บทที่ 258 คู่ประลองของเฉาพั่วเถียน
เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการแข่งขันวิ่งขึ้นมาลากตัวหลินเป่ยเฉินลงไปจากเวทีโดยเร็ว
บรรดาคนดูที่นั่งอยู่ในหอประชุมต่างก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
พวกเขารู้สึกเหมือนหลินเป่ยเฉินเป็นเจ้าลูกชายที่ไม่ได้เรื่องแห่งชาติ ทำตัวดีได้ไม่เกิน 5 ลมหายใจ ก็กลับมาทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว
แต่เขามีความผิดถึงกับให้อภัยไม่ได้เชียวหรือ?
ไม่ใช่แน่นอน
จะอย่างไรหลินเป่ยเฉินก็ไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น
ส่วนการประลองหลังจากนั้น คังซานเสว่ ซูเสี่ยวหยาน โจวเค่อ โจวฉุยหวูซวงและเหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆ ก็สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้เช่นกัน
แน่นอนว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เยว่เว่ยหยางจัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างน่ากลัว
บรรยากาศของการแข่งขันขณะนี้ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นักบวชสาวแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา พลังลมปราณและกระบวนท่าในการต่อสู้ทั้งสวยงามและรุนแรง ทำให้กลุ่มคนดูต้องอ้าปากค้าง จิตใจกระเจิดกระเจิงด้วยความตกตะลึง
แม้แต่ไป๋ชินหยุนกับเยว่หงเซียงก็ยังอดส่งเสียงให้กำลังใจเยว่เว่ยหยางไม่ได้
นี่คือการต่อสู้ที่เพียงได้ดูก็ช่วยมอบประสบการณ์ล้ำค่า ถึงคนดูส่วนใหญ่จะไม่สามารถเรียนรู้อะไรจากนักบวชสาวได้เลย แต่การได้รับชมเยว่เว่ยหยางแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคงไม่มีทางลืมเลือนไปตลอดชีวิต
แต่สำหรับลูกศิษย์จากสถานศึกษาต่างๆ เช่นพวกของไป๋ชินหยุนไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มคนดูทั่วไป
เพราะพวกนางหวังที่จะได้เรียนรู้จากการรับชมการต่อสู้ครั้งนี้
ต่อให้เป็นบรรดาลูกศิษย์ที่ไม่สามารถซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันได้ พวกเขาก็ยังเฝ้าหน้าจอถ่ายทอดสดด้วยความกระตือรือร้น
เสียงเชียร์ยังคงดำเนินต่อไป
ไป๋ชินหยุนร้องอุทานออกมาเหมือนได้พบเข้ากับโลกใบใหม่
เด็กสาวร่างเล็กยังคงตะโกนให้กำลังใจอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งฮันปู้ฟู่เดินขึ้นมาบนเวที
แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ชินหยุนก็หายวับ
แม้แต่เยว่หงเซียงก็ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หลิวฉีไห่กับฉู่เหินซึ่งเป็นตัวแทนคณะอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม รู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
ไม่มีใครคิดเลยว่าการประกบคู่จะมาลงเอยเช่นนี้
เพราะว่าคู่ต่อสู้ของฮันปู้ฟู่ก็คือเฉาพั่วเถียน
เสียงเชียร์กลับมากระหึ่มหอประชุมอีกครั้ง
ในห้องแต่งตัว หลินเป่ยเฉินเมื่อเห็นว่าศิษย์พี่ของตนเองต้องเผชิญหน้ากับผู้ใด เขาก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้
จากความแค้นในอดีตที่เขามีกับเฉาพั่วเถียน เด็กหนุ่มมั่นใจว่ามือกระบี่อัจฉริยะจากเมืองไป๋หยุน จะต้องเอาความแค้นทั้งหมดไปลงกับฮันปู้ฟู่แน่นอน
พลัน หลินเป่ยเฉินอยากจะเดินออกไปจากห้องแต่งตัวและบอกให้ฮันปู้ฟู่ยอมแพ้โดยที่ไม่ต้องเริ่มการต่อสู้
แต่ในจังหวะที่กำลังจะลุกขึ้นยืน หลินเป่ยเฉินกลับหยุดชะงัก
ที่นี่คือที่ไหน?
