ตอนที่ 233 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 233 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

“เฮอะ! ก็แค่เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย!” ซูหวานหว่านมองไปที่ชายคนนั้น แต่ในตอนที่นางกำลังหลบหนี กลับกลายเป็นว่านางเป็นสลบไปในทันที

“ลูกศิษย์ฮวงอวี๋อีก็ไม่ได้มีฝีมืออะไรมากนักนี่!” ชายคนนั้นพูดพึมพำออกมาพร้อมกับจับร่างซูหวานหว่านวางลงบนพื้น จากนั้นเดินข้ามร่างของนางเข้าไปในห้อง

ทันทีที่ชายคนนั้นเดินผ่านมา ซูหวานหว่านลืมตาและลุกขึ้นมาทันที ด้วยทักษะฝีมือของนางแล้วยาแค่นี้ทำอะไรนางไม่ได้หรอก แต่ที่นางแกล้งทำเป็นสลบก็เพราะว่านางอยากรู้ว่าชายคนนี้เข้ามาเพราะจุดประสงค์อะไรกันแน่!

ซูหวานหว่านลุกขึ้นยืนและพาตัวเองไปซ่อนอยู่ในความมืด ชายคนนั้นเดินเข้าในห้องของฮูหยินเฉียวอย่างเงียบเฉียบ เขาหยิบของในกระเป๋าของออกมาแล้วนำไปวางที่เครื่องหอม ทันใดกลิ่นของหอมของมันก็ลอยอบอวลไปทั่วห้อง

เมื่อซูหวานหว่านได้กลิ่นเครื่องหอม นางก็รับรู้ได้ทันทีว่าบุคคลนี้มีจุดประสงค์ใดแอบแฝงอยู่!

เครื่องหอมนี้เหมือนกับเครื่องหอมที่นางและฮวงเหล่าวิเคราะห์ในวันนี้ สรรพคุณของมันเหมือนกันทุกอย่าง และมันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของฮูหยินเฉียวมาก! แต่ความแตกต่างของมันคือพิษของมันรุนแรงกว่าเก่ามากขึ้นถึงห้าเท่า!

เขาต้องการลอบฆ่าฮูหยินเฉียวชัด ๆ!

เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกำลังจะหันหลังกลับมา ซูหวานหว่านจึงเดินกลับไปนอนลงที่เดิมและแสร้งทำเป็นสลบอยู่ ชายลึกลับคนนั้นหยุดมองที่ซูหวานหว่าน ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปควานหาถุงเงินบริเวณเอวของนางแล้วหยิบออก ส่วนเครื่องหอมที่เขาเตรียมมาก็ได้ใส่เข้าไปในถุงเงินของซูหวานหว่าน

“หึ! เจ้าต้องเป็นแพะรับบาปในเรื่องนี้!” ชายคนนั้นพูดพึมพำออกมา ก่อนจะย้ายตัวของซูหวานหว่านกลับไปนอนที่เตียงนอนเช่นเดิม เขาปลอมแปลงหลักฐานทุกอย่างก่อนจะจากไป

ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันเหมือนกับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

หากฮูหยินเฉียวมีอาการแย่ลงกว่าเดิม นางจะต้องเป็นคนโดนจับและนายท่านเฉียวก็จะต้องโทษว่าเป็นความผิดนาง เขาจะจับนางไปทรมานหรือฆ่านางทันที!

ใครกันที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?

หญิงสาวพยายามขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เตียงของฮูหยินเฉียว นางปลุกฮูหยินเฉียวให้ตื่นขึ้นมา และเมื่ออีกฝ่ายถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาทั้งที่ยังนอนไม่เต็มทีจึงถามออกมาด้วยอาการอ่อนล้าว่า “มีเรื่องอันใดงั้นหรึ เช้าแล้วเหรอ?”

“ยังไม่เช้าเจ้าค่ะ แต่ถ้าท่านไม่ตื่นพรุ่งนี้ท่านอาจจะไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเห็นดวงอาทิตย์อีกเลย” ซู หวานหว่านพูดออกมา

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฮูหยินเฉียวก็รับรู้ได้ว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่สำคัญ เลยทำให้นางตาสว่างขึ้นมาทันที “หือ? เหตุใดเป็นเช่นนี้ไปได้?”

ในขณะที่พูดนางก็ได้กลิ่นแปลก ๆ หากแต่คุ้นเคยลอยแตะจมูก ใบหน้าของฮูหยินเฉียวพลันซีดลงในทันที “เป็นใครกันที่อยากจะทำร้ายข้า?”

