[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 441 : น้ำลายมังกร โสม สมุนไพรเหอโชวู!
“หลิงหยุน.. เจ้าจะเป็นคนทำอาหารใช่ไม๊?”
ดวงตาคู่สวยของฉินตงเฉี่วยจ้องมองไปยังหลิงหยุนพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับ..
ระหว่างสามคนนั้น ฉินตงเฉี่วยอาวุโสที่สุด และยังมีฐานะเป็นถึงน้าสาวของหนิงหลิงยู่ ส่วนตัวหนิงหลิงยู่เองก็ทำไม่เป็น หลิงหยุนจึงหมดหนทางเลือก ได้แต่เดินถือวัตถุดิบเข้าครัวไป
ความจริงแล้วหนิงหลิงยู่เองก็ได้เรียนรู้เรื่องการทำอาหารจากนางฉินจิวยื่อมาบ้าง และสามารถทำอาหารพื้นๆธรรมดาๆได้ สีสันและรสชาติก็ไม่แตกต่างจากที่นางฉินจิวยื่อทำสักเท่าไหร่
แต่เธอก็ทำได้เพียงแค่อาหารพื้นๆเท่านั้น อาหารทะเลอย่างกุ้งมังกรอะไรพวกนี้ หนิงหลิงยู่ไม่สามารถทำได้ และไม่ยอมทำด้วย!
ทั้งฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่นั้น อาจจะยังไม่รู้ว่านอกจากหลิงหยุนจะเป็นนักชิมและนักกินแล้ว เขายังค่อนข้างมีประสบการณ์ในการทำอาหารมามากด้วย
“พี่ใหญ่.. พวกเราทำอาหารพื้นๆให้น้าหญิงกินก็ได้ ฉันทำให้เอง”
หนิงหลิงยู่เป็นกังวลเพราะท่าทางของหลิงหยุนดูกระอักกระอ่วนมาก เธอจึงๆได้แต่กระซิบบอก
หลิงหยุนมองฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงหยุนพร้อมกับคิดในใจว่า ได้เวลาที่เขาต้องแสดงฝีมือเสียแล้ว จากนั้นก็ลงไปเปิดท้ายรถ และจัดการหิ้วกุ้งมังกรขนาดใหญ่มากสองตัวออกมา สองสาวถึงกับร้องออกมาอย่างดีใจ
“ข้าเป็นคนทำก็ได้.. แต่น้าหญิงกับหลิงยู่ต้องมาเป็นลูกมือ!”
“ห๊ะ..?!”
“หลิงหยุน.. นี่เจ้าทำอาหารเป็นจริงๆน่ะเหรอ?”
ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะทำอาหารเป็นจริง มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับพวกเธอสองคน
สาวสวยสองคนได้แต่มองหน้ากัน หนิงหลิงยู่เลียริมฝีปากพร้อมกับกระซิบว่า “พี่ใหญ่.. พี่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน แล้วกุ้งมังกรสองตัวนี้ก็ราคาแพงมากเลยนะ..”
หนิงหลิงยู่กังวลว่าหลิงหยุนจะทำอาหารดีๆเสียของต่อหน้าฉินตงเฉี่วย ยิ่งไปกว่านั้น แถวบ้านก็มีอาหารทะเลที่ปรุงเสร็จแล้วขายมากมาย กุ้งมังกรสองตัวนี้ก็สามารถเก็บไว้ได้อีกตั้งสองสามวัน
หลิงหยุนยิ้ม “ไปกันได้แล้วสาวสวยทั้งสองคน ช่วยกันหิ้วกุ้งหอยปูปลาเข้าครัวกันเร็วเข้า!”
ระหว่างที่พูดหลิงหยุนก็เดินผ่านหน้าฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ที่กำลังยืนตะลึงเข้าไปในบ้านอย่างไม่สนใจ
“หลิงยู่.. เจ้าเด็กดื้อนั่นทำอาหารเป็นจริงๆเหรอ?”
ฉินจิวยื่อพยายามถือของไปให้ได้มากที่สุด และให้หนิงหลิงยู่ถือเฉพาะปลา แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่วายที่จะหันไปถามหนิงหลิงยู่
“เอ่อ.. หนูไม่เคยเห็นพี่ใหญ่เข้าครัวเลยค่ะ..” หนิงหลิงยู่ตอบตามความจริง
เมื่อฉินตงเฉี่วยได้ยิน ใบหน้าของเธอและหนิงหลิงยู่ก็มีแววเสียดายปรากฏขึ้นมาทันที นางได้แต่ถอนหายใจและพูดขึ้นว่า
“เฮ้อ.. สงสัยพอทำเสร็จ กุ้งมังการของน้าคงจะถูกเจ้าเด็กดื้อนั่นทำจนไม่เหลืออะไรแน่..”
