[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 440 : พ่อครัวจำเป็น!

หนิงหลิงยู่พยักหน้าและมองเฉิงเมี่ยนด้วยสายตาอ่อนโยน แววตาสดใสและขนตางอนยาวกระพริบถี่ๆนั้น จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าแดงก่ำของเฉิงเมี่ยน

 “ได้สิ!”

หนิงหลิงยู่ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับเฉิงเมี่ยนว่า “แต่ในห้องคนมีคนอยู่เต็มไปหมด พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า..”

นักเรียนในห้องต่างก็มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ เฉิงเมี่ยนผู้หยิ่งยะโสกลับเป็นคนเดินเข้าไปคุยกับหนิงหลิงยู่ก่อน ทุกคนต่างพากันจ้องมองภาพที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนนี้อย่างตกตะลึง!

หนิงหลิงยู่และเฉิงเมี่ยนเดินออกไปยืนอยู่ที่ราวระเบียงนอกห้อง จากนั้นหนิงหลิงยู่ก็เอ่ยขึ้นว่า

“มีอะไรก็พูดมาได้เลย!”

ตอนนี้หน้าของเฉิงเมี่ยนแดงก่ำไปจนถึงใบหู เธอกัดริมฝีปากแน่นอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะก้มหน้าลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“หลิงยู่.. ฉัน.. ฉันเคยทำไม่ดีกับเธอไว้มาก ตอนนี้ฉันสำนึกผิดแล้ว ก็เลยอยากจะมาขอโทษ และขอให้เธอยกโทษให้ด้วยจะได้ไม๊? ฉัน..”

สำหรับเฉิงเมี่ยน.. การจะพูดคำเหล่านี้ออกมาจากปากได้นั้น นับว่าเป็นความลำบากยากเย็นอย่างยิ่ง หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เธอถึงกับต้องบังคับตัวเองอย่างมากเพื่อให้พูดออกมาจนจบประโยค จากนั้นก็เอาแต่ก้มหน้า และไม่กล้ามองตาหนิงหลิงยู่อีกเลย..

เฉิงเมี่ยนคิดไม่ถึงว่า หนิงหลิงยู่จะยิ้มให้กับเธอพร้อมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ

“เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน.. ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เองเหรอ?”

เฉิงเมี่ยนอับอายมาก จึงได้แต่พยักหน้าและไม่กล้าพูดอะไรอีก..

หนิงหลิงยู่จึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่สาวของเธอมาก็อยู่ที่บ้านของฉันสองวัน เธอเป็นคนน่ารักมากเลย แล้วก็เข้ากับฉันได้ดีด้วย”

เฉิงเม่ยเฟิงไปอยู่บ้านหลิงหยุนอย่างนั้นหรือ.. นี่เป็นครั้งแรกที่เฉิงเมี่ยนรู้เรื่องนี้ เธอจึงประหลาดใจไม่น้อย!

เฉิงเมี่ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง “พี่สาวของฉันเหรอ? นี่พี่สาวของฉันไปอยู่ที่บ้านเธอสองวันงั้นเหรอ?”

หนิงหลิงยู่พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ใช่น่ะสิ.. มาตอนวันหยุดเชงเม้งวันสุดท้ายช่วงบ่ายๆ ตอนนั้นพี่สาวของเธอยังมาช่วยงานที่บ้านเลย แต่พอรู้ข่าวว่าที่บ้านของเธอเกิดเรื่องก็รีบกลับไปทันที..”

เฉิงเมี่ยนพึมพำ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเลย..”

หนิงหลิงยู่ยิ้มพร้อมกับพูดต่อว่า “เธอไม่ต้องขอโทษฉันก็ได้นะ.. เพราะเธอก็ไม่ได้ทำร้ายฉันสักหน่อย! คนเราเกิดมามีชะตากรรมต่างกัน เธอเป็นเจ้าหญิงที่สูงส่ง การมีบุคลิคท่าทางแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร..”

“อะไรนะ.. ฉันไม่ได้ทำร้ายเธองั้นเหรอ?”

เฉิงเมี่ยนนึกถึงสิ่งที่เธอทำกับหนิงหลิงยู่มาตลอดสามปี เธอรู้สึกอยากจะหาที่สักแห่งให้ตัวเองหลบหนีไปในตอนนี้ทันที

เมื่อสามอาทิตย์ก่อนหน้านี้ เฉิงเมี่ยนยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่สูงส่งอยู่เลย แล้วเธอก็ภาคภูมิใจกับความรู้สึกเช่นนั้นมาก เธอไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้.. เธอรู้แล้วว่าเจ้าหญิงตัวจริงนั้นไม่ใช่เธอ แต่คือหนิงหลิงยู่ที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง

“หลิงยู่!”

