ตอนที่ 231 ท่านอาจารย์ผู้ยอดเยี่ยม

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 231 ท่านอาจารย์ผู้ยอดเยี่ยม

เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบกับชายชราผู้หนึ่งสวมใส่อาภรณ์สีน้ำตาล ภายในมือของเขาถือกล่องไม้เล็ก ๆ เอาไว้ เส้นผมสีดำแซมขาว ไว้เคราแพะ หากแต่ดูสะอาดตาราวกับเด็กน้อย

ชายชราผู้นี้คือ?

ทุกคนพยายามขบคิด แต่ก็ไม่เคยเจอเขามาก่อน ทว่าเมื่อเห็นชายชราสวมชุดคลุมยาวซึ่งทำมาจากผ้ากระสอบที่ไม่เหมือนกับคนมั่งมีในเมืองแห่งนี้ใส่ จึงคิดว่าเขาเป็นเพียงชายชราธรรดาคนหนึ่งเท่านั้น คนใช้คนหนึ่งที่คิดประจบสอพลอนายท่านเฉียวผู้นั้นเลยตะโกนออกมาทันทีว่า “เจ้าแอบเข้ามาได้อย่างไรกัน ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะเข้ามาขอทานได้ตามใจ ไสหัวออกไปซะ!”

ใบหน้าของชายชราพลันเปลี่ยนสี หากแต่ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างคิดว่าสิ่งที่เขาพูดมานั่นถูกต้อง และพากันพูดสนับสนุนว่า “ใช่แล้ว! นี่เป็นเรือนของตระกูลเฉียว หินที่อยู่บนพื้นล้วนถูกส่งมาจากเจียงหนาน หนึ่งแผ่นใหญ่มีราคาหนึ่งตำลึง! เจ้าจ่ายไหวอย่างงั้นรึ?”

“รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”

“…”

ในที่สุดชายชราก็ทนไม่ไหว เขาก้าวเท้าเดินเข้ามาด้วยความโกรธ และปากล่องไม้ใส่นายท่านเฉียวอย่างรวดเร็วจนเขาหลบไม่ทัน

“เฉียวฝู! นี่คือคนใช้ของบ้านเจ้าอย่างงั้นรึ?” ชายชราเอ่ยถามพลางมองหาเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วนั่งลงทันที “ดูสิ่งของที่อยู่บนพื้นเสีย รกรุงรังไปหมด แล้วไหนจะเหล่าคนใช้พวกนี้สิมีแต่พวกเลวร้าย ไร้ซึ่งความจริงใจ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ทุกคนต่างตกตะลึง

บุคคลคนผู้นี้เป็นใครกันแน่ และเขากล้าตำหนินายท่านเฉียวแบบนี้ได้อย่างไรกัน!

หากแต่ใบหน้าของนายท่านเฉียวกลับยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

นายท่านเฉียวหยิบกล่องไม้ขึ้นมาส่งคืนให้ชายชรา แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ฮวงอวี๋อีในที่สุดเจ้าก็มาจนได้ ข้ารอเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว ปกติแล้วเรื่องคนรับใช้ภายในบ้านไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของข้า เพราะข้าค่อนข้างยุ่งกับงานข้างนอก!”

ว่าอย่างไรนะ เขาคนนี้คือฮวงอวี๋อี!

ทุกคนอ้าปากค้างตกละลึง มองไปที่ฮวงอวี๋อีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ท่าทางของเขานั้นไม่เหมือนหมอหลวงในวังเลยแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นคนรับใช้คนหนึ่งก็เอ่ยมาด้วยร่างกายอันสั่นเทา ” นายท่านเฉียว ท่านควรดูให้ดีว่าเขานั้นเป็นหมอหลวงจริงหรือไม่”

ทันทีที่คนนั้นพูดจบ ก็มีเหงื่อผุดขึ้นมาตามหน้าผากของนายท่านเฉียว เขาตวัดสายตาจับจ้องไปยังคนรับใช้คนนั้นทันที “นี่คือฮวงอวี๋อี จะเป็นหมอปลอมได้อย่างไรกัน!”

