลับไม่ได้ ขณะที่เคลิบเคลิ้มคล้ายได้ยินเหยียลี่ว์ฉีกำลังเอ่ยวาจา

 

 

“…พี่…ข้าควรเชื่อท่าน ไม่เชื่อเฟยหลัว…”

 

 

“…ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านโปรดวางใจ…พวกเราจะไม่เป็นไร…”

 

 

“ไม่มีดวงตาไม่เป็นไร มีชีวิตก็พอแล้ว…”

 

 

จิ่งเหิงปัวถอนหายใจ รู้ว่าเหยียลี่ว์ฉีคงจมดิ่งสู่ฝันร้ายในวัยเยาว์แน่นอน นางไม่มีอะไรจะปลอบ ได้แต่จัดผมของเขาอย่างแผ่วเบา

 

 

“…เหิงปัว…” เขาพลันเอ่ยวาจา

 

 

นิ้วมือของจิ่งเหิงปัวชะงัก นึกว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว รีบชักมือกลับ เขากลับกระซิบอย่างจริงใจว่า “…ไม่ต้องกลัว…ข้าเตรียมตาข่ายไว้ให้เจ้าด้วยนะ…”

 

 

จิ่งเหิงปัวชะงักงัน คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงเข้าใจ นั่นเป็นครั้งแรก เหยียลี่ว์ฉีคิดจะใช้ตัวเองเป็นหยื่อล่อหลอกฆ่ากงอิ้น ตอนนั้นนางหลงกลตกหน้าผา แทบเอาชีวิตไม่รอด

 

 

นี่เป็นสิ่งที่นางโกรธแค้นเหยียลี่ว์ฉีที่สุดในตอนนั้น เพราะรู้สึกว่าเขาไม่สนใจชีวิตนางเลย เป็นศัตรูที่แท้จริง อีกทั้งภายหลัง นางก็มีปมในใจเรื่องนี้มาโดยตลอด

 

 

นางก็คิดเสมอว่าเพราะตอนนั้นที่ตกหน้าผา ตัวเองเกิดไหวพริบตะโกนลั่นช่วยตัวเอง เหยียลี่ว์ฉีถึงลากตาข่ายขึ้นมาเพื่อจะได้รู้คำตอบ นางรอดชีวิตมาได้เพราะอาศัยว่าตัวนางเองเฉลียวฉลาดรู้ทัน ไม่ใช่น้ำใจของเหยียลี่ว์ฉี

 

 

แต่ตอนนี้ได้ยินเขาละเมอแผ่วเบา คล้ายว่าตอนนั้น เขาเตรียมตาข่ายไว้ก่อนแล้ว ไม่ได้คิดจะทำร้ายนางด้วยซ้ำ?

 

 

นางเคยมีข้อสงสัยแบบนี้ แต่ล้มเลิกด้วยตัวเองแล้ว เพราะนางร่วงแล้วกงอิ้นร่วงตามมา กางตาข่ายใหญ่ขึ้นรับนางไว้ก็ไม่มีทางทำให้กงอิ้นตายได้ นี่มันไม่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่เหยียลี่ว์ฉีทุ่มเทเรี่ยวแรงหวังได้มา

 

 

บางที…เขาอาจไม่เคยมีความคิดสังหารจริงๆ…

 

 

นางหัวเราะนิดหน่อย เรื่องนี้มีอะไรสำคัญล่ะ มันผ่านไปแล้ว

 

 

เปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าเย็นครั้งแล้วครั้งเล่า มือของนางแข็งจนชา วางไว้ข้างริมฝีปากเป่าลมหวังจะอบอุ่นสักหน่อย ค่อยๆ หลุบตาลง หลับไปอีกแล้ว

 

 

เหยียลี่ว์ฉีฟื้นขึ้นมาท่ามกลางความร้อนผ่าวกับความวิงเวียน สะลึมสะลือมองคนที่อยู่ตรงหน้า นางนั่งยอง ขดตัวเป็นก้อนประหนึ่งสัตว์ตัวน้อย ขนตาแผ่ยาว สั่นไหวเล็กน้อยเหนือฝ่ามือดั่งปีกผีเสื้อ มองเห็นฝ่ามือของนางแข็งจนเขียวช้ำได้รำไร

 

 

เขาเอื้อมมือออกมาจูงมือของนาง สอดไว้บนหน้าอกตนเอง

 

 

จิ่งเหิงปัวถูกท่วงท่านี้จูงจนเอียงไปข้างหน้า แทบจะล้มลงบนร่างเขา นางใช้มือค้ำยัน ยังนึกว่าคราวนี้เหยียลี่ว์ฉีตื่นขึ้นมาแล้ว ผลลัพธ์พอเงยหน้ามอง เหยียลี่ว์ฉียังคงหลับตาสนิท แต่สีหน้าว้าวุ่นเล็กน้อยเช่นนั้นบนใบหน้าค่อยๆ หายไป คล้ายสอดมือของนางไว้เช่นนี้ ย่อมมีพลังแห่งความสงบส่วนหนึ่ง

 

 

นางจะชักมือของตัวเองกลับ เขาอยู่ในฝันยังไม่ยอมปล่อย จิ่งเหิงปัวก็เหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากเล่นชักเย่อกับเขา รู้สึกได้ว่าความร้อนของเขาค่อยๆ ลดลง ในใจรู้สึกโล่งอก รู้สึกทันทีว่าเหนื่อยล้าดั่งกระแสธาร นอนลงด้วยท่วงท่านั้น ห่มหนังหมีหลับต่อไป

 

 

จากนั้นเข้าสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่หิมะโปรยปรายกะทันหัน ทิวทัศน์รอบด้านมืดครึ้ม บนจัตุรัสหวงเฉิง ใบหน้าของคนนับไม่ถ้วนผลุบโผล่กลางลมหนาว

 

 

นางกำลังชักมือออกจากหน้าอกเขา กริชในมือมีโลหิตแดงฉานหยดย้อย

 

 

เขาก้มหน้าลง นางมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจน ในใจก็รู้ว่ามองไม่เห็น ครั้งสุดท้ายในค่ำคืนนั้น นางกับเขาไม่ได้สบตากันด้วยซ้ำ

 

 

แต่ตอนนี้ในฝัน เขาพลันเงยหน้าขึ้นมา

 

 

เขากดคมมีดตรงหน้าอก มองนางอย่างเงียบเชียบ แววตาไม่มีความเจ็บปวด แต่มีความทุกข์ทรมาน นัยน์ตาดำขลับนั้นลุกไหม้ด้วยเพลิงพรายสีนิล กำลังเผาไหม้นาง

 

 

นางลืมตาขึ้นทันที

 

 

ฝันอีกแล้ว

 

 

ในฝันนางคล้ายเป็นตัวนางเอง แลคล้ายเป็นเขา ในฝันรู้สึกถึงความเจ็บปวดใจสลาย มองเห็นวาจาไม่มีที่สิ้นสุดกลางแววตาเขา

 

 

นางนอนนิ่งเงียบ นึกถึงมีดนั้นในวันนั้น มีดนี้ในวันนี้

 

 

รู้สึกได้ว่ามือยังอยู่ในอ้อมแขนของเหยียลี่ว์ฉี นางชักมือกลับมาอย่างเงียบเชียบ สอดไว้ในแขนเสื้อตัวเอง

 

 

บรรยากาศมีความนิ่งเงียบที่เหน็บหนาวเล็กน้อย

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูพลิกตัวครั้งหนึ่ง คล้ายเปล่งเสียงถอนใจอย่างเฉื่อยเนือย