หนิงหลิงยู่ที่สวยงามชวนฝันราวกับนางฟ้าในเทพนิยาย ดูเหมือนเธอจะไม่เคยโกรธใคร เพียงแค่ยืนนิ่งๆ ไม่ต้องพูดอะไรออกมา ก็ราวกับมีรัศมีบางอย่างเปล่งประกายออกมารอบตัว เธอดูเป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ก็ไม่ถือดีหรือหยิ่งจองหอง!

เฉิงเมี่ยนรู้สึกว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่เธอเหนือหนิงหลิงยู่ นั่นก็คือครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ส่วนหนิงหลิงยู่เป็นเพียงแค่เด็กสาวหน้าตางดงามที่มาจากครอบครัวธรรมดาๆ และยังยากจนมากอีกด้วย

นอกเหนือจากนั้นแล้ว.. ไม่มีอะไรเลยที่เฉิงเมี่ยนจะเหนือหนิงหลิงยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ วุฒิภาวะทางอารมณ์ การเรียน และอีกมากมาย หนิงหลิงยู่เหนือกว่าเธอทุกอย่าง

แต่นั่นยังไม่สำคัญ.. ที่สำคัญที่สุดก็คือหนิงหลิงยู่มีพี่ชายที่ยอดเยี่ยมเหนือคนธรรมดาอย่างหลิงหยุน!

เฉิงเมี่ยนรู้ดีว่าหลิงหยุนนั้นกล้าหาญแล้วก็แข็งแกร่งเพียงใด! เพราะเธอได้เห็นหลิงหยุนสับซันเทียนเปียวเป็นชิ้นๆกับตาตัวเอง

หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์ในคืนนั้น เฉิงเมี่ยนจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า เพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงกลายมาเป็นคนที่แข็งแกร่งและโด่งดังอย่างมาก เรียกได้ว่าสิ่งที่หลิงหยุนทำในคืนนั้น มันอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของเธอที่มีมาทั้งชีวิต มุมมองของเธอในตอนนี้ เงินทองไม่ว่าจะมีมากมายมหาศาลสักเพียงใด เมื่อเทียบกับหลิงหยุนแล้ว ก็ไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย!

แต่ที่เฉิงเมี่ยนรู้นั้นยังนับว่าน้อยนิดมากนัก เธอยังไม่รู้ว่าแม่ของหนิงหลิงยู่เองก็มาจากตระกูลที่คนทั้งประเทศเคยให้ความเคารพนับถือมาก่อน

หนิงหลิงยู่ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสาร แต่ก็ไม่แสดงออกให้เฉิงเมี่ยนเห็น และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เธออย่ากังวลไปเลย.. เธอไม่ได้ทำร้ายฉันเลยจริงๆ ฉันก็เลยไม่มีอะไรต้องยกโทษให้เธอ.. อีกอย่างต่อไปฉันก็คงจะไม่ค่อยได้มาโรงเรียนแล้วล่ะ..”

เฉิงเมี่ยนได้ยินถึงกับตกใจ “ทำไมล่ะ? เธอ.. นี่เธอจะไม่สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเหรอ?”

หนิงหลิงยู่ยิ้มบบางก่อนจะมองออกไปไกลๆ และจู่ๆก็หัวเราะออกมาอย่างสดใส แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร..

ด้วยคะแนนของหนิงหลิงยู่นั้น ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องมานั่งเรียนในโรงเรียนอีกด้วยซ้ำไป เธอเพียงแค่รอคอยให้ถึงวันสอบเอนทรานซ์ แล้วก็แค่เดินเข้าห้องสอบเท่านั้นเอง..

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินตงเฉี่วยยังบอกกับเธอว่าจะสอนอะไรให้กับเธออีกมากมายหลายอย่าง และเป็นเรื่องที่เธอเองก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แล้วก็ต้องใช้เวลา หนิงหลิงยู่แทบจะทนรอให้ถึงเวลานั้นไม่ได้

สำหรับคำพูดที่ไม่ดีต่างๆนานาของเฉิงเมี่ยนที่เคยพูดกับเธอนั้น หนิงหลิงยู่อาจจะรู้สึกโกรธบ้าง แต่ก็ไม่เคยเกลียด และความโกรธกับความเกลียดก็เป็นคนละเรื่องกัน..

