[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 442 : ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองจิงฉู!
หนิงหลิงยู่กินจนท้องแทบบแตก และตอนนี้ท้องของเธอก็โตขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แม้จะเริ่มรู้สึกอิ่ม แต่ก็ยากที่จะวางตะเกียบในมือลงได้
ทั้งคู่กินกันจนอิ่มแป้แล้ว จึงได้สังเกตุเห็นว่าหลิงหยุนยังไม่ได้ขยับตะเกียบในมือของเขาเลยแม้แต่น้อย
หนิงหลิงยู่เห็นหลิงหยุนยังไม่ได้กิน จึงได้แต่พูดอย่างเสียใจว่า “พี่ใหญ่คะ.. แทบไม่มีอะไรเหลือเลย แล้วพี่..”
หลิงหยุนที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ เอื้อมมือไปเช็ดริมฝีปากให้กับหนิงหลิงยู่พร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก.. วันนี้พี่ไม่ค่อยหิว กินที่เหลือนี่ก็อิ่มแล้ว!”
หลิงหยุนเริ่มลงมือทานอาหาร และเขาก็กินอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่ถึงสิบนาทีอาหารที่เหลือบนโต๊ะก็ถูกกวาดลงท้องของเขาจนหมด
ฉินตงเฉี่วยนั่งมองหลิงหยุนทานอาหารแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ในแววตาคู่สวยของนางนั้นมีบางอย่างที่พิเศษ เมื่อหลิงหยุนกินเสร็จ นางจึงหยิบกระดาษเช็ดปากยื่นให้กับเขาและพูดขึ้นว่า
“เช็ดปากขอเจ้าซะ!”
หนิงหลิงยู่เองก็รีบส่งแก้วน้ำดื่มอุ่นๆให้กับหลิงหยุน ใบหน้าสวยงามชวนฝันของเธอเปี่ยมไปด้วยความสุขและศัรทธาที่มีต่อหลิงหยุน
หลิงหยุนเห็นว่าฉินตงเฉี่วยกำลังอารมณ์ดี และโอกาสดีๆอย่างนี้หลิงหยุนย่อมไม่พลาดอย่างแน่นอน เขาจึงรีบบใช้โอกาสนี้ร้องขอบางสิ่งบางอย่าง
หากหลิงหยุนต้องการไปอยู่กับเทพธิดาหลินเมิ่งหานในคืนนี้ แน่นอนว่าฉินตงเฉี่วยคือตัวแปรสำคัญที่สุด หากเขาผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ อย่างอื่นก็อย่าได้หวัง!
“น้าหญิง.. คือข้า.. คืนนี้ข้าอยากจะขอไป..” หลิงหยุนอ้าปากพูดอึกๆอักๆพร้อมกับยิ้มให้ฉินตงเฉี่วย
“มีธุระอีกแล้วใช่ไม๊?” ฉินตงเฉี่วยจ้องหลิงหยุน และริมฝีปากสวยงามก็เอื้อนเอ่อยออกมา
หนิงหลิงยู่รีบกระซิบบอกว่า พี่ใหญ่ของเธอจะไม่กลับบ้านคืนนี้!
“น้าหญิง.. ช่วงนี้ข้ามีธุระมากมายที่ต้องไปจัดการ อาทิตย์นี้ก็จะยุ่งๆทั้งอาทิตย์..” หลิงหยุนอธิบายยิ้มๆ
ฉินตงเฉี่วยมองหนิงหลิงยู่พร้อมกับบครุ่นคิดเล็กน้อย แต่ก็แอบส่งกระแสจิตบอกหลิงหยุนว่า
“เจ้าเด็กดื้อ.. วันนี้เจ้าทำให้ข้าพอใจมาก! แต่เจ้ารู้ไม๊ว่าเวลาที่เจ้าไม่อยู่บ้าน หลิงยู่จะเป็นห่วงแล้วก็กังวลมาก!”