ที่นี่คือการแข่งขันค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมือง
สถานที่ตามล่าความฝันของมือกระบี่รุ่นเยาว์จำนวนมาก
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว ว่าคู่ต่อสู้ของตนเองคงไม่ยินยอมให้ชนะโดยง่าย และถ้ายอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เริ่มการต่อสู้ บุคคลผู้นั้นก็จะกลายเป็นตราบาปของการแข่งขันโดยทันที
หลินเป่ยเฉินจึงรู้แล้วว่าถ้าเขาบอกให้ฮันปู้ฟู่ยอมแพ้ มันก็มีแต่จะทำให้ศิษย์พี่ฮันต้องขายหน้ามากกว่าเดิม
เด็กหนุ่มจึงพยายามสงบจิตใจ
และนั่งลงเฝ้าดูการถ่ายทอดสดผ่านทางหน้าจออีกครั้ง
บนเวทีประลอง
“ฮ่าฮ่า ฮันปู้ฟู่ คิดไม่ถึงเลยนะว่าคู่ประลองของข้าจะเป็นเจ้า ช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน”
เฉาพั่วเถียนยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข
ฮันปู้ฟู่นิ่งเงียบไม่ตอบคำ
ตั้งแต่ลมหายใจแรกที่เห็นเฉาพั่วเถียนเดินออกมาจากอุโมงค์ ฮันปู้ฟู่ก็รับทราบแล้วว่าเส้นทางการแข่งขันของเขาในครั้งนี้ต้องจบลงแล้ว
แต่ที่สำคัญก็คือ เฉาพั่วเถียนไม่เคยออมมือให้คู่ต่อสู้ที่เป็นบุรุษ
ยิ่งพยายามดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็จะได้รับบาดเจ็บมากเท่านั้น
แต่ฮันปู้ฟู่ไม่มีทางยอมแพ้โดยง่ายเด็ดขาด
ยิ่งเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มันก็ยิ่งน่าตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
นี่คือบุคลิกและจิตใจของการเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง
“เฉาพั่วเถียน ต้องรบกวนแล้ว”
ฮันปู้ฟู่เดินมายืนประสานมือทำความเคารพอยู่กลางเวที
จากนั้นเขาก็ชักกระบี่ออกมาจากฝัก
กระบี่ของเขามีขนาดยาวใหญ่ เมื่อโคจรพลังลมปราณใส่ลงไปแล้ว มันก็เป็นแสงสว่างสีเหลืองอร่าม และถ้าฮันปู้ฟู่ใช้วิชากระบี่ตัดภูผา มันก็จะเป็นการโจมตีที่น่ากลัวไม่น้อย
เฉาพั่วเถียนยังไม่ได้ชักกระบี่ของตนเอง
เขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพื่อนสนิทกับหลินเป่ยเฉิน และข้าก็แน่ใจว่าหมอนั่นคงรับชมการถ่ายทอดสดอยู่แน่นอน ฮันปู้ฟู่ เจ้าคิดหรือไม่ว่าเขากำลังเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน? แล้วเจ้ามีความมั่นใจมากแค่ไหนว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้?”
ฮันปู้ฟู่นิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถาม
เขาขยับกระบี่ เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี
เงียบงัน
เฉาพั่วเถียนส่ายศีรษะ “อย่าคิดเลยว่าการที่เจ้าสามารถเอาชนะหลิงเฉินเข้ารอบมาได้ มันจะทำให้เจ้ารอดพ้นความพ่ายแพ้ไปได้อีก ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้ในกระบวนท่าเดียว คอยดูให้ดีก็แล้วกัน!”
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มผมทองก็ถลันกายเข้ามาประชิดตัวฮันปู้ฟู่
เขายังคงไม่ได้ชักกระบี่ แต่กลับปล่อยหมัดออกมาข้างหน้า
มวลอากาศปั่นป่วน
พลังลมปราณสีทองคำห่อหุ้มกำปั้นของเขาที่มีน้ำหนักเหมือนค้อนเหล็ก
ฮันปู้ฟู่สูดหายใจลึกและกระทืบเท้าลงไปบนพื้นเวที เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย แล้วม่านพลังธาตุดินก็ปรากฏขึ้นมากำบังร่างกายของเขาเอาไว้เหมือนเป็นโล่ขนาดใหญ่
เปรี้ยง!
