ตอนที่ 230 เมื่อความตายมาเยือน

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 230 เมื่อความตายมาเยือน

ปัง!

ประตูถูกปิดลงโดยสาวใช้หน้าประตู ส่วนสาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็วิ่งเข้าไปในห้อง และหยิบชุดเครื่องมือออกมา เมื่อซูหวานหว่านเหลือบมองก็ต้องขมวดคิ้ว

ข้างในมีเข็มเงินและมีดที่มีขนาดความยาวแตกต่างกัน อีกทั้งยังมีเลือดติดอยู่ นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉียวหน่วนอวี้นั้นทุบตีทารุณคน!

ซูหวานหว่านหลับตาลงพยายามข่มอารมณ์ นางมองดูข้อนิ้วเรียวของเฉียวหน่วนอวี้และพูดอย่างออกมาเย็นชาว่า “ข้าดูก็รู้แล้วว่ามือของเจ้านั้นบอบบาง หากเจ้าอยากจะหยิกข้าก็หยิกได้เลย แต่เมื่อข้านับถึงสามเมื่อไร เจ้าควรปล่อยมือข้าเสียดีกว่า!”

ว่าอย่างไรนะ กล้าขู่นางอย่างงั้นเหรอ! เฉียวหน่วนอวี้รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาทันที และเพิ่มแรงบีบเข้าไปแรงขึ้น “เอาล่ะเจ้าลูกหมา! เจ้าก็แค่ทำอาหารเป็นอยู่ไม่กี่จาน แล้วเจ้าก็พยายามเอาใจแม่ของข้า ทำให้นางชอบในตัวของเจ้า มันก็เท่านั้น!”

เมื่อพูดจบนางปล่อยมือ และหยิบมีดขึ้นมาพร้อมชี้ไปที่ซูหวานหว่าน “กล้าดีอย่างไรมาบอกว่าตัวเองสวย? เจ้าเห็นรูปโฉมของข้าแล้วไม่ใช่หรือไง เหตุใดถึงยังมั่นใจในตัวเองขนาดนี้!”

“ท่านเองก็เป็นคนหลงตัวเองอยู่ไม่น้อยนะ ในเมืองหลวงแห่งนี้มีหมออยู่มากมาย ทำไมถึงไม่ตามหมอมาตรวจดูตาของท่านล่ะ หากไม่ใช่เพราะตาของท่านมีปัญหา ข้าคงคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าทำไมท่านถึงหลงตัวเองได้มากขนาดนี้” ซูหวานหว่านรู้สึกตัวเองน่าจะเข้าใจเป่ยฉวนเฟิงหลิวผิดไป แม้เป่ยฉวนเฟิงหลิวจะเป็นคนหลงตัวเอง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเฉียวหน่วนอวี้แล้วนางดูเกินไปมาก!

ซูหวานหว่านบอกนางว่าเป็นคนหลงตัวเองอย่างงั้นเหรอ เฉียวหน่วนอวี้กระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความโกรธ ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าหลงตัวเองหมายถึงอะไร แต่นางก็รู้สึกได้ว่านางกำลังโดนดูถูก หญิงสาวจ้องไปที่ซูหวานหว่านด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างขุ่นเคือง ทั้งโกรธและเกลียด พร้อมกับถือมีดพุ่งเข้าไปหาใบหน้าของซูหวานหว่านอย่างรวดเร็ว!

“ข้าจะฉีกปากเน่า ๆ ของเจ้า! คราวหน้าจะได้ไม่กล้าพูดจาไร้สาระเช่นนี้อีก!” เฉียวหน่วนอวี้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่โกรธจัด

ซูหวานหว่านมองไปที่เฉียวหน่วนอวี้ด้วยสายตานิ่งเฉย เมื่อเห็นมีดสั้นกำลังจะพุ่งตรงเข้ามาที่ใบหน้าของตัวเอง นางพลันใช้พลังลมปราณสร้างเกาะป้องกันโปร่งใสขึ้นมาในอากาศเพื่อต่อต้านเฉียวหน่วนอวี้ อีกฝ่ายเลยหันไปจ้องมองสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อทำอะไรกันอยู่! รีบเข้ามาช่วยข้าเร็ว ๆ สิ!”