“ข้าไม่รู้” พูดจบซูหวานหว่านก็ยื่นเสื้อคลุมให้ “ในห้องอบอวลไปกลิ่นเครื่องหอม ท่านนอนที่นี่ไม่ได้ หากฮูหยินเฉียวไม่รังเกียจ ท่านสามารถไปนอนกับข้าที่ห้องข้าง ๆ ได้”

เมื่อความตายเข้ามาเยือนจะมัวถือชนชั้นกันอยู่ไปด้วยเหตุใด ฮูหยินเฉียวจึงเอ่ยออกมาว่า “เจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าจะรังเกียจเจ้าได้อย่างไร ข้าดีใจต่างหากที่มันยังไม่สายเกินไป”

พอพูดจบ ซูหวานหว่านก็พยุงฮูหยินเฉียวไปนอนในห้องข้าง ๆ และเดินกลับเข้าไปเพื่อดับเครื่องหอมในห้องของฮูหยิน แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อนางยกฝาเครื่องหอมขึ้นมา จะมีเหล่าคนใช้ถือตะเกียงมาเคาะประตูอยู่หน้าห้อง!

“นายท่านเฉียว! ตอนที่ข้าน้อยเดินผ่านห้องนอนของฮูหยินเฉียว ข้าน้อยได้กลิ่นแปลก ๆ รู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก ข้ามั่นใจว่าจะต้องมีคนพยายามทำร้ายฮูหยินอย่างแน่นอน!”

คนใช้ที่พูดมองเข้าไปในห้อง และเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นซูหวานหว่านยืนอยู่ภายในห้อง ทำให้เขารู้สึกตกใจขึ้นมา แต่เมื่อคิดพิจารณาถึงเหตุผล ก็จึงพยายามควบคุมสติและพูดออกมาว่า “ท่านดูสิ! คนที่ลอบทำร้ายฮูหยินเฉียวก็คือแม่นางซูคนนี้!!

คนรับใช้ที่พูดอยู่นั้น… คือคนที่โปะยาสลบนาง! และถึงเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ หากแต่ซูหวานหว่านกลับเพียงทำความเคารพแล้วพูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “นายท่านเฉียว”

นายท่านเฉียวไม่ได้สนใจซูหวานหว่าน เขาก้าวเท้าเข้าไปในห้องและเดินเข้าไปดมเครื่องหอม ก่อนจะตวัดสายตามองซูหวานหว่านด้วยความโมโห “แม่นางซู! เหตุใดเจ้าถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้!”

ร้ายกาจ เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่

ซูหวานหว่านรู้สึกหมดคำที่จะพูดกับนายท่านเฉียว เขาตัดสินว่าเป็นความผิดของนางอย่างง่ายโดยยังไม่ตรวจสอบอะไรให้ชัดเจน ดูเหมือนว่าความคิดของเขาจะถูกชักจูงได้ง่ายอีกด้วย เขาเป็นพ่อค้าส่งออกเกลือรายใหญ่ได้อย่างไรหากเขามีความคิดแบบนี้?

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นและพูดออกมาว่า “นายท่านเฉียว ท่านจะต้องให้ความสำคัญกับหลักฐาน ท่านเห็นเพียงข้าจับเครื่องหอมนี่ก็ตัดสินใจเลยว่าข้าเป็นคนลอบทำร้ายฮูหยินเฉียวเลยงั้นหรือ อีกอย่างเครื่องหอมนี้ก็มีเพียงแต่บ้านของท่านที่ใช้ ข้าจะไปหามาได้จากที่ใด เช่นนี้มันไม่น่าขันไปหน่อยหรือ?”

“ฮึ่ม!” นายท่านเฉียวคลี่ยิ้มเย็นชาออกมา “ค้นตัวนาง!”

เหล่าคนรับใช้พุ่งเข้าไปค้นตัวของซูหวานหว่านเพื่อหาเครื่องหอมนั้น มีคนใช้คนหนึ่งได้หยิบถุงเงินของซูหวานหว่านออกมา และรีบพูดออกมาทันที “เอาล่ะ นี่มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เจ้ามีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่!”

นายท่านเฉียวมองไปที่ซูหวานหว่านอย่างเย็นชา “ใครก็ได้! ลากตัวนางออกไป แล้วนำตัวนางไปทุบให้ตายตกไป จากนั้นนำศพโยนให้เป็นอาหารหมาเสีย!”

เหล่าคนรับใช้กลุ่มหนึ่งรีบเดินเข้าไปจับตัวของซูหวานหว่านทันที หญิงสาวยืนนิ่งไม่ได้ขยับไปไหนมองดูเหล่าคนใช้แล้วพูดออกมาว่า “พวกเจ้ามาจากเรือนหลังไหนรึ? ใครกันที่เป็นเจ้านายของพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าจึงเดินผ่านที่นี่ในเวลากลางดึกแบบนี้?”

เหล่าคนรับใช้ตื่นตระหนกและพูดบ่ายเบี่ยงออกมาว่า “นายท่าน นางพยายามพูดยื้อเวลาเอาไว้ และที่สำคัญเรื่องทั้งหมดนางเป็นคนทำ พวกเรารีบฆ่านางเถอะ!”