แต่ต่อให้หนิงหลิงยู่รู้สึกเกลียดเฉิงเมี่ยนจริง เมื่อเธอได้พบเฉิงเม่ยเฟิง และรู้ว่าเธอคือแฟนสาวของหลิงหยุน หนิงหลิงยู่ก็คงหายโกรธเฉิงเมี่ยนแล้ว เพราะถึงอย่างไรเฉิงเมี่ยนก็เป็นน้องสาวที่เฉิงเม่ยเฟิงรัก

“ถ้าอย่างนั้น.. เธอช่วย.. ช่วยบอกพี่ชายของเธอให้ยกโทษให้ฉันหน่อยจะได้ไม๊? ฉันคิดว่าเขาคงจะโกรธฉันมาก..”

เฉิงเมี่ยนกระซิบขอให้หนิงหลิงยู่ช่วยพูดกับหลิงหยุนแทนเธอ..

หนิงหลิงยู่ตอบกลับไปว่า  “เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ.. พี่ใหญ่ไม่ได้โกรธเธอเลยสักนิด เพราะถ้าเขาโมโหใคร เขาก็จะจัดการทันที ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาโกรธด้วยซ้ำ..”

“อีกอย่าง.. ถ้าพี่ใหญ่โกรธเธอจริงๆ ก็คงไม่มีใครช่วยได้ เพราะจิตใจของพี่ใหญ่นั้น ไม่เคยมีใครบงการได้..”

“ฉันไม่รู้แล้วก็ไม่สนใจหรอกนะ.. ว่าเพราะอะไรวันนี้เธอถึงได้มาคุยกับฉัน แต่ฉันอยากจะบอกเธอไว้สองเรื่อง เรื่องแรก – ฉันไม่เคยนึกตำหนิหรือโกรธเธอเลย และเรื่องที่สอง – ถ้าจะให้ฉันช่วยเธอเรื่องของพี่ใหญ่แล้วล่ะก็ ฉันคงจะช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องนี้เธอคงต้องช่วยตัวเอง”

หลังจากที่หนิงหลิงยู่พูดจบ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น และเมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เพราะเป็นสายจากหลิงหยุน..

หลิงหยุนจอดรถรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ทันทีที่หนิงหลิงยู่กดรับสาย เขาก็รีบพูดออกไปทันที

“น้องพี่.. เธอขอนุญาติคุณครูหรือยัง? พี่ใหญ่มารอรับเธอกลับบ้านอยู่ที่หน้าประตู..”

หนิงหลิงยู่หัวเราะคิกคักพร้อมกับตอบไปว่า “เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่รอฉันอยู่หน้าประตูนะ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”

หลังจากที่วางสายไปแล้ว หนิงหลิงยู่ก็หันไปยิ้มและโบกมือให้กับเฉิงเมี่ยนที่กำลังนิ่งอึ้ง แล้วรีบเข้าไปเก็บของในห้องเรียน

เฉิงเมี่ยนยืนมองภาพที่หนิงหลิงยู่วิ่งออกไปจากห้องเรียนอย่างมีความสุข น้ำตาของเธอค่อยๆไหลรินด้วยความเสียใจ แล้วก็พึมพำออกมาด้วยความอิจฉา

“หลิงยู่.. เธอช่างดูมีความสุขจัง..”

………..

หนิงหลิงยู่วิ่งไปยังรถแลนด์โรเวอร์ที่จอดอยู่หน้าประตูโรงเรียนทันที

หลังจากเสียงกริ่งเลิกเรียนดับลง ก็มีนักเรียนอยู่ที่ประตูโรงเรียนมากมาย หลิงหยุนจึงไม่ยอมลงจากรถ และสตาร์เครื่องรอหนิงหลิงยู่อยู่ด้านใน

ทันทีที่หนิงหลิงยู่ขึ้นไปนั่งบนรถ หลิงหยุนก็ยิ้มให้พร้อมกับถามว่า “หลิงยู่ เย็นนี้อยากกินอะไร? ไปหาซื้ออะไรกลับไปกินที่บ้านกับน้าหญิงกัน”

ดวงตากลมโตสวยงามของหนิงหลิงยู่จ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับตอบยิ้มๆว่า “ฉันจะบอกความลับให้.. น้าหญิงชอบกินอาหารทะเล..”

หลิงหยุนรีบตอบกลับทันที “ถ้างั้นก็ไปซื้ออาหารทะเลกลับไปกินกัน!”