คนรับใช้อีกคนจึงรีบเอ่ยเตือนออกมาเบา ๆ ทันที “ได้ยินมาว่าทักษะทางการรักษาของฮวงอวี๋อีนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าเขาเป็นคนเย็นชา เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขามาปรากฏตัวที่เมืองหลวงนี้ ได้รักษาอาการเจ็บป่วยของฮ่องเต้จนหายดี และได้รับของกำนัลจากฮ่องเต้โดยแต่งตั้งให้เขาเป็นหมอหลวงภายในวัง ไม่กี่วันก่อนเจ้านายของพวกเราจึงได้บริจาคเงินหลายหมื่นตำลึงเพื่อให้ฮ่องเต้ช่วยพูดกับฮวงอวี๋อีมารักษาอาการป่วยของฮูหยินพวกเรา! เจ้าหยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว!”

ชายคนนั้นรีบหุบปากลงทันที ส่วนนายท่านเฉียวยิ้มอย่างประจบสอพลอ แต่ฮวงอวี๋อีนั้นกลับไม่ได้สนใจ เมื่อเห็นซูหวานหว่านกำลังจ้องมองมาที่เขา นายท่านเฉียวก็จ้องมองไปซูหวานหว่านแล้วนึกถึงความผิดที่นางทำลงไป “พวกเจ้านั้นมัวยืนอยู่ทำอะไรกันอยู่ เหตุใดยังไม่ลากตัวนางออกไป…”

แต่ก่อนที่นายท่านเฉียวจะพูดจบ ฮวงอวี๋อีก็พูดออกมาว่า “ศิษย์ที่น่ารักของข้า เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร อีกทั้งยังกล้าเอาตัวเหม็น ๆ ของเจ้าเข้ามาในที่แบบนี้อีก เจ้าจะมาเมืองหลวงเหตุใดถึงไม่บอกอาจารย์คนนี้สักคำ อาจารย์จะได้ไปรับเจ้าพาเข้าไปที่วัง แล้วพาเจ้าไปที่ห้องเครื่องของฮ่องเต้เพื่อเลือกเครื่องประดับมาให้เจ้า”

“อะไรนะ ข้าไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่ นางเป็นลูกศิษย์ของฮวงอวี๋อี?” ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ!

ซูหวานหว่านกัดริมฝีปากของตัวเองและพูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า “อาจารย์ ท่านก็ไม่ได้บอกข้าเหมือนกันว่าท่านมาที่เมืองหลวง อีกทั้งยังเป็นหมออยู่ในวังอีก มันเป็นความผิดของท่านทั้งหมด ทำให้ข้าต้องมาเจอแต่เรื่องทุกข์อยู่นอกวัง!”

“เฮ้อ! อาจารย์เป็นคนผิดสินะ!” ฮวงอวี๋อีก็คือฮวงเหล่านั่นเอง!

ฮวงเหล่าลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินไปหาซูหวานหว่าน ชายชรามองสำรวจหญิงสาวอย่างละเอียด พลันดวงตาของเขาเผยความรู้สึกเป็นทุกข์ออกมา จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่นายท่านเฉียวและพูดกับซูหวานหว่านว่า “เจ้าเจอเรื่องคับข้องใจอันใดอยู่ บอกอาจารย์มาเถิด อาจารย์คนนี้จะทวงความยุติธรรมมาให้เจ้าเอง!”