หลิงหยุนเองก็รู้ว่าหนิงหลิงยู่นั้นเป็นห่วงเป็นใยเขาเพียงใด เขาจึงส่งกระแสจิตตอบกลับไปว่า
“น้าหญิง.. อาทิตย์นี้ข้ายุ่งมากจริงๆ มีเรื่องต้องไปสะสางอีกมากมาย แต่ข้ารับปากว่าหลังจากอาทิตย์นี้ไปแล้ว ก็จะไม่ยุ่งมากมายขนาดนี้แล้ว ถึงตอนนั้นก็จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนหลิงยู่ได้!”
ฉินตงเฉี่วยพยักหน้าตกลง หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่วนฉินตงเฉี่วยก็พูดขึ้นว่า
“เอาล่ะหลิงหยุน.. ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งอาทิตย์ไปจัดการธุระปะปังของเจ้าให้เรียบร้อย หลังจากหนึ่งอาทิตย์ไปเป็นอันว่าหมดเวลาของเจ้าแล้ว!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มดีใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “หนึ่งอาทิตย์ก็พอแล้วล่ะ ไว้พี่จะกลับมาสอนเธอขับรถ ดีไม๊หลิงยู่?”
หนิงหลิงยู่รู้ดีว่าเธอไม่สามารถห้ามหลิงหยุนได้ เธอได้แต่กัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พี่ใหญ่.. พี่อยู่ข้างนอกระวังตัวด้วย อย่าให้ฉันกับน้าหญิงต้องเป็นห่วง..”
ฉินตงเฉี่วยได้ฟังถึงกับยิ้มออกมา เธอหันไปตบไหล่ของหลิงหยุนพร้อมกับร้องเตือนว่า
“ได้ยินหรือยังเจ้าเด็กดื้อ? เจ้าชอบไปทำตัวบ้าบออยู่นอกบ้าน ทำให้หลิงยู่ต้องคอยเป็นกังวลอยู่ทุกวัน จนไม่มีสมาธิกับการเรียน แล้วจะไม่ให้ข้าจัดการกับเจ้าได้ยังไง!?”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปอย่างเชื่อฟัง “ข้ารับปากกับน้าหญิงสองข้อ ข้อแรก – ข้าจะกลับมาทานข้าวที่บ้านทุกเย็น ข้อสอง – ข้าจะให้หลิงยู่ติดต่อข้าได้ตลอดเวลา นางจะได้ไม่ต้องคอยกังวล”
ฉินตงเฉี่วยนิ่งไปเมื่อรู้ว่าหลิงหยุนจะกลับมาทานข้าวเย็นทุกมื้อ เพราะนางยังติดใจในฝีมือการทำอาหารของหลิงหยุนอยู่ไม่น้อย จึงไม่ต้องการที่จะบีบบังคับพ่อครัวมากนัก
หลิงหยุนยังพูดต่อว่า “น้าหญิง.. คืนนี้ถ้าท่านฝึกกำลังภายใน ข้ารับรองว่าท่านต้องรู้สึกประหลาดใจอย่างแน่นอน!”
ทั้งน้ำลายมังกร โสมและสมุนไพรเหอโชวูหลายพันปีที่หลิงหยุนใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารคืนนี้นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกกำลังภายในต่างก็ใฝ่ฝันอยากได้ทั้งสิ้น และแน่นอนว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนของฉินตงเฉี่วยอย่างมากจนไม่อาจอธิบายได้เลยทีเดียว
ฉินตงเฉี่วยเองก็นับว่าเป็นผู้ที่คลั่งไคล้การฝึกกำลังภายในมากคนหนึ่ง และนางเองก็เป็นผู้ที่เดินลมปราณอยู่แทบจะตลอดเวลา ดังนั้นตอนนี้นางเองก็เริ่มสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว จึงได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้กับหลิงหยุน
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หลิงหยุนเริ่มกังวลและเป็นห่วงหลินเมิ่งหานว่าจะหิว จึงรีบลุกขึ้นและขอตัวไปข้างนอก
ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ต่างก็ลุกขึ้นและเดินไปส่งหลิงหยุนที่หน้าประตู ทั้งคู่ยืนมองจนรถแลนด์โรเวอร์ของหลิงหยุนลับสายตาไป หนิงหลิงยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ฉินตงเฉี่วยจจ้องหนิงหลิงยู่พร้อมกับครุ่นคิด และเมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้านแล้ว นางจึงถามขึ้นมายิ้มๆ “หลิงยู่.. เจ้าทนคิดถึงพี่ใหญ่ของเจ้าไม่ไหวงั้นรึ?”
