ตอนที่ 232 ตอกหน้าหงาย

“คือว่า…” เฉียวฝูตกอยู่ในอาการสับสน หันมองไปที่เฉียวหน่วนอวี้ “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ท่านพ่อ… คือว่าลูก…ลูกเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!” เฉียวหน่วนอวี้พูดออกมาพร้อมกับจับมือของตัวเอง และบีบน้ำตาออกมา ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของนางราวกับดอกไม้งามที่กำลังเบ่งบานท่ามกลางสายฝน แต่ว่าสีหน้าท่าทางนั้นเผยให้เห็นความคับข้องใจอันท่วมท้น

นายท่านเฉียวจึงพูดออกมาว่า “ฮวงอวี้อี นี่อาจจะมีอะไรเข้าใจผิดก็ได้”

นายท่านเฉียวเชื่อคำพูดของลูกสาว แต่ฮวงอวี้อีนั้นไม่เชื่อ!

ฮวงเหล่าจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อเจ้าไม่ขอโทษ ก็ช่างเถอะ เช่นนั้นข้าจะพาลูกศิษย์ของข้าออกไป!”

คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างเป็นกังวล “นายท่าน แล้วเรื่องการรักษาอาการป่วยของฮูหยินจะทำอย่างไรขอรับ?”

“นายท่าน! ช่วงที่ผ่านมานี้ฮูหยินไม่กินไม่ดื่มอะไรแม้แต่น้อย แต่ว่าวันนี้แม่นางคนนี้ทำอาหารให้ฮูหยินกินได้มากกว่าครึ่ง!”

“…”

เมื่อนายท่านเฉียวได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยขึ้นมาและกล่าวออกมาทันทีว่า “พวกท่านทั้งสองได้โปรดหยุดก่อน!”

ฮวงเหล่าที่กำลังพาตัวซูหวานหว่านออกไปชะงักฝีเท้า “มีอะไรอย่างงั้นเหรอ เจ้าอยากที่จะพูดอะไรอีก?”

คนใช้ที่ได้รับสัญญาณจากเฉียวหน่วนอวี้รีบคุกเข่าลงทันที “ฮวงอวี้อี! พวกท่านทั้งสองได้โปรดช่วยด้วย ได้โปรดช่วยฮูหยินของพวกเราด้วย ทั้งหมดมันเป็นความผิดของข้า เป็นข้าเองที่วางยาข้านั้นไม่ควรทำ แต่เรื่องของฮูหยินเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ได้โปรดพวกท่านทั้งสองคนช่วยฮูหยินก่อน อย่าเพิ่งเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาเป็นทิฐิในตอนนี้เลยเจ้าค่ะ!”

“ฮึ่ม!” ฮวงเหล่าก็มองไปที่สาวใช้คนนั้นอย่างเย็นชา “คนรับใช้งั้นเหรอจะกล้าวางยาพิษถ้าหากว่าไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้านาย เจ้ามาขอโทษตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร!”

หลังจากพูดออกมาอย่างนั้น ฮวงเหล่าก็เดินเข้าไปหาซูหวานหว่าน แต่หลังจากเดินไปได้สองสามก้าวเขาก็หยุดเดินพร้อมกับพูดว่า “เมื่อครู่ข้านั้นเพิ่งจะเดินผ่านลานกว้างเข้ามา และเหลือบไปเห็นฮูหยิน ดูเหมือนว่าฮูหยินเฉียวท่าทางน่าจะป่วยหนัก คงไม่มีใครที่จะสามารถรักษานางได้นอกจากข้า หากพวกเจ้าไม่ขอโทษ ข้าจะไม่ช่วยนางเด็ดขาด!”