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดเมื่อได้ยินประโยคเหล่านี้ออกมา นายท่านแห่งตระกูลเฉียวก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา

ทว่าเฉียวหน่วนอวี้ไม่ได้สนใจ ฮวงเหล่าก็เป็นแค่หมอหลวง แต่ตระกูลเฉียวทำการค้าเกลือแหล่งใหญ่! เมื่อเห็นว่าฮวงเหล่ากำลังพูดแทนลูกศิษย์ของตัวเอง นางก็พูดออกมาทันทีว่า “ฮวงอวี๋อี ลูกศิษย์ของเจ้าวางยาพิษในอาหารของข้า ท่านจะทวงความยุติธรรมอะไรให้กับนาง ท่านควรจะขอโทษข้าสิถึงจะถูก?”

ขอโทษงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้! ลูกศิษย์ของเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ฮวงเหล่าจึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ฮึ่ม! ข้ามองดูแวบเดียวก็รู้เลยว่าเจ้าไม่ใช่คนใสซื่อ หญิงสาวอย่างเจ้าคงจะเอาแต่ใจมาก! สายตาของเจ้าก็ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่เห็น! เจ้าคงจะพูดจาใส่ร้ายลูกศิษย์ของข้า เจ้ากล้าว่าลูกศิษย์ของข้าเหมือนกับเจ้างั้นเหรอ? เจ้าอย่าดูถูกรูปลักษณ์อันสวยงามของศิษย์ข้า…”

ฮวงเหล่าพูดยกย่องซูหวานหว่านในหลาย ๆ ด้าน ใบหน้าของซูหวานหว่านก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย “ท่านอาจารย์! ท่านจะพูดเรื่องจริงไปทำไมกัน ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่จะเอาแต่ใจและทำร้ายคน แต่นางก็ถือก็ว่าเป็นคุณหนู ท่านควรจะไว้หน้าของนางบ้าง!” ทุกคนที่ยืนฟังอาจารย์และลูกศิษย์คุยกัน อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ

นายท่านเฉียวไม่เชื่อในสิ่งที่ฮวงอวี๋อีพูดออกมา เขายังคงสงสัยในตัวซูหวานหว่านอยู่มาก หลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีแล้วเขาก็พูดออกมาว่า “ฮวงอวี๋อี ลูกสาวคนนี้ ข้าเห็นนางมาตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่ใช่คนแบบที่พูด เจ้า…”

“นายท่านเฉียว ในเมื่อท่านยังสงสัย ท่านสามารถใช้เข็มเงินเพื่อทดสอบพิษได้เช่นกัน ในตอนนั้นท่านอาจได้รู้ว่าใครพูดจริงใครพูดเท็จ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วถาม

“ฮึ่ม! ดี! งั้นเจ้าอย่ามาเสียใจทีหลัง! ข้าอุตสาห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ” หลังจากพูดจบ นายท่านเฉียวพลันเดินไปหยิบเข็มเงินที่คนใช้ส่งมาให้ เพื่อทดสอบพิษ

ฮวงเหล่าเดินเข้าไปดูด้วยเช่นกัน “ในเมื่อเจ้านั้นอยากจะลอง ข้าก็จะลองด้วย!”

ทดสอบเพียงคนเดียวก็พอแล้วไม่ใช่หรือ? นายท่านเฉียวหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ภายในใจ เขาไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไรฮวงเหล่าแต่อย่างใด

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังดึงเข็มเงินออกมาพร้อมกัน เขาก็ต้องตกใจเมื่อปลายเข็มเงินข้างหนึ่งในมือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ! แต่เข็มเงินในมือของฮวงเหล่านั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร!

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?

เมื่อเห็นว่าเป็นแบบนี้ก็ถือว่าเป็นไปตามที่ซูหวานหว่านได้คาดหมายเอาไว้ นางจึงพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ท่านอาจารย์ ขนมของข้าแข็งเป็นรูปแล้ว เพราะว่าข้านั้นไม่ได้เป็นคนใส่ยาพิษ แต่ว่าอีกด้านหนึ่งนั้น มีคนเพิ่งใส่ยาพิษเข้าไป!”