ในขณะที่นายท่านเฉียวกำลังจะตอบรับกลับ ก็พลันมีเสียงเย็นชาของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นมา “เฉียวฝู! เจ้ากล้าอย่างงั้นเหรอ!”

“ฮูหยินเฉียวเรียกชื่อเต็มของนายท่านเฉียว ดูเหมือนนางกำลังโกรธมาก!” คนใช้บางคนพูดพึมพำออกมาและยืนตัวสั่นด้วยความกลัว

ฮูหยินเฉียวสวมเสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องด้านข้าง ๆ นายท่านเฉียวก็มองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความตกใจ ก่อนจะมองไปที่ฮูหยินเฉียวแล้วพูดว่า “ว่าอย่างไรนะ! นางให้เจ้าไปนอนอยู่ห้องนอนข้าง ๆ อย่างงั้นรึ แล้วนางมานอนในห้องนอนใหญ่นี้คนเดียว นางช่างเก่งกล้าเกินไปแล้ว!”

“เฉียวฝู หุบปากเสีย!” ฮูหยินเฉียวพูดออกมาอย่างเย็นชา เมื่อเห็นท่าทางกระสับกระส่ายของคนใช้คนนั้น นางก็เดินเข้าไปบีบคางของเขาก่อนถามว่า “เมื่อครู่ แม่นางซูถามพวกเจ้าว่าอะไร จงตอบคำถามนางเดี๋ยวนี้!”

ฮูหยินเฉียวกำลังช่วยซูหวานหว่านอยู่! เหตุใดฮูหยินเฉียวถึงได้โง่เขลาเช่นนี้! ทุกคนพากันตกตะลึง!

คนรับใช้คนนั้นก็กลัวมากจนควบคุมร่างกายที่สั่นเทาของตัวเองไม่ได้ จึงพูดออกมาว่า “ฮูหยิน ท่านอย่ามาพูดแทนนางเลยเจ้าค่ะ! ข้าต้องการที่จะช่วยท่านต่างหาก!”

“สุดท้ายแล้วใครกันที่ช่วยข้า ข้ายังไม่อาจรู้แน่” ฮูหยินเฉียวพูดออกมาพร้อมทั้งมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน “แต่หากไม่ใช่เพราะแม่นางซูมาปลุกข้าให้ตื่นขึ้นในกลางดึก พรุ่งนี้ข้านั้นอาจจะไม่ได้ลืมตาขึ้นมาพบกับนายท่านเฉียวแล้ว!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็พากันตกตะลึง ความจริงมันเป็นเช่นนี้เหรอ!

“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนด่วนสรุปแล้วเรียกคนมาจับแม่ซู หากไม่ได้มีคนกำลังวางแผนเอาไว้แล้ว มันจะเป็นอะไรไปได้อีก?” ฮูหยินเฉียวพูดออกมาพลางขมวดคิ้วของตัวเองแน่น นางไอออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทำให้นายท่านเฉียวรู้สึกลำบากใจขึ้นมาพร้อมกับถอดเสื้อคลุมบนตัวของเขาออกแล้วสวมให้ฮูหยินเฉียว

ซูหวานหว่านรู้สึกว่าเรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่าย ๆ และผลสรุปของมันก็ยังไม่ออกมา ในฐานะคนนอก นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปแทรกแซงได้ แต่แน่นอนว่าบุคคลคนนั้นมีเจตนาจะฆ่านาง ถึงครั้งนี้ทำไม่สำเร็จ ย่อมต้องมีครั้งหน้าอีกแน่!

ตัวนางอยู่ในที่แจ้ง แต่ศัตรูอยู่ในความมืด ดังนั้น…มันอันตรายมาก!

ซูหวานหว่านครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปที่มุมห้องเพื่อค้นหากลุ่มหนูแล้วใช้พลังวิเศษขอร้องให้พวกมันตามกลุ่มคนใช้ นายท่านเฉียว และฮูหยินเฉียวเข้าไปในห้อง หากนางอยู่ด้วยมันจะดูขัดหูขัดตาไป ซูหวานหว่านเลยวางแผนที่จะขึ้นไปนอนบนต้นไม้ใหญ่ และถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อปลูกผักรับคะแนนเพิ่ม

ต่อมาเมื่อซูหวานหว่านกำลังปีนขึ้นไปที่ต้นไม้ใหญ่ นางก็ต้องตกใจเพราะนางได้มองไปเห็นห้องของเฉียวหน่วนอวี้ได้อย่างชัดเจน!

มีชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้าไปทางประตูห้องของเฉียวหน่วนอวี้ ชายคนนั้นมีรูปร่างสูงแต่ผอมมาก ซึ่งข้างหลังของเขานั้น… ดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก

นั่นไม่ใช่ฉีเฉิงเฟิงหรอกหรือ?

ฉีเฉิงเฟิงมาทำอะไรที่นี่ในเวลานี้

หัวใจของซูหวานหว่านรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา!

ไม่ได้! นางต้องไปดูเพื่อความแน่ใจ!