เห็นได้ชัดว่าฮวงเหล่ากำลังกดดันเขาอยู่! ….เม็ดเหงื่อมากมายผุดซึมตามหน้าผากนายท่านเฉียว

ซูหวานหว่านครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาว่า “ข้าได้ยืนใกล้ชิดกับฮูหยิน ข้าเดาว่าฮูหยินผู้นี้น่าจะชื่มชอบกลิ่นธูปหอม และภายในเรือนอบอวลไปด้วยกลิ่นของมัน หากแต่มีกลิ่นแปลก ๆ ปะปนออกมาด้วย ข้าเห็นสาวใช้นำเสื้อผ้าของฮูหยินไปซัก กลิ่นเสื้อผ้าเหล่านั้นเหม็นมาก น่าจะมาจากกลิ่นตัวของฮูหยินหรือเปล่า ถ้าข้าเดาไม่ผิดไปฮูหยินนั้นน่าจะป่วยมาเป็นเวลานานกว่าสิบปีแล้ว ถึงได้มีกลิ่นติดตัวออกมาขนาดนั้น ใช่หรือไม่”

ทันทีที่ซูหวานหว่านนั้นพูดเสร็จ นายท่านเฉียวก็พยักหน้ารับทันที “ใช่แล้ว!”

คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวอายุยังน้อยแบบซูหวานหว่านจะสามารถเดาออกมาได้ถูกขนาดนี้ แน่นอนว่าฮวงเหล่านั้นจะต้องเก่งมาก นายท่านเฉียวตื่นเต้นจนน้ำตาไหล “ใช่แล้ว! ภรรยาของข้าป่วยหนักตั้งแต่นางให้กำเนิดลูก และข้าจำต้องตามหาหมอที่มีชื่อเสียงเก่งที่สุดมารักษานางหลายต่อหลายคน แต่ว่าอาการเจ็บป่วยนั้นก็ยังไม่ดีขึ้น ข้าอยากขอให้พวกท่านทั้งสองคนช่วยภรรยาของข้าด้วย! ถ้าช่วยได้ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างงาม”

“ไม่สำคัญว่าจะตอบแทนหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดนั้นคือศักดิ์ศรี!” หลังจากนั้นฮวงเหล่าก็ส่ายหัวออกมาอีกครั้ง แล้วดึงมือซูหวานหว่านเดินจากไปทันที

นายท่านเฉียวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจมาก เหมือนจะเข้าใจในความหมายที่ฮวงเหล่าสื่อออกมา เขายกมือขึ้นและฟาดลงไปที่หน้าของเฉียวหน่วนอวี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทันที “ยังไม่รีบไปขอโทษอีก! เจ้าอยากจะช่วยแม่ของเจ้าหรือไม่?”

เพียะ!

เสียงนั้นดังสะท้อนอยู่ในหูของเฉียวหน่วนอวี้ ความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง หญิงสาวปรับอารมณ์ให้เหมือนเดิมและวิ่งออกไปทันที “ฮวงอวี้อี! มันเป็นความผิดของข้าเอง เป็นเพราะว่าข้าสั่งสอนคนของข้าไม่ดี เลยทำให้เข้าใจลูกศิษย์ของท่านนั้นผิดไป!”

กระทั่งแบบนี้แล้วนางก็ยังคงไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเองอีก! ฮวงเหล่าไม่แม้แต่จะมองไปที่เฉียวหน่วนอวี้ ชายชราดึงตัวซูหวานหว่านเพื่อเดินออกไป แต่ซูหวานหว่านกลับพูดขึ้นมาว่า “ช่างเถอะ ผู้ใหญ่ไม่ควรรังแกเด็ก พวกเรายกโทษให้นางเถอะเพราะฮูหยินนั้นไม่ผิด ดังนั้นการที่เราไม่ช่วยรักษาฮูหยินเพราะนางมันก็ไม่ถูกต้อง”

“ก็ได้ ถ้าลูกศิษย์ต้องการที่จะช่วยนาง อาจารย์ก็จะช่วย” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของฮวงเหล่าก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เฉียวฝู! ยังไม่รีบนำทางไปอีก!”

