แดนนิรมิตเทพ บทที่ 401
“ปรมาจารย์อันดับหนึ่ง?” เฉินโม่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ปรมาจารย์อันดับหนึ่งในตอนนี้คือหยางติ่งเทียนแห่งยานจิงไม่ใช่หรอ?”

ท่านจินอธิบายว่า “สามสิบปีก่อน หนานกงหยู่เข่นฆ่าสังหารปรมาจารย์ปีศาจเลือดฉิวเทียนฟ่างแห่งโม่เป่ย ในตอนนั้นฉิวเทียนฟ่างออกจากโม่เป่ยเข้าสู่จงหยวน แล้วเข้าประจันการต่อสู้ไปทั่ว และเอาชนะปรมาจารย์ผู้ติดอันดับปรมาจารย์ยี่สิบคนแรกติดต่อกันถึงสามคน เนื่องจากการปรากฏตัวของฉิวเทียนฟ่าง หอเทียนจีจึงได้ทำการแก้ไขรายชื่อผู้ติดอันดับปรมาจารย์ใหม่ และเขาได้อยู่ในอันดับที่สอง”

“ส่วนหนานกงหยู่เป็นคนที่ฆ่าฉิวเทียนฟ่าง จึงได้ถูกรับการยอมรับว่าเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งในตอนนั้น แต่ในเวลานี้เอง หนานเทียนหยู่ก็ได้ประกาศเก็บตัวปลีกวิเวก มีคนลือว่าเขารีบถอนตัวเพื่อทำการเตรียมตัวสู่การเข้าสู่แดนเทพ และก็มีคนลือกันอีกว่าเป็นเพราะการต่อสู้กับปีศาจเลือดฉิวเทียนฟ่างแล้วบาดเจ็บสาหัส จึงได้ปลีกวิเวกรักษาตัว”

“ส่วนความจริงเป็นยังไงนั้น ไม่มีผู้ใดรู้ ส่วนหยางติ่งเทียนในตอนนั้น คงอาจจะยังเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่ง”

เฉินโม่พยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว หนานกงหยู่และหยางติ่งเทียนไม่ใช่คนในยุคสมัยเดียวกัน ก็หมายความว่าทั้งสองไม่เคยประลองต่อสู้กันมาก่อน ในตอนที่หยางติ่งเทียนขึ้นเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่ง หนานกงหยู่ก็ได้ถอนตัวออกไปแล้วสินะ”

ท่านจินพยักหน้า “ใช่แล้วครับ ในโลกฝึกบู๊ต่างก็เคยนำเอาทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน บางคนก็คิดว่าหนานกงหยู่เก่งกว่า แต่ก็มีบางคนคิดว่าหยางติ่งเทียนแข็งแกร่งกว่า เพราะยังไงซะในตอนนั้นที่ปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งทั้งห้าของต่างแดนเข้าโจมตีหัวเซี่ย โจมตีทำเอาโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ยเศร้าอาลัยกันไปหมด แต่หยางติ่งเทียนคนเดียวเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ทั้งห้าของต่างแดน ทำพ่ายแพ้ไปสี่คน ฆ่าไปหนึ่งคน สงครามในครั้งนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าของหนานกงหยู่ในตอนนั้นเลยสักนิด”

“เป็นเพราะมีหยางติ่งเทียนประทับอยู่ที่ยานจิง ผู้มีอำนาจต่างๆ รวมทั้งนักบู๊ต่างชาติ จึงไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับจิ่วโจว”

ในแววตาของเฉินมีความสงสัยปรากฏขึ้น “เมื่อฟังคุณพูดอย่างนี้แล้ว ผมก็ชักอยากจะเจอกับเทพสงครามแห่งยานจิงคนนี้แล้วสิ”

เมื่อเห็นว่าเฉินโม่ดูไม่ค่อยสนใจหนานกงหยู่เท่าไหร่นัก ท่านจินมองดูเฉินโม่ แววตาซับซ้อน “หนานกงหยู่ได้ขึ้นเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อนแล้ว และเมื่อผ่านการปลีกวิเวกฝึกฝนมานานถึงสามสิบปี อาจจะได้เลื่อนขึ้นถึงขั้นแดนเทพในตำนานแล้วก็ได้! เฉินไต้ซือ คุณอย่าได้ประมาทศัตรูเด็ดขาดเลยนะครับ”

เฉินโม่ก็ยังไม่สนใจคำเตือนของท่านจินเหมือนเดิม แต่กลับมองไปที่ท่านจินอย่างสงสัย แล้วถามว่า “ท่านจินครับ ผมมีคำถามอย่างหนึ่ง ว่าแดนเทพของโลกฝึกบู๊ คืออะไรยังไงกันแน่ครับ?”

ในแววตาของคุณท่านจินมีความหวาดกลัวปรากฏขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เกี่ยวกับแดนเทพ ผมก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งแดนเทพในตำนานไม่เคยมีปรากฏตัวออกมานานกว่าร้อยปีแล้ว มีข่าวลือว่าเป็นเพราะสงครามโลกครั้งที่สองทำลายพลังชี่ทิพย์บนโลก ดังนั้นพวกนักบู๊จึงทำได้แค่หยุดยื้ออยู่ในระดับปรมาจารย์เท่านั้น ไม่สามารถก้าวสู่แดนเทพ”

“แต่ผมคิดว่าถึงแม้ข่าวลือนี้จะมีมูล แต่ก็ไม่สามารถถือเป็นความจริงได้ ส่วนที่ในร้อยปีนี้ไม่เคยมีแดนเทพมาปรากฏตัว ก็คงเป็นเพราะวิชาการฝึกฝนและปัญหาเรื่องคุณสมบัติของตนเองครับ”

“แต่เมื่อได้เข้าสู่แดนเทพในตำนานแล้ว ได้ยินว่าจะไม่ใช่ชีวิตธรรมดาอีกต่อไป จะมีอายุยืนยาวถึงสองร้อยปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ส่วนพลังก็ยิ่งไม่อาจคาดคิดได้ ได้ยินว่ายังสามารถโบยบินในอากาศเป็นระยะเวลาสั้นๆได้อีกด้วย นักบู๊แดนเทพท่านหนึ่ง สามารถเอาชนะปรมาจารย์นักบู๊ของทุกแดนได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าเรื่องพวกนี้ผมแค่ได้ยินตามที่ลือกันมาเท่านั้น แต่ไม่เคยได้เห็นนักบู๊แดนเทพแสดงพลังด้วยตาตัวเองมาก่อน”

“ใช่สิ นักบู๊แดนเทพยังมีฉายาอีกอย่างหนึ่งครับ นามว่านักบู๊พรสวรรค์!”

เฉินโม่ใจกระตุก ตะลึงเล็กน้อย “นักบู๊พรสวรรค์!”

แต่แล้ว เฉินโม่ก็ส่ายหัว “ไม่ น่าจะเป็นไปไม่ได้ สิ่งมีชีวิตพรสวรรค์อยู่ระหว่างชั้นเก้าแดนรวมพลังและแดนยาทอง ปรมาจารย์นักบู๊ที่ว่าในดาวไกอา อย่างมากก็เทียบได้แค่ผู้บำเพ็ญเซียนชั้นสี่แดนรวมพลังเท่านั้น”