บทที่ 180 รัก ทำเพื่อเจ้าแต่ไม่อยากให้เจ้าทราบ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 180 รัก ทำเพื่อเจ้าแต่ไม่อยากให้เจ้าทราบ
ความหยิ่งทะนง สง่างาม ไม่โกรธเคืองแต่น่าเกรงขาม เมื่อเทียบกับอวี่เหวินหนวนฮั่วแล้ว ชายคนนี้เหมือนแม่ทัพเสียยิ่งกว่า ราวกับว่าหากเขาอยู่ที่สนามรบ จะสามารถสยบทหารทั้งสองฝ่ายได้
“พี่จิ่นหลิง” ทันทีที่ชายคนนั้นเข้ามา เขาก็ทักทายหวังจิ่นหลิงอย่างเป็นกันเอง โดยไม่มีความหน้าซื่อใจคดใดๆ
“ท่านซื่อจื่อ” หวังจิ่นหลิงยืนประจันหน้ากับชายผู้นี้ แต่เขามิได้ดูอ่อนไปกว่าเขาเลย ชายทั้งสองดูเท่าเทียนกัน คนหนึ่งบุ๋น คนหนึ่งบู๊ เมื่ออยู่คู่กันแล้วสบายตาอย่างมาก
มีชายรูปงามอยู่ตรงหน้า ไม่ดูก็เสียของ
“มิต้องเรียกข้าว่าท่านซื่อจื่อหรอก เรียกข้าตงหมิงย่อมได้” ตี๋ตงหมิงลูกชายของซู่ชินอ๋อง ซู่ชินอ๋องในอนาคต
ท่านซื่อจื่อเป็นตำแหน่งอย่างเป็นทางการของทายาทโดยชอบธรรมของตำแหน่งชินอ๋อง เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินทราบดี เพียงแต่ดูไม่ออกมา คนที่น่าเกรงขามเช่นนี้เป็นท่านซื่อจื่อจริงๆ
เฟิ่งชิงเฉินใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยฟังบทสนทนาของทั้งสองพร้อมจิบชาไปด้วย ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองแล้ว เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมาก
หลังจากทักทายกันแล้ว หวังจิ่นหลิงก็เข้าเรื่องสำคัญ ” ตงหมิง นี่คือเฟิ่งชิงเฉิน หมอเทพธิดาที่รักษาโรคตาของข้าจนหายดี ”
หวังจิ่นหลิงเคร่งขรึมมาก และฟังจากการแนะนำของเขาเข้าใจได้เลยว่าเขาให้ความสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างมาก
ตี๋ตงหมิงเป็นคนที่หยิ่งผยอง และมียศถาบรรดาศักดิ์ที่สูงส่ง อีกทั้งมีฝีมือที่ยอดเยี่ยม ฉะนั้นมาตรฐานการมองคนของเขาจึงสูงมาก หวังจิ่นหลิงสามารถทำให้เขามองตนแตกต่างได้ มิใช่เพราะตำแหน่งฐานะของเขา แต่เพราะตัวตนของหวังจิ่นหลิงเอง
แน่นอนว่าเขาจะต้องให้เกียรติกับคนที่หวังจิ่นหลิงแนะนำเช่นกัน แต่หากจะให้เกียรติเฟิ่งชิงเฉินเหมือนกับหวังจิ่นหลิง เช่นนั้นเป็นไปมิได้อย่างแน่นอน
“คุณหนูเฟิ่ง” ตี๋ตงหมิงพูดอย่างเฉยเมย ดูเหินห่างมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยเชื่อเฟิ่งชิงเฉินเท่าไหร่
ตี๋ตงหมิงเป็นคนที่หยิ่งผยอง และมียศถาบรรดาศักดิ์ที่สูงส่ง อีกทั้งมีฝีมือที่ยอดเยี่ยม ฉะนั้นมาตรฐานการมองคนของเขาจึงสูงมาก หวังจิ่นหลิงสามารถทำให้เขามองตนแตกต่างได้ มิใช่เพราะตำแหน่งฐานะของเขา แต่เพราะตัวตนของหวังจิ่นหลิงเอง
ช่วยไม่ได้ ในสายตาของทุกคน หมอเทวดาอะไรที่เขาว่ากันอย่างนั้นต้องเป็นคนที่มีผมหงอก คนที่อายุน้อยเยี่ยงเฟิ่งชิงเฉิน ยากที่จะทำให้คนอื่นเชื่อถือ
มีคนจำนวนมากที่เข้าใจว่าคนอายุน้อยทำการอะไรไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ และมีคนส่วนมากมองคนจากรูปลักษณ์ภายนอก
ในสายตาของใครหลายๆ การที่นางรักษาตาของหวังจิ่นหลิงหายได้ เป็นเพราะโชคช่วย
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจ ท่าทางไม่เชื่อใจแบบนี้ นางเห็นมาเยอะแล้ว นางยืนขึ้นและคำนับ “ท่านซื่อจื่อ”
“มิต้องมากพิธีรีตอง” ตี๋ตงหมิงพอใจมากกับการรู้กาลเทศะของเฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่อยากให้ระหว่างเขาและหวังจิ่นหลิงจะต้องห่างเหินเพราะหญิงผู้นี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังจิ่นหลิงยังคงอยู่ แต่เมื่อมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน แววตาของเขาแฝงคำขอโทษเอาไว้ เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างเฉยเมย ในเมื่อเข้ามาที่จวนซินอ๋อง นางก็จะทำหน้าที่หมอให้ดีที่สุด