หมัดทองคำปะทะเข้ากับม่านพลัง
พลังลมปราณกระจายตัวไปรอบบริเวณ
คลื่นพลังสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ฮันปู้ฟู่มีสภาพเหมือนยืนอยู่กลางพายุหมุน รอบๆ ร่างกายของเขามีมวลพลังวิ่งวนปั่นป่วนโกลาหล
มือที่ถือกระบี่ของฮันปู้ฟู่มีเส้นเลือดขึ้นปูดโปน ในเวลาเดียวกันนั้น ก็เริ่มมีหยดเลือดสาดกระเซ็นออกมาจากผิวหนังของเขาบ้างแล้ว
ฮันปู้ฟู่รู้สึกได้ถึงพลังกดดันหนักหน่วงรุนแรงที่ถาโถมเข้ามาจากรอบทิศทาง
เขากัดริมฝีปากด้วยความตึงเครียด โคจรพลังลมปราณในร่างกายเพื่อสร้างกระบวนท่าตั้งรับ
“หึหึ…ฝีมือของเจ้ายังอ่อนหัดอยู่มากนัก”
เฉาพั่วเถียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะซัดกำปั้นใส่คู่ต่อสู้รัวๆ
“อะเฮื้อก…ฟู่!”
ฮันปู้ฟู่ทนไม่ไหวอีกแล้ว เขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ตัวคนลอยกระเด็นไปข้างหลังเหมือนกระสอบป่านเก่าขาดใบหนึ่ง
เฉาพั่วเถียนค่อยๆ ลดมือของตนเองลง
“อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้ามันช่างอ่อนแอเหลือเกิน”
เฉาพั่วเถียนยืนมองฮันปู้ฟู่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยสภาพที่มีเลือดเต็มตัว “ดูสภาพของเจ้าสิ นี่น่ะหรือศิษย์อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถานศึกษากระบี่ที่สาม? เจ้าได้ตำแหน่งนั้นมาได้อย่างไร ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน”
ฮันปู้ฟู่ยังไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
เขาสูดหายใจลึก รู้สึกได้เลยว่าพลังลมปราณในร่างกายหายไปถึง 30 ส่วนจากการถูกโจมตีเมื่อสักครู่นี้ แขนของเขาน่าจะกระดูกหัก ทำให้ยกกระบี่ไม่ค่อยขึ้นแล้ว
“ผู้ที่เป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถานศึกษากระบี่ที่สาม คือหลินเป่ยเฉินต่างหาก”
ฮันปู้ฟู่พูดออกมาในที่สุด
“แหม น่าสงสารเจ้าเหลือเกิน แม้แต่ศิษย์รุ่นน้องก็ข้ามหัวเจ้าไปแล้ว…และเจ้ายังไม่รู้สึกอันใดอีกหรือ?” เฉาพั่วเถียนยิ้มกว้าง กล่าวต่อ “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก ยอมแพ้ไปซะ ถ้าหลินเป่ยเฉินหวังจะใช้เจ้ามาตัดกำลังข้า ก็บอกไว้เสียตรงนี้เลยว่าพวกเจ้ากำลังฝันกลางวัน”
ฮันปู้ฟู่ส่ายหน้า พูดเน้นเสียงทีละคำ “ข้ายังไม่แพ้สักหน่อย”
เฉาพั่วเถียนพูดเหยียดหยาม “หากเจ้ายังไม่ยอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าข้าลงมือโจมตีอีกที เจ้าคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตด้วยซ้ำ”
ฮันปู้ฟู่ส่ายหน้าปฏิเสธและไม่พูดอะไร
เขารวบรวมพลังลมปราณในร่างกาย และตั้งกระบวนท่าเตรียมใช้วิชากระบี่ตัดภูผาออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าฮันปู้ฟู่ยังคิดที่จะต่อสู้ ไม่ได้อยากยอมแพ้ตามคำสั่งของเฉาพั่วเถียน
เด็กหนุ่มผมทองหัวเราะในลำคอ “ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสเจ้าแล้วนะ แต่ในเมื่อเจ้าเลือกเอง ก็ช่วยไม่ได้…”
เขายิ้มมุมปากอีกครั้งและกระโดดเข้าไปประชิดตัวฮันปู้ฟู่
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังนั่งดูการแข่งขันในห้องแต่งตัวด้วยความลุ้นระทึก
ฮันปู้ฟู่โง่เขลาเกินไป
เฉาพั่วเถียนเจตนายั่วยุฮันปู้ฟู่ให้สู้ต่อโดยเหยียดหยามว่าเขาเป็นได้เพียงตัวตัดกำลังของตนเองเท่านั้น และการที่ศิษย์พี่ฮันจับกระบี่กัดฟันสู้ต่อไป ก็เท่ากับว่าเดินลงไปสู่กับดักของเฉาพั่วเถียนเข้าให้แล้ว
หลังจากนั้น ฮันปู้ฟู่ก็เริ่มลงมือโจมตีด้วยความรุนแรง
แต่ทว่า…
เขากลับเป็นฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องเสียเอง