ใบหน้าสวยงามของหนิงหลิงยู่แดงก่ำพร้อมกับรีบปฏิเสธ “ก็.. ก็พี่ใหญ่ไม่กลับบ้านทุกวันแบบนี้ ใครๆก็ต้องเป็นห่วง..”
ฉินตงเฉี่วยตอบกลับบไปว่า “เจ้าคงจะยังไม่เข้าใจโลกของพี่ใหญ่ คืนนี้น้าหญิงจะเล่าให้เจ้าฟัง แล้วเจ้าก็จะเข้าใจเอง!”
……………
อาหารหนึ่งมื้อใหญ่แลกกับอิสระหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แม้ว่าหลิงหยุนจะต้องกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านทุกวัน แต่เพียงแค่นี้เขาก็พอใจอย่างมากแล้ว หลิงหยุนเหยียบคันเร่งรถแลนด์โรเวอร์ออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิงหยุนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และพบว่ามีทั้งสายที่ไม่ได้รับ แล้วก็ข้อความมากมาย ซึ่งเป็นของหลินเมิ่งหาน เสี่ยวเม่ยหนิง กงเสี่ยวลู่ เหยาลู่ ถังเมิ่ง แล้วก็ตี้เสี่ยวอู๋ จนเขาอดที่จะนึกไม่ได้ว่า เพียงแค่ครู่เดียวมีคนอยากติดต่อเขามากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ
และแน่นอนว่าสายเรียกเข้าและข้อความของหลินเมิ่งหานนั้นเยอะที่สุด หลิงหยุนพอเข้าใจได้ เพราะจนป่านนี้หลิงหยุนยังไม่ถึงบ้าน และเธอก็รอเขามาแล้วตลอดทั้งบ่าย
หลิงหยุนรีบโทรกลับหาหลินเมิ่งหานทันที และขอให้เธอรอทานอาหารเย็นอยู่ที่บ้าน เขากำลังจะถึงอีกในไม่ช้า และนั่นทำให้เทพธิดาหลินพอใจอย่างมาก
ข้อความของเสี่ยวเม่ยหนิง กงเสี่ยวลู่ เหยาลู่ และฉางหลิง ล้วนเป็นข้อความรำพันเรื่องความรักและคิดถึง หลิงหยุนค่อยๆโทรกลับทีละคน แล้วคนสุดท้ายก็คือถังเมิ่ง
ถังเมิ่งเล่าให้ฟังอย่างดุเดือดว่า หลัวจ้งโดนควบคุมตัวแล้ว และดูเหมือนว่าข้อหาของเขาจะหนักหนากว่าที่คิดไว้มาก
หลิงหยุนได้ฟังก็นึกเหยียดหยันในใจ หลัวจ้งกล้ายุ่งกับเขาก่อน หากหลิงหยุนไม่คิดว่าหลัวจ้งเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการแล้วล่ะก็ เขาคงจะสับร่างของหลัวจ้งออกเป็นชิ้นๆ ไม่ปล่อยมาจนถึงตอนนี้แน่!
แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือเรื่องการกู้เงิน และนี่นับเป็นครั้งที่สองที่ถังเมิ่งเสนอให้เขาทำเรื่องกู้เงิน
ครั้งที่แล้วผ่านมาราวครึ่งเดือนได้ ถังเมิ่งเคยคุยเรื่องการกู้เงินกับเขา แต่ตอนนั้นเขาไม่ต้องการเสียดอกเบี้ย แต่ในเวลานี้สถานการณ์ต่างๆได้เปลี่ยนไปแล้ว
หลัวจ้งเองก็หมดอำนาจไปแล้ว ส่วนเสียเจิ้นติงถึงแม้จะยังไม่โดนข้อหาโดยตรง แต่ก็ต้องเจอข้อหาสมรู้ร่วมคิด และคงต้องวิ่งวุ่นหาทางปกป้องตัวเอง คงจะไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น
ส่วนหลี่ยี่เฟิงตอนนี้ก็ได้อำนาจกลับคืนมาแล้ว เรียกได้ว่าเมืองจิงฉูทั้งเมืองได้อยู่ในการควบคุมของเขาทั้งหมด ใหนยังจะได้ถังเทียนห่าวซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงมาร่วมมือด้วย จึงยิ่งมีอำนาจอิทธิพลมากกว่าเดิม
และแน่นอนว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ถังเทียนห่าวคงจะนั่งในตำแหน่งนี้ได้อีกนาน อีกทั้งถังเทียนห่าวและหลี่ยี่เฟิงล้วนเป็นฝ่ายเดียวกับหลิงหยุน
ทางด้านหัวหน้าแก๊งมังกรเขียนว – หลงคุน ก็ได้เอ่ยปากมอบแก๊งมังกรเขียวให้กับหลิงหยุน และจะแต่งตั้งให้ตี้เสี่ยวอู๋เป็นผู้ดูแลแทน
เช่นนี้แล้ว.. ไม่เท่ากับว่าทั้งด้านขาวและด้านดำ เรื่องถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในเมืองจิงฉู ล้วนอยู่ในกำมือของหลิงหยุนเช่นนั้นหรือ..? หลิงหยุนในตอนนี้จึงไม่ต่างจากผู้ยิ่งใหญ่ในจิงฉู!
หากถังเมิ่งทำธุรกิจภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลิงหยุนเชื่อว่าถังเมิ่งจะสามาราถใช้เส้นสาย และอำนาจอิทธิพลที่มีอยู่ไม่ให้ธุรกิจขาดทุนได้อย่างแน่นอน..
“นายต้องการทำเรื่องกู้เท่าไหร่?” หลิงหยุนถามขึ้น
ถังเมิ่งตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “ก็ไม่มาก.. ครั้งแรกนี้กู้สักหนึ่งร้อยล้านก่อน”
“ร้อยล้าน?!”
หลิงหยุนได้แต่อุทานออกมาอย่างตกใจพร้อมกับถามว่า “นี่นายจะเอาไปลงทุนทำอะไร ทำไมถึงได้มากมายแบบบนี้?”
ถังเมิ่งตอบกลับยิ้มๆ “พี่หยุน.. พี่ไม่ต้องห่วง ยังไงธุรกิจที่ฉันจะทำก็ต้องได้กำไรแน่นอน ฉันไม่อยากทำธุรกิจเล็กๆ!”
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นายจะทำธุรกิจอะไรฉันไม่สนใจ แต่จำไว้แค่สามคำก็พอ – ห้ามขาดทุน!”
ถังเมิ่งรีบตอบกลับทันที “พี่หยุน.. สบายใจได้ ไม่มี่คำว่าขาดทุนแน่นอน!”
หลิงหยุนถามต่อว่า “เงินร้อยล้านไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แล้วจะกู้ได้เหรอ?”
ถังเมิ่งตบหน้าอกพร้อมตอบกลับไปว่า “พี่หยุน.. ลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อของฉันเป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคง.. เงินหนึ่งร้อยล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย และเมื่อไหร่ที่เราส่งโปรเจ็คนี้ให้กับทางธนาคาร รับรองว่าอนุมัติแน่นอน!”
หลิงหยุนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของถังเมิ่ง พร้อมบอกไปว่าพรุ่งนี้พวกเขาทั้งคู่คงต้องหาเวลาพูดคุยกันถึงเรื่องแผนงานว่าจะทำอะไรยังไง จากนั้นหลิงหยุนก็วางสายไป..
จากอารมณ์ของถังเมิ่งในตอนนี้ เขาแทบจะรอพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันรุ่งขึ้นไม่ได้ แต่หลิงหยุนมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำในคืนนี้ และสำหรับหลิงหยุนการได้คุยเรื่องเงินทองกับถังเมิ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุด
หลังจากวางสาย.. หลิงหยุนก็รีบขับรถกลับเข้าไปในเมือง เพื่อนำอาหารใปให้กับหลินเมิ่งหานที่หมู่บ้านฝูฮัว