หลิงหยุนเหยียบคันเร่ง และรถแลนด์โรเวอร์ก็พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลิงหยุนก็ถามหนิงหลิงยู่

“หลิงยู่.. วันนี้ขอลาคุณครูว่าอะไรไม๊?”

 หนิงหลิงยู่ทำเสียงเย้ย “ก็พี่ไปทำอะไรใหญ่โตที่ห้องทำงานของครูใหญ่ไว้ล่ะ.. ตอนนี้เขารู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว ยังจะมีใครกล้าว่าอะไรฉันอีก!”

“ครูประจำชั้นรู้เรื่องผลการเรียนของฉันดี ก็เลยบอกฉันว่า ถ้าไม่มีอะไรไม่ต้องมาโรงเรียนก็ได้ ให้ส่งการบ้านครูทางอีเมล์แทนได้? สะดวกมากเลย..”

ต่อหน้าหลิงหยุน หนิงหลิงยู่แทบไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องกังวลอะไร เธอทำเหมือนเด็กตัวเล็กดื้อดึงคนหนึ่ง..

หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะ “ก็ดีน่ะสิ! ถ้างั้นเรารีบไปซื้ออาหารทะเลกันดีกว่าจะได้รีบกลับบ้าน”

“หลิงยู่.. น้าหญิงเองก็ขับรถไม่เป็น ถ้าไง.. เธอไปหัดขับรถดีไม๊ พี่จะให้ถังเมิ่งจัดการเรื่องใบขับขี่ให้ มีรถใช้ก็สะดวกดีนะ” หลิงหยุนบอกกับหนิงหลิงยู่

หนิงหลิงยู่พยักหน้าจริงจังพร้อมกับตอบไปว่า “ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน เพราะอยู่ที่บ้านในอ่าวจิวฉูก็ดีอยู่ แต่ไกลจากตัวเมืองหน่อยเท่านั้นเอง แต่ถ้าขับรถเป็นก็จะสะดวกมากเลย..”

“ถ้าอย่างนั้น.. ไว้พี่ใหญ่ว่างแล้วจะมาสอนเธอขับรถนะ แต่สองสามวันนี้พี่ยุ่งมากเลย..”

ตอนนี้หลิงหยุนเองก็ขับรถได้แล้ว และมันก็ไม่ยากเกินไปสำหรับคนฉลาดอย่างหนิงหลิงยู่จะเรียนรู้ได้

“พี่ใหญ่คะ.. ฉันไปเรียนตามโรงเรียนสอนขับรถก็ได้!”

หลิงหยุนไม่สนใจว่าจะเรียนจากที่ใหน “ก็ตามใจ.. จะเรียนจากใหนก็ได้ ขอให้ขับรถเป็นก็พอแล้ว.. ใช่ไม๊?”

 หนิงหลิงยู่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มเห็นด้วย..

หลังจากซื้อของเสร็จเรียบร้อย เมื่อขับออกนอกเขตเมืองที่จำกัดความเร็วแล้ว หลิงหยุนก็เหยียบคันเร่งเต็มที่ และเพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ไปถึงบ้านแล้ว

“น้าหญิงพวกเรากลับมาแล้ว!”

หลิงหยุนขับรถเข้าไปในลานบ้านพร้อมกับร้องตะโกนบอกเสียงดังก่อนที่จะลงจากรถ ร่างสวยงามของฉินตงเฉี่วยปรากฏขึ้นที่หน้าประตู และมายืนอยู่หน้ารถแลนด์โรเวอร์

“ซื้ออะไรอร่อยๆมากินหรือเปล่า? น้าหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว!”

หลิงหยุนหันไปมองหนิงหลิงยู่ยิ้มๆ แล้วจึงตอบฉินตงเฉี่วยไปว่า “ผมซื้ออาหารทะเลมาทำกินกันครับ..”

ฉินตงเฉี่วยถึงกับงุนงงพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “งั้นเหรอ?! ถ้างั้นก็รีบๆลงจากรถแล้วเข้าครัวไปทำอาหารเร็วเข้า ยังจะนิ่งรออะไรกัน!”

หลิงหยุนได้ยินถึงกับปวดหัว! นี่ฉินตงเฉี่วยทำอาหารทะเลไม่เป็นงั้นเหรอ?

หลิงหยุนหันไปมองหนิงหลิงยู่ แต่เธอกลับรีบส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่.. ฉันนึ่งปูเป็นอย่างเดียว อย่างอื่นทำไม่เป็น..”

หลิงหยุนได้แต่นิ่งไป และวันนี้เขาก็ต้องกลายเป็นพ่อครัวจำเป็น!