“ถูกต้อง!” ฮวงเหล่าพยักหน้าและมองไปที่เฉียวหน่วนอวี้พร้อมพูดออกมาว่า “เจ้าอิจฉาริษยาที่ศิษย์ของข้าสวยกว่าเจ้าเลยคิดจะจัดการนางอย่างงั้นรึ”

“นี่…ข้าไม่ได้ทำ!” เฉียวหน่วนอวี้พูดด้วยสายตาหลุบลง ซ่อนแววตาแห่งความเกลียดชังเอาไว้

“ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?” ฮวงเหล่ามองไปที่เฉียวหน่วนอวี้

“ท่านพ่อ!” เฉียวหน่วนอวี้รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของนายท่านเฉียวทันที “ท่านต้องเชื่อข้า! มันเป็นอาหารที่ข้าจะกิน ข้าจะใส่ยาพิษลงไปได้อย่างไร มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือลูกศิษย์ของฮวงอวี๋อีใส่ยาพิษลงไปแล้วใส่ร้ายข้า ท่านพ่อ ลูกศิษย์ของเขาเป็นคนไม่ดี แล้วหมอคนนี้เขาจะเป็นคนดีได้อย่างไร พวกเราอย่าปล่อยให้เขามารักษาท่านแม่นะเจ้าค่ะ! ถ้าหากว่าอาการป่วยของท่านแม่ทรุดลงกว่าเดิม พวกเราจะทำอย่างไรเล่า!”

“…”

การสร้างเรื่องของเฉียวหน่วนอวี้ยอดเยี่ยมมากจนซูหวานหว่านอยากจะยกนิ้วให้นาง

ในสิ่งที่เฉียวหน่วนอวี้พูดออกมา นายท่านเฉียวคิดว่ามันถูกต้อง เขาพยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า “ฮวงอวี้อี้ข้าไม่อยากที่จะสงสัยอะไรแล้ว เชิญพวกเจ้าทั้งสองคนได้ออกไปจากบ้านของข้า”

“ฮึ่ม! เรื่องที่จะออกไปข้าออกไปอยู่แล้ว แต่ก่อนที่ข้าจะไป ข้าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ทวงความยุติธรรมให้แก่ลูกศิษย์ที่ดีของข้าก่อนถึงจะออกไปได้!” ฮวงเหล่าเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นหยิบเข็มเงินออกมาแล้วชี้ไปที่สาวใช้คนสนิทของเฉียวหน่วนอวี้ ใบหน้าของพวกเขาเกิดอาการตื่นตระหนก และรีบยกมือขึ้นเพื่อปิดหน้าของตัวเอง แต่พวกนางไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด กลับกลายเป็นว่าฮวงเหล่าไม่ได้ตั้งใจที่จะแทงพวกนาง!

เหล่าคนใช้ก้มศีรษะลง ใบหน้าของนางซีดเผือด และซองยาพิษที่นางเอาซ่อนไว้ที่ข้อมือหล่นลงมา!

“เฉียวฝู สาวใช้คนนี้เป็นสาวใช้ของลูกสาวเจ้า และยาพิษในซองนี้ก็ตรงกับยาพิษในชามขนมหวานนั่น นี่ไม่ใช่ว่าลูกสาวของเจ้าต้องการจะใส่ร้ายลูกศิษย์ของข้าอย่างงั้นหรือ? นอกจากนี้ขนมหวานในชามนี้ก็ถูกกินไปหนึ่งคำแล้ว หากว่าลูกสาวของเจ้ายังไม่โดนวางยาพิษ มันจะเรียกว่าอะไรได้อีก” ฮวงเหล่าจ้องไปที่นายท่านเฉียวอย่างเย็นชา และดึงตัวซูหวานหว่านไปด้านข้างแล้วพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเจ้าอยากจะฆ่าลูกศิษย์ของข้า เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็ต้องหาคำอธิบายมาให้ข้า!”