ทันทีที่พูดจบ คนใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รีบเดินเข้าไปหาซูหวานหว่านจากอีกทางเพื่อไปจับตัวนางเอาไว้ ทว่าซูหวานหว่านเพียงเหลือบมองสาวใช้ทั้งสองคนนิ่ง ๆ และสร้างเกราะปกป้องสีใสขึ้นมารอบตัวนาง เพื่อไม่ให้คนใช้ทั้งสองคนเข้ามาทำร้ายนางได้ ซูหวานหว่านยืนดูเหล่าคนใช้ที่อยากจะเข้ามาจับตัวนางแต่ก็เข้ามาไม่ได้ เมื่อนางเห็นแบบนี้ก็เหมือนว่าตัวเองกำลังดูละครตลกอยู่อย่างไรอย่างงั้น

ถึงแม้ว่านางจะมีวรยุทธ์ แต่นางก็ไม่สามารถแสดงออกให้เห็นได้มาก ไม่เช่นนั้นจะเป็นจุดสงสัยเอาได้ ซูหวานหว่านขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจะถอนพลังปราณกลับ เมื่อไม่มีแรงอะไรต้านจึงส่งผลให้เฉียวหน่วนอวี้พลาดท่า เสียหลักพุ่งเข้าหาคนใช้ทั้งสองคนที่เสียหลักเช่นกันจนมีดในมือแทงเข้าหน้าของคนใช้จนเกิดเป็นแผลขนาดใหญ่

ส่วนซูหวานหว่านก็ได้กระโดดหนีพวกเขาไปด้านข้างตั้งนานแล้ว เพื่อดูทั้งสามคนนั้นวิ่งมาชนกันเอง!

“คุณหนูใหญ่เก่งมากเลย! ช่างรวดเร็ว แม่นยำ และโหดเหี้ยมจริงๆ!” ซูหวานหว่านก็พูดชื่นชมและปรบมือให้ “ไม่เลว ไม่เลว!”

“เจ้า!” เฉียวหน่วนอวี้รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก นางลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หากแต่สาวใช้ที่อยู่นอกประตูกลับตะโกนออกมาว่า “คุณหนู! นายท่านกำลังมาเจ้าค่ะ!”

“อะไรนะ?” นางไม่ยอมให้ท่านพ่อมาเห็นนางในสภาพแบบนี้แน่! เฉียวหน่วนอวี้ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วนางก็พูดออกมาทันทีว่า “มาล้างเนื้อล้างตัวให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าค่ะ” เหล่าคนใช้เข้ามาช่วยนางทำความสะอาดร่างกาย คนหนึ่งก็คอยทำความสะอาดอาหารบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเอง ซูหวานหว่านเลยหมุนตัวเตรียมเดินออกไป แต่จู่ ๆ ก็ถูกเฉียวหน่วนอวี้ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องประทินโฉมเข้ามาขวางเอาไว้ “นางเป็นคนทำอาหารให้ข้ากิน! แต่เจ้าวางยาพิษข้า! ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า! แต่เจ้ากลับอยากจะฆ่าข้า! เจ้ามันช่างโหดเหี้ยม!”

ไม่สามารถฆ่านางได้เลยพยายามใส่ร้ายนางอย่างงั้นเหรอ? คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียวนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ จนกว่านางจะบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองนั้นได้ตั้งเอาไว้จริง ๆ!

ซูหวานหว่านมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา และกำลังจะตอบโต้กลับ แต่จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดสง่างามก้าวเข้ามา มองดูเศษซากอาหารที่อยู่บนพื้น แล้วจ้องไปที่ซูหวานหว่านพร้อมพูดว่า “ลูกสาวของข้า นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?”

เฉียวหน่วนอวี้ก็ชี้ไปที่ซูหวานหว่านและกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบา ๆ แสร้งบีบน้ำตาออกมาอย่างไร้เดียงสา “ท่านพ่อเจ้าคะ นี่คือแม่ครัวที่ท่านแม่เพิ่งจ้างมาในวันนี้ ท่านแม่บอกว่านางมีฝีมือ เลยพาตัวนางมาเพื่อที่จะทำอาหารพิเศษให้ข้ากิน แต่ใครจะไปรู้ว่า… ไม่เพียงนางจะไม่เคารพข้า กลับยังแอบวางยาพิษข้าอีก! ท่านพ่อข้ากลัวมาก ทว่าข้าไม่อยากที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงนับว่าโชคดีที่ท่านพ่อมาได้ทันเวลา!”

เฉียวหน่วนอวี้แสดงได้ดีมาก! ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะเย้ยและปรบมือเสียงดัง “คุณหนูใหญ่ท่านไม่เลวเลยนะ! ทำตัวเองให้ดูน่าสงสารไร้เดียงสา จะได้เป็นที่โปรดปราน ดู ๆ ไปแล้วไม่เลวเลยจริง ๆ! ข้าได้บทเรียนจากท่านเยอะมากจริง ๆ!”