“ตงหมิง อาการปวดฟันของซู่ชินอ๋องดีขึ้นหรือยัง? หากว่าเจ้าเชื่อใจข้า ให้ชิงเฉินไปดูสักหน่อยดีหรือไม่?” หวังจิ่นหลิงรู้ว่าตี๋ตงหมิงไม่ไว้ใจเฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นเขาจึงเอาตัวเองมากล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินซึ้งใจอย่างมาก เหมือนกับตอนที่นางรักษาโรคตาของหวังจิ่นหลิง ทุกคนไม่เชื่อในตัวนาง มีเพียงหวังจิ่นหลิงเท่านั้นที่เชื่อในตัวนาง
ทั้งสองเจอกันเพียงครั้งเดียว ตอนนั้นจิ่นหลิงไม่เห็นนางด้วยซ้ำ แต่กลับเชื่อในตัวนางอย่างมาก เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกขอบคุณและซึ้งใจอย่างมากสำหรับความไว้วางใจนี้
ตี๋ตงหมิงเลิกคิ้วขึ้นและถามด้วยสายตาว่า ” แค่หญิงผู้เดียว คุ้มแล้วหรือที่เจ้าทำกระไรเพื่อนางมากมายเช่นนี้”
หวังจิ่นหลิงพยักหน้าอย่างมั่นคงและถามโดยไม่ออกเสียงว่า “ตงหมิง นางคือเฟิ่งชิงเฉิน และนอกจากนี้ ข้าทำเช่นนี้เพื่อซู่ชินอ๋อง ข้าในฐานะคนที่มองไม่เห็นมา20ปี ข้าเข้าใจถึงความสำคัญของสุขภาพมากกว่าใครๆ ตงหมิง ให้เฟิ่งชิงเฉินลองดู มันจะดีที่สุดถ้ารักษาหายได้ และหากรักษาไม่ได้ มันไม่เสียหายอะไร”
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่เขาและตี๋ตงหมิงต่างก็เข้าใจว่า มิใช่ใครที่ไหนก็จะมารักษาซู่ชินอ๋องได้
เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่เฟิ่งชิงเฉินเข้าวังไปรักษาบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่ว หากเสด็จอาเก้ามิได้เสนอนาง หากเสด็จอาเก้าไม่รับผิดชอบแทนนาง เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางได้เข้าวังอย่างแน่นอน
มีคนจำนวนมากที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสแสดงความสามารถของตนเอง
เมื่อตงหมิงเห็นความมุ่งมั่นของหวังจิ่นหลิง ตี๋ตงหมิงก็คิดถึงอาการป่วยของพ่อ เขาครุ่นคิดและพยักหน้า “คุณหนูเฟิ่ง จิ่นหลิงบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของเจ้าดีมาก ข้าเชื่อเจ้า หวังว่าเจ้าจะช่วยพ่อข้าบรรเทาความเจ็บปวดได้ จวนซู่ชินอ๋องจะตอบแทนเป็นอย่างดีแน่นอน”
ไม่เชื่อใจก็ส่วนไม่เชื่อใจ แต่ว่าต้องพูดให้สวยหรูไว้ก่อน
“ชิงเฉินจะไม่ทำให้ท่านซื่อจื่อผิดหวังอย่างแน่นอน” เฟิ่งชิงเฉินไม่หยิ่งผยอง และไม่มีความกลัวหรือความวิตกกังวลใดๆ
แม้ว่าตอนอยู่บนรถม้า นางบอกกับหวังจิ่นหลิงว่าตนไม่ถนัดด้านทันตกรรม แต่ในเมื่อเดินเข้ามาแล้ว ไม่ถนัดก็ต้องรักษา
อ๋องหมวกเหล็กผู้สืบเชื้อสาย มิใช่ใครที่ไหนที่นางสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
“ชิงเฉิน อย่ากดดันมากไป” เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเช่นนี้ หวังจิ่นหลิงก็ปลอบโยนนาง
ตี๋ตงหมิงเกือบจะมองบนใส่เขา
เพื่อนที่แสนดีของตนนี่ชั่ง…
เขาไม่เคยเห็นหวังจิ่นหลิงดีกับใครขนาดนี้มาก่อน
หวังจิ่นหลิงพาเฟิ่งชิงเฉินไปที่จวนซู่ชินอ๋อง เพื่อกระไรนั้น ตี๋ตงหมิงเข้าใจดี และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินรักษาพ่อของตน
ในสายตาของตี๋ตงหมิง เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงผู้หญิงที่จุดประสงค์อื่น
“อืม” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มให้หวังจิ่นหลิง ให้เขาวางใจ
ทันตแพทยศาสตร์และไม่มีเนื้อหาทางเทคนิคใดๆ นางไม่ถนัดไม่ได้หมายความว่านางไม่เป็น
ตี๋ห่าวซู่ชินอ๋อง ผู้หนุนหลังที่มีอิทธิพลมากเช่นนี้ แม้จะไม่ใช่ทำเพื่อเสด็จอาเก้า แต่นางก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อตนเอง………
ตี๋ห่าวซู่ชินอ๋อง บุคคลที่พิชิตโลก กลิ่นอายที่น่าเกรงขามของเขา แม้แต่ตี๋ตงหมิงซึ่งเป็นหลานชายของเขาก็เกรงกลัวเช่นกัน แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ต่อหน้าซู่ชินอ๋อง นางไม่กังวลและหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่ว่าเฟิ่งชิงเฉินใจกล้า แต่จริงๆ แล้ว…
ชาติที่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินเจอคนแบบไหนมากที่สุด?
ทหาร!
ผู้นำกองทัพ นางพบมามากมาย นางเคยเห็นกลิ่นอายน่าเกรงขามและความโหดเหี้ยมของทหารมามากมาย ฉะนั้นนางจึงเคยชินแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ นางกลับรู้สึกเป็นกันเอง
รัศมีอันสง่างามของซู่ชินอ๋อง ความมั่นคงและความยิ่งใหญ่ที่สะสมตลอดหลายปีที่ผ่านมา มิใช่สิ่งที่อวี่เหวินหยวนฮั่วสามารถเทียบได้ กลิ่นอายแบบนี้เฟิ่งชิงเคยสัมผัสจากทหารในปัจจุบันเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม ทหารในปัจจุบันอายุมากแล้ว ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก มีแค่ตอนอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องข่มอีกฝ่ายหรือให้อีกฝ่ายเกรงขามเท่านั้น พวกเขาจึงจะเผยกลิ่นอายนี้ออกมา โดยปกติพวกเขาจะไม่เผยท่าทีแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าซู่ชินอ๋องกำลังพยายามข่มนาง
หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินทำความเคารพแล้ว นางไม่รอให้ซู่ชินอ๋องกล่าวอะไร นางยืนขึ้นและมองซู่ชินอ๋องด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่านางไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัดภายในห้องนี้
ผ่านไปอยู่นาน ตี๋ตงหมิงเหงื่อออกทั่วตัว แต่เฟิ่งชิงเฉินยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม
เอาล่ะ ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนยังไงหรือมีทักษะการรักษายอดเยี่ยมหรือไม่ เพียงแค่ความกล้าและความสงบของนาง เขาชื่นชมนาง ตี๋ตงหมิงกะพริบตาให้หวังจิ่นหลิงที่อยู่ข้างๆ ตน ราวกับกำลังบอกว่า “ไม่เลวนะ หญิงสาวที่เจ้าโปรดปรานใจกล้ายิ่งนัก”
ต้องรู้เอาไว้ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับกลิ่นอายน่าเกรงขามที่ซู่ชินอ๋องตั้งใจแสดงออกมานั้น แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ยังต้องสยบ
ยังไม่โกรธเคืองยังน่าเกรงขามเช่นนี้ หากว่าโกรธเคืองขึ้นมาจะเป็นเช่นไหน
เมื่อซู่ชินอ๋องโกรธเคือง ตงหลิงต้องตัวสั่นเป็นแน่
หวังจิ่นหลิงยิ้มโดยไม่พูดอะไร และไม่อธิบายใดๆ ราวกับว่าตั้งใจให้ตี๋ตงหมิงเข้าใจผิด
“เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?” แม้ว่าซู่ชินอ๋องอายุเกือบหกสิบปี แต่ดวงตาของเขาช่างสดใสมาก และเมื่อเขาจ้องมอง น่ากลัวยิ่งกว่าการถูกเสือจ้องเสียอีก
มีข่าวลือว่า ตอนที่ซู่ชินอ๋องอยู่ในสนามรบ เขาแค่จ้องมองเท่านั้น ก็ทำให้แม่ทัพอีกฝ่ายตะลึงจนตกจากหลังม้า
รูปหน้าของเขาเป็นทรงเหลี่ยม คิ้วคมเยี่ยงดาบ นัยน์ตาเย็นชา ดูเยือกเย็นแข็งแกร่ง หากเนื้อแก้มซ้ายไม่ย้อยก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น