หลิงหยุนได้ยินเสียงสองสาวคุยกันอย่างชัดเจน เขาเพียงแค่ยิ้มและไม่โต้ตอบ แล้วถือกุ้งมังกรสองตัวตรงเข้าไปในครัว
หลิงหยุนทำอาหารเป็นจริงๆน่ะหรือ!?
หลิงหยุนไม่เพียงแค่ทำอาหารเป็น แต่ยังเก่งมากเลยทีเดียว! นอกจากชื่นชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจแล้ว ฝีมือการทำอาหารของเขายังสุดยอดอีกด้วย!
เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น แม้เขาจะสำเร็จถึงขั้นจำศีลที่สามารถอดอาหารได้เป็นเวลานานๆนั้น แต่ความอยากในรสชาติอาหารก็เป็นเรื่องที่รบกวนเขาอยู่เสมอ
ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น ไม่ว่าเขาจะบินอยู่บนท้องฟ้า วิ่งอยู่บนพื้นแผ่นดิน หรือแม้แต่ว่ายอยู่ในน้ำ หากสายตาของหลิงหยุนเหลือบไปเห็นอะไรเข้า เขาก็สามารถจับมาทำเป็นอาหารได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นต้ม นึ่ง ผัด หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นฝีมือการทำอาหารของหลิงหยุน จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะทางด้านการแพทย์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น การทำอาหารจึงนับว่าเป็นงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบอย่างมาก เพราะการฝึกฝนบ่มเพาะเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายมาก และจะน่าเบื่อที่สุดก็ตอนที่ฝึกเพื่อเข้าสู่ขั้นจำศีล เพราะเป็นช่วงที่เขาไม่สามารถกินอะไรได้
เมื่อหลิงหยุนไปถึงในครัว เขาก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่ที่สุดซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การทำอาหารอย่างแน่นอน แต่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยภายในห้องครัวต่างหาก หลิงหยุนไม่รู้วิธีใช้ จึงต้องขอความช่วยเหลือจากหนิงหลิงยู่
ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่โตเช่นนี้ ห้องครัวก็ต้องใหญ่โตตามไปด้วย แล้วก็เต็มไปด้วยเครื่องครัวที่ทันสมัยจนหลิงหยุนถึงกับมืดแปดด้าน
“เครื่องใช้ในครัวพวกนี้ดูดีมากทีเดียว..”
หลิงหยุนเห็นห้องครัวแล้วก็ได้แต่คิดว่าทั้งถังเมิ่ง เฉิงเม่ยเฟิง แล้วก็หนิงน้อย คงจจะต้องใส่ใจกับการตกแต่งบ้านอย่างมากจริงๆ
เมื่อฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่เดินเข้ามาในครัว หลิงหยุนจึงได้โอกาสถามหนิงหลิงยู่ถึงวิธีใช้เครื่องไม้เครื่องมือแต่ละชนิด และขอให้เธอช่วยสาธิตวิธีการใช้ให้ดู
หลิงหยุนมีความจำเป็นเลิศและสามารถเข้าใจอะไรได้ง่าย หนิงหลิงยู่สาธิตให้เขาดูเพียงแค่ครั้งเดีว หลิงหยุนก็สามารถจดจำได้หมด
ฉินตงเฉี่วยเห็นหลิงหยุนที่ทำไม่เป็นแม้แต่เปิด-ปิดเตา ก็ได้แต่อึ้งไป.. และอดที่จะคิดไมได้ว่าหลิงหยุนไม่เคยแม้แต่จะเดินเข้าห้องครัวมาก่อน แล้วยังคิดจะทำอาหารทะเลอีก! ฝันไปเถอะ!