“เจ้าเป็นแค่แม่ครัว! กล้าดีอย่างไรมาพูดแบบนี้?” นายท่านเฉียวเลิกคิ้วขึ้น จ้องมองไปที่ดวงตาของซูหวานหว่าน

หากนางทำอาหารให้กับคนอื่นกิน แล้วต้องมาทนทุกข์กับความรู้สึกอะไรแบบนี้.. สู้ไม่ทำดีกว่า! อีกอย่างนางก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินอะไร! เหตุใดจะต้องทนทุกข์กับเรื่องแบบนี้ด้วย นางจะลาออก ซูหวานหว่านยกมือแล้วพูดออกมาว่า “ก่อนอื่น ข้าไม่ใช่คนรับใช้ของนาง และถูกจ้างมาทำอาหารเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ให้มาคอยรับใช้ใคร และประการที่สองข้ามีแซ่และชื่อ จะเรียกแทนตัวเองว่าอย่างไรแล้วมันจะทำไม หากไม่ชอบข้าก็จะออกไป เพราะข้าเองก็ไม่อยากทำอาหารให้บ้านของเจ้านักหรอก”

หลังจากพูดจบ ซูหวานหว่านก็เดินจากไป

“ท่านพ่อ! ดูนางสิ!” เฉียวหน่วนอวี้ตะโกนไล่หลังซูหวานหว่านแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง “ท่านพ่อ! ท่านจะปล่อยนางไปไม่ได้! นางพยายามจะวางยาพิษลูกสาวของท่าน จะปล่อยไปง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน!”

“ใครก็ได้!” นายท่านเฉียวขมวดคิ้วและชี้ไปที่ซูหวานหว่าน ปากพูดออกมาว่า “ไปจับตัวนางมา! ข้อหาพยายามฆ่าคู่หมั้นขององค์ชายสาม จงจับตัวของนางไปส่งที่ศาลาว่าการ! นำเงินติดตัวไปด้วยหนึ่งร้อยตำลึง สั่งให้ทางการตัดหัวนางซะแล้วนำออกมาตั้งประจานสู่สายตาประชาชน ข้าจะดูสิว่าใครจะกล้ามารังแกลูกสาวของข้าอีก!”

ทันทีที่คำพูดนั้นจบ เหล่าคนรับใช้ก็รีบวิ่งไปจับตัวนางทันที ซูหวานหว่านจึงเอ่ยเยาะเย้ยออกมาว่า “ข้ารังแกนางอย่างงั้นเหรอ ข้าเป็นคนวางยาพิษนางอย่างงั้นเหรอ เช่นนั้นข้าขอแนะนำให้แก่พวกเจ้าว่าพวกเจ้าควรที่จะไปหาหมอตาเสีย เพื่อจะดูว่าตาของตนนั้นมีปัญหาหรือไม่ ถึงไม่รู้ว่าตอนที่ตัวเองไม่อยู่ด้วยนางทำตัวอย่างไร?”

“นางยังเฉไฉอยู่อีก!” เฉียวหน่วนอวี้ร้องออกมา นางขยิบตาให้สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วเดินไปหยิบเข็มเงินที่ซ่อนเอาไว้ ทำเป็นเดินไปค้นตัวของซูหวานหว่าน และหยิบเข็มเงินออกมาจากตัวของนาง เฉียวหน่วนอวี้พูดมาออกทันทีว่า “ตอนนี้เจ้ายังจะแก้ตัวอะไรอีก!”

“กำกับการแสดงด้วยตนเองแบบนี้คงน่าสนใจมากสินะ?” ซูหวานหว่านปรบมือขึ้นอีกครั้ง และพูดชมเชยออกมาว่า “คุณหนูใหญ่แห่งสกุลเฉียวมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ในอนาคตนางคงสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงอย่างการเป็นนางสนมองค์ชายสามได้ดี นั่นก็เพราะว่านางสนมคนอื่น ๆ ทั้งหมดคงจะถูกนางฆ่าตายเสียจนหมด พวกนางจะมาแข่งขันแย่งชิงที่นั่งตำแหน่งพระชายาขององค์ชายสามกับเจ้าได้อย่างไรกันจริงไหม?”

ในขณะที่ความตายเข้ามาเยือน ซูหวานหว่านไม่มีท่าทางที่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด! ตรงกันข้ามยังกล้าที่จะมาพูดเสียดสีนางอย่างใจเย็นอีก! เฉียวหน่วนอวี้คิดขึ้นภายในใจว่านางจะต้องฆ่าซูหวานหว่าน หากนางไม่ฆ่าซูหวานหว่าน ต่อไปในอนาคตซูหวานหว่านอาจจะกลายเป็นศัตรูของนางก็ได้!

เฉียวหน่วนอวี้ที่คิดดังนั้นพลันร้องไห้ออกมา “ท่านพ่อ! นางกำลังดูหมิ่นลูกสาวของท่าน ถ้าไม่ลงโทษนางต่อไปคนใช้คนอื่น ๆ คงกำเริบเสิบสานกับพวกเราแน่ ๆ!”

เมื่อนายท่านเฉียวได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้สึกปวดใจมาก “พวกเจ้ามัวยืนนิ่งทำอะไรกันอยู่! ลากนางออกไปซะ!”

“ขอรับ!”

แต่ทันใดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “เฉียวฝู! ห้ามใครแตะต้องนาง!”

ทุกคนต่างตกใจ ใครกันที่เป็นเจ้าของเสียง อีกทั้งยังตะโกนเรียกชื่อจริงนายท่านเฉียวออกมาเช่นนี้อีก!