“ได้ ๆ ๆ!” เฉียวฝูมีความสุขเหมือนเด็กที่ได้ของเล่น และเดินนำทางไปในทันที

ซูหวานหว่านอดอิจฉาไม่ได้ เฉียวฝูคงจะรักฮูหยินเฉียวมาก ขนาดนางป่วยเป็นโรคแปลก ๆ แบบนี้ไม่สามารถหลับนอนด้วยกันแต่ก็ยังคงทนต่อกลิ่นเหม็นได้ เฉียวฝูที่ร่ำรวยมากยังไม่คิดทอดทิ้งนาง และยังคงดูแลนางตลอด ความรักของพวกเขาช่างลึกซึ้ง เป็นคู่แท้ของชีวิต

หลังจากที่ทุกคนเดินออกไป เฉียวหน่วนอวี้ก็เหลือบไปมองคนใช้ทันที เดินไปหาคนใช้คนนั้น และตบไปที่ใบหน้าของคนใช้อย่างแรง “เหตุใดเจ้าไม่ซ่อนมันเอาให้ไว้ดีกว่านี้ ภาพลักษณ์อันอ่อนโยนและมีคุณธรรมของข้าได้ถูกทำลายลงแล้ว! ท่านพ่อคงไม่อยากให้ข้าแต่งงานออกเรือนกับราชวงศ์ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วถ้าเกิดเขาหักสินเดิมของข้าลงไปอีกล่ะจะทำอย่างไร”

หลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น นางยังก็ยังตบใบหน้าของสาวใช้คนนั้นไม่หยุด จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวคุกเข่าลงขอร้องอ้อนวอน แต่เฉียวหน่วนอวี้กลับพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ยังจะส่งเสียงออกมาอีก! เจ้าอยากให้คนอื่นรู้มากเลยใช่ไหมว่าข้าชอบใช้ความรุนแรง หุบปากเสีย! ช่วยข้าคิดสิว่าจะให้องค์ชายสามมาหาข้าอีกได้อย่างไร!”

ตอนนี้ภายในห้องเงียบลงไปในทันที แต่ลานหน้าบ้านกลับเต็มไปด้วยผู้คนทันทีที่นายท่านเฉียวก้าวเข้ามา เขาตะโกนออกมาว่า “ฮูหยิน! รีบออกมาเถอะ ข้าได้เชิญหมอหลวงผู้เก่งกาจมารักษาเจ้าแล้ว”

ฮูหยินเฉียวเดินออกมา และเมื่อเห็นนายท่านเฉียว ดวงตาของนางก็เปล่งประกายทันที นางคิดที่จะรีบวิ่งเข้าไปหา แต่เห็นว่าคนอื่น ๆ เดินตามมาด้วย จึงหยุดนิ่งทันที สายตาของนางเต็มไปด้วยความว่างเปล่า “โรคที่ข้าป่วยอยู่คงรักษาจะไม่หายแล้ว ต่อให้เจ้าพาหมอที่เก่งขนาดไหนมามันก็ไม่มีประโยชน์”

ไม่ต้องรอให้นายท่านเฉียวเอ่ยปลอบใจ ฮวงเหล่าก็พูดออกมาว่า “โรคที่เจ้าป่วยอยู่ไม่ใช่โรคที่โรคร้ายแรงอะไร! ข้าสามารถรักษาได้!”

เมื่อพูดแบบนี้ออกมา ฮวงเหลาก็พลันเดินไปและจับชีพจรของนางดู และก็ได้ขอให้คนใช้นำพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่งฝนหมึกมาเขียนใบสั่งยา ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจมาก

เหตุใดถึงง่ายดายปานนี้

ซูหวานหว่านยืดคอของตัวเองและมองดู ก่อนจะพูดออกมาว่า “อาจารย์ ท่านให้ข้าเป็นคนเขียนให้เถอะ ถ้าท่านเขียนแบบนั้นแล้วให้คนอื่นไปซื้อยามาตามคำเขียนของท่านแล้ว มันจะทำให้คนอื่นลำบากกับการแกะลายมือของท่านเสียเปล่า”

“ตกลง! เช่นนั้นแล้วเจ้ามาเขียนเถอะ! มันอาจจะเป็นเพราะว่าข้อมือของข้านั้นเจ็บอยู่เลยเป็นเช่นนี้!” ฮวงเหล่าก้าวหลบให้ซูหวานหว่านมานั่งลงเพื่อเขียนใบสั่งยาแทน ฮวงเหลาไม่ได้อ่านชื่อยา แต่ซูหวานหว่านกลับเขียนมันออกมาได้!