“เอาล่ะ.. พวกเธอทำกันไปก็แล้วกันนะ น้าหญิงจะออกไปนั่งรอข้างนอก..” ฉินตงเฉี่วยรู้สึกหมดหวังและได้แต่ส่ายหน้าไปมา
หลิงหยุนได้แต่แอบยิ้ม เขาหยิบอาหารทะเลทุกชนิดขึ้นมากองไว้ และฟังหนิงหลิงยู่ที่กำลังอธิบาย และสาธิตการใช้เครื่องครัวแต่ละชนิดให้ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมกับพยักหน้ารับรู้เป็นระยะๆ
หนิงหลิงยู่รู้ดีว่าความจำของหลิงหยุนนั้นเป็นเลิศเพียงใด และเมื่อจำได้แล้วก็ไม่มีทางลืม ถึงแม้เธอจะมั่นใจว่าหลิงหยุนไม่มีทางทำอาหารทะเลสำเร็จได้ แต่ก็ยินดีที่จะอธิบายให้หลินหยุนฟังอย่างตั้งใจเช่นกัน
นั่นเพราะว่าเธอชื่นชอบความรู้สึกเช่นนี้ ความรู้สึกที่เธอได้อยู่กับพี่ใหญ่ มันเป็นความอบอุ่นที่ทำให้หนิงหลิงยู่รู้สึกมีความสุขอย่างมาก
“พี่ใหญ่คะ.. ฉันจะช่วยถอดเกล็ดปลาให้นะคะ!” หนิงหลิงยู่เอ่ยปากที่จะช่วยหลิงหยุนถอดเกล็ดปลาที่มีราคาแพง
“โอ้โห!” หนิงหลิงยู่ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นหลิงหยุนกำลังใช้มีดถอดเกล็ดปลาได้อย่างชำนิชำนาญ
หลิงหยุนหัวเราะหึหึ “อะไรกัน.. ทำไมต้องร้องตกอกตกใจแบบนั้น เดี๋ยวรอทานอาหารฝีมือพี่ก็แล้วกัน!”
“โอ้โห.. พี่ใหญ่! นี่พี่ไปเรียนการทำอาหารมาจากที่ใหนคะเนี่ย ดูคล่องแคล่วกว่าแม่อีกนะรู้ไม๊?”
หนิงหลิงยู่ถึงกับตกใจและถามออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นสายตาของเธอก็จับจ้องอยู่เพียงแค่มีดในมือของหลิงหยุนเท่านั้น..
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและสั่งหนิงหลิงยู่ “หลิงหยู่.. เธอช่วยพี่ล้างหอยเป่าฮื้อก่อนนะ เสร็จแล้วก็ออกไปรอข้างนอกกับน้าหญิง พี่จัดการคนเดียวได้!”
กุ้งมังกร ปู ไต่กันไปมาอยู่ในอ่าง และหลิงหยุนก็ไม่ต้องการให้หนิงหลิงยู่ต้องฆ่ามัน
……
“โอ้โห.. ทำไมถึงได้กลิ่นหอมแบบนี้!”
หลิงหยุนไม่ปล่อยให้ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ต้องคอยนาน เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง บ้านทั้งหลังก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร
กลิ่นหอมของอาหารทะเลที่หลิงหยุนทำ ค่อยๆลอยออกจากครัวมาเข้าจมูกของฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ ทำให้ต่อมเจริญอาหารของทั้งคู่ถึงกับบทำงานขึ้นมาทันที!
ฉินตงเฉี่วยที่ผิดหวังในตอนแรก ค่อยๆทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นหอมของอาหารเข้าไปพร้อมกับกลืนน้ำลาย
“เจ้าเด็กนั่นทำอาหารเป็นจริงๆด้วย แล้วก็ดูจะน่าอร่อยซะด้วย!”
ฉินตงเฉี่วยไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีก.. ฝีมือการทำอาหารของหลิงหยุนนั้นทำให้เธอตกอกตกใจมากกว่าความแข็งแกร่งของเขาในการต่อสู้เสียอีก นางแทบไม่อยากจะเชื่อ!
“น้าหญิง.. ปลาที่ท่านชอบจะให้นึ่ง หรือเอาไปเคี่ยวกับซอสดี?” หลิงหยุนร้องถามออกมาจากในครัวขณะที่กำลังจะเริ่มลงมือทำปลา
“เคี่ยวกับซอส..” ฉินตงเฉี่วยยังไม่อยากจะเชื่อ
“ได้เลย..” หลิงหยุนร้องบบอกพร้อมกับเริ่มทำปลา
“หอมจัง!”
“ว้าว!”
ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ที่ได้กลิ่นหอมของอาหารถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมกัน และตอนนี้กลิ่นหอมไม่เพียงอบอวลอยู่ภายในบบ้าน แต่ยังลอยออกไปนอกบ้านด้วย
“โอ้โห.. กลิ่นหอมน่ากินมากจริงๆ..”
“ทำไมถึงได้หอมแบบนี้..”
และครั้งนี้สองสาวก็ร้องออกมาอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้ ทั้งคู่ทนไม่ได้จนถึงกับต้องอ้าปากสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปทางปากด้วย!
ก็จะไม่ให้มีกลิ่นหอมหวนขนาดนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อหลิงหยุนผสมน้ำลายมังกรลงไปด้วย!
ฝีมือการทำอาหารของหลิงหยุนนั้นพูดได้คำเดียว่า สุดยอด! และหากท่านหมอเสี่ยว ตู้กู่โม่ หรือแม้แต่คุณชายฮู๋เซ่าป๋ายแห่งสำนักหมอสวรรค์ และหลงเทียนยู่ รู้ว่าหลิงหยุนใช้น้ำลายมังกรแทนน้ำมันในการทำอาหาร พวกเขาคงต้องโมโหจนแทบคลั่งแน่!
ไม่เพียงเท่านั้น หลิงหยุนยังใช้โสมที่มีอายุมากกว่าสองพันปี และสมุนไพรเหอโชวูอาวุกว่าสามพันปีแทนกระเทียม!
สำหรับส่วนผสมที่เป็นสมบัติหายากเช่นนี้ อย่าว่าแต่ท่านหมอเสี่ยวจะโกรธเลย ต่อให้เป็นอัจฉริยะด้านการบบ่มเพาะในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ หากรู้เขาก็คงแทบอยากจะฆ่าหลิงหยุนเป็นแน่!
หรือแม้แต่กษัตริย์เสินหนงเองก็ตามเถอะ หากยังมีชีวิตอยู่ และรู้เรื่องนี้เข้า ก็คงต้องโกรธจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือดแน่!
หากเทียบกันแล้ว.. ทั้งน้ำลายมังกร และโสมกับสมุนไพรเหอโชวูที่มีอายุมากกว่าสองพันปีนั้น หอยเป่าฮื้อและกุ้งมังกรที่ว่าแสนแพง ก็จะกลายเป็นเพียงแค่เครื่องปรุงเล็กน้อยในอาหารจานนั้นไปทันที!
ประกอบกับฝีมือการทำอาหารที่หาใครเทียบได้ยากของหลิงหยุนด้วย จึงทำให้อาหารทุกจานล้วนมีกลิ่นหอมหวน และน่าทานอย่างที่สุด
หลิงหยุนทำเพียงเท่านั้น เพราะสองสาวกำลังรอกินอาหารอยู่ในห้องนั่งเล่น..
อย่าว่าแต่สองสาวนั้นโชคดีที่กำลังจะได้กินสมบัติล้ำค่าที่หายากเหล่านั้นเลย แม้แต่การได้กินอาหารจากฝีมือของหลิงหยุนก็นับว่าโชคดีมากเช่นกัน!
“หลิงหยุน.. เมื่อไหร่จะเสร็จ ข้าคอยไม่ไหวแล้วนะ!” ฉินเตงเฉี่วยร้องตะโกนเร่งหลิงหยุนที่อยู่ในครัว
“ใกล้เสร็จแล้ว..” หลิงหยุนตอบกลับมาทันที
“ไปเร็วเข้าหลิงยู่.. ไปกับข้า!” ฉินตงเฉี่วยทนนั่งนิ่งต่อไปอีกไม่ไหว เธอลุกขึ้นร้องบอกหลิงยู่ให้ไปช่วยกันยกอาหารในครัว
แต่หลังจากนั้นเพียงแค่สิบนาที อาหารจานใหญ่หกเจ็ดจานก็ถูกนำมาเสริฟบนโต๊ะอาหาร ทั้งสีสันและกลิ่นหอมนั้น ทำให้ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ถึงกับบกลืนน้ำลายกันใหญ่
หลิงหยุนนั่งลงมองสองสาวหน้าตาสวยงามทั้งสองคนที่ในมือถือตะเกียบรออยู่แล้ว เขายิ้มให้กับหญิงสาวทั้งคู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “กินกันได้แล้ว!”
ฉินตงเฉี่วยกับหนิงหลิงยู่ไม่สามารถอดทนต่อกลิ่นที่หอมหวนได้อีกต่อไป และลงมือกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก.. ในเวลาแบบนั้นใครบ้างที่อยากจะพูด?
อาหารบนโต๊ะอร่อยมากจนฉินตงเฉี่วยแทบจะกัดลิ้นของตัวเอง เธอกินเข้าไปจนจุกและไม่สามารถกินอะไรได้อีก จึงได้แต่เลียริมฝีปาก และจ้องมองจานเปล่าบนโต๊ะอาหาร พร้อมกับชมว่า..
“หลิงหยุน.. อร่อยมากเลย แล้วทำไมเธอถึงไม่กินล่ะ?”
หลิงหยุนยิ้มจนเห็นฟันขาว “ผมกลัวว่าน้าหญิงกับหนิงหลิงยู่จะกินไม่อิ่ม ก็เลยรอให้ท่านกับหลิงยู่กินกันอิ่มก่อน ข้าค่อยกินส่วนที่เหลือ..”
ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ได้ลิ้มรสอาหารที่จะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต หลิงหยุนมองภาพนางฟ้าสองคนอย่างมีความสุข..