เมื่อเห็นแบบนี้ทุกคนต่างก็พากันตะลึง ในขณะที่พวกเขารู้สึกว่าอาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงมาก ทำให้เฉียวฝูยิ่งงุนงงมากขึ้นจนพูดถามออกมาว่า “ฮวงอวี้อี เจ้า…”

“ฟังไม่ผิดหรอก! ภรรยาเจ้าไม่ได้ป่วยเป็นอะไรมากไปกว่าแค่เจ็บป่วยเล็กน้อย แต่ที่ทำให้รักษามานาน อาจจะเป็นเพราะว่ามีใครบางคนแอบใส่ยาให้นาง! ศิษย์ของข้าได้เขียนยาที่มีฤทธิ์อ่อนไม่รุนแรง นางจะต้องกินมันและนำมาต้มอาบ อาการป่วยก็จะดีขึ้นภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น!”

ฮวงเหล่าพูดออกมาแล้วกำชับอีกครั้งว่า “เอาเครื่องหอมเหล่านั้นออกไปด้วย! กลิ่นหอมอะไรมันจะเป็นอย่างนี้! กลิ่นหอมก็คือกลิ่นหอม แต่ถ้ามันทำให้คนเวียนหัวได้หลังจากที่สูดดมกลิ่นเป็นเวลานาน! มันก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับโรคที่ภรรยาของเจ้าเป็นอยู่ก็ได้! ถ้าจุดเครื่องหอมนี้เป็นเวลานานต่อไป ภายในสามเดือนข้างหน้าโรคนี้อาจจะคร่าชีวิตภรรยาเจ้าได้เชียว!”

“อะไรนะ?” นายท่านเฉียวตกใจ เครื่องหอมนี้… เขานิ่งงันครุ่นคิดอย่างละเอียด สิ่งนี้เฉียวหน่วนอวี้ได้มอบให้เมื่อตอนที่นางยังเป็นเด็ก บอกว่ามันมีกลิ่นที่หอม!

นี่มัน… จะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นแน่แท้!

หมอคนอื่นที่มารักษาโรคไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ แต่ฮวงเหล่ามีนิสัยตรงไปตรงมาและสิ่งที่เขาพูดมามันก็คือเรื่องจริง เมื่อคิดแบบนี้แล้วนายท่านเฉียวก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อซูหวานหว่านเขียนใบสั่งยาเสร็จพวกเขาก็เตรียมตัวกลับ แต่ว่านายท่านเฉียวได้ขอร้องให้ซูหวานหว่านอยู่ดูแลภรรยาของเขา ซึ่งด้วยชื่อเสียงว่าเป็นศิษย์ของฮวงเหล่า ชื่อเสียงของนางก็พลันแพร่กระจายไปทั่วบ้าน ทำให้คนในบ้านตระกูลเฉียวไม่กล้ารังแกซูหวานหว่านอีก

ตกตอนกลางคืน ซูหวานหว่านได้นอนพักอยู่ในห้องข้าง ๆ ของเฉียวฮูหยิน ในตอนที่นางกำลังจะเคลิ้มหลับ หลังจากอาบน้ำเสร็จนางก็ได้ยินเสียงมีคนมาเคาะประตู “แม่นางซู ช่วยด้วย!”

“เป็นอะไร?” ซูหวานหว่านเปิดประตู เมื่อเปิดออกมาก็พบคนยิ้มส่งยิ้มให้นางพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วโปะยาสลบใส่ซูหวานหว่านทันที!

ชายคนนั้นพึมพำออกมาว่า “อย่าโทษข้าเลย ข้าแค่ต้องการเงิน เลยต้องช่วยกำจัดศัตรูแทนพวกเขา!”