เมื่อได้ยินว่ามู่เฉียนซีต้องการซื้อนกยูงสามสี อวิ๋นอี๋อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกครั้ง นางเองก็อยากซื้อมันเช่นกัน ด้วยเพราะนกยูงสามสีตัวนี้เป็นหนึ่งในสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สวยที่สุดในที่นี้ทั้งหมด
แต่ปรมาจารย์หม่ากล่าวว่านกยูงสามสีตัวนี้มีพลังโจมตีไม่มากนัก มันสู้สัตว์วิญญาณระดับสองทั่วไปไม่ได้
ผลพิเศษเพียงอย่างเดียวคือความสามารถปลุกเสกเจ้าของเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม แต่ทักษะนี้ไร้ค่าเกินไป นางจึงกัดฟันละทิ้งนกยูงที่สวยงามนี้ ทว่าเมื่อนางได้ยินมู่เฉียนซีกล่าวถามเกี่ยวกับราคาของนกยูงสามสี นางก็อดไม่ได้ที่ใจจะเต้นแรง คิดที่จะแย่งเอามา
เถ้าแก่เจ้าของร้านขายสัตว์วิญญาณยิ้ม กล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม หากเจ้าชอบนกยูงสามสีนี้ละก็ แลกหยกวิญญาณหนึ่งล้านชิ้นก็สามารถเอามันไปได้”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามตัวหนึ่ง เขาได้กำไรไม่คุ้มในราคาเช่นนี้อย่างแน่นอน นกยูงสามสีมีรูปลักษณ์ที่งดงามทว่าไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมายนัก หากอยู่ที่นี่อีกเป็นเวลาหนึ่งหรือสองปีก็คงไม่มีใครซื้อมัน เพียงแค่เลี้ยงดูมันก็ต้องใช้เงินไปไม่น้อยแล้ว ดังนั้นครั้งนี้เจ้าของร้านจึงตัดสินใจที่จะขายมันในราคาถูกเพื่อหาค่าเลี้ยงดูมันคืนบ้างก็เท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้! หนึ่งล้านหยกวิญญาณนั่นมิใช่ราคาที่เป็นปัญหา ข้าเอา”
เฟิงหลิงอวิ๋นมองอยู่ด้านข้างอย่างร้อนรนก่อนจะกล่าวขึ้น “ประเดี๋ยวก่อน เสี่ยวชีของเจ้าเป็นบุรุษหนุ่ม คงไม่เหมาะกับสัตว์พันธสัญญาตัวนี้กระมัง อีกทั้งนกยูงสามสีนี้ แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่นัก”
มู่เฉียนซีมองเสี่ยวชีก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวชี เจ้าชอบนกยูงสามสีตัวนี้หรือไม่ ?”
เสี่ยวชี “ข้าชอบ”
นายท่านเป็นผู้เลือกให้เขา เขาล้วนชอบทั้งนั้น แม้ว่านกยูงที่สวยงามตัวนี้จะดูเหมือนไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อยก็ตามที
เมื่อมู่เฉียนซีกําลังจะจ่ายหยกวิญญาณเพื่อซื้อนกยูงตัวนี้ อวิ๋นอี๋ก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง “ช้าก่อน ข้าจะเพิ่มให้อีกหนึ่งแสน ข้าต้องการนกยูงสามสีตัวนี้”
อวิ๋นอี๋กําลังจะแย่งมันไปจากมู่เฉียนซี นางมีเหตุผลสองประการ ประการแรกคือนางชอบนกยูงที่สวยงามตัวนี้จริง ๆ ประการที่สองก็เพื่อเอาชนะมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเหนื่อยใจ คุณหนูใหญ่ผู้นี้มีไพ่ตายมากมาย นางฆ่า ‘มู่ซี’ ไม่ตาย ยังจะแย่งของของเขาไปอีกหรือ ? เมืองชางเฟิงแห่งนี้คงเป็นดินแดนของนาง…
อวิ๋นอี๋หุนหันพลันแล่นประสงค์จะซื้อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ ปรมาจารย์หม่าไม่ได้กล่าวอะไร ได้แต่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าแข็งทื่อ
มู่เฉียนซีเหลือบมองอวิ๋นอี๋ก่อนจะกล่าวว่า “คุณหนูอวิ๋น เจ้ากําลังจะแย่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จากข้าหรือ ?”
“ข้าต้องการจะซื้อมัน ทำไมรึ ? หากเจ้ามีหยกวิญญาณมากนักก็เพิ่มราคาให้มากกว่าข้าสิ” อวิ๋นอี๋กล่าวอย่างไม่แยแส
“คิดจะแข่งความมั่งคั่งก็มาได้เลย ข้ามู่ซีผู้นี้มิเคยกลัว”
“ข้าเพิ่มหยกวิญญาณอีกหนึ่งล้านชิ้น รวมเป็นสองล้านหนึ่งแสนชิ้น”
อวิ๋นอี๋กรุ่นโกรธอย่างหนัก นางเพิ่มหนึ่งแสนหยกวิญญาณ ทว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้กลับเพิ่มอีกหนึ่งล้าน เกินไปแล้ว!
นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่สํานักนอกของสํานักอวิ๋นเยียน จะมีหยกวิญญาณน้อยกว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้ได้อย่างไร ?
คุณหนูใหญ่อวิ๋นอี๋กล่าวอย่างลำพองตน “ข้าเพิ่มอีกสองล้าน หากเจ้ากล้าก็เพิ่มอีกสิ”
สิ่งที่ไม่สามารถแข่งกับผู้นำตระกูลมู่ได้เลยก็คือความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง เวลานี้อวิ๋นอี๋รนหาที่ตาย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าเพิ่มอีกสามล้าน”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองมีเจตนาที่จะแย่งชิงนกยูงสามสีเช่นนี้ เฟิงหลิงอวิ๋นจนปัญญาแล้ว พวกเขามีเงินทองมีหยกวิญญาณมากก็จริง ทว่าก็ไม่ควรใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เขานึกอยากจะดึงมู่เฉียนซีให้ยอมแพ้ ถึงอย่างไรไม่ซื้อนกยูงสามสีตัวนี้ก็ไม่เป็นอะไร
แต่เขาดู ๆ ไปแล้วมู่เฉียนซีไม่สนใจสิ่งใด ต้องการนกยูงสามสีตัวนั้นจนใช้หยกวิญญาณเป็นเหมือนของไร้ค่า เขาทําได้เพียงแต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญาพลางลอบกล่าวกับตนเองเบา ๆ “เฮ้อ… อย่างไรเสียเขาผู้นี้ก็ยังเด็ก”
“หึ! เจ้าเพิ่มสามล้านแล้วอย่างไร ? ข้าจะเพิ่มอีกห้าล้าน ข้ามีหยกวิญญาณมากกว่า เจ้ายังอ่อนเกินไป”
ไม่น่าเชื่อ! อวิ๋นอี๋ดูเหมือนจะหุนหันพลันแล่นกว่ามู่เฉียนซีเสียอีก
มู่เฉียนซีหัวเราะหยอกเย้า “โอ้! เพิ่มอีกห้าล้านรึ ? อา… นั่นก็มากกว่าสิบล้านหยกวิญญาณแล้ว คุณหนูอวิ๋นเจ้ามีเงินมากเกินไป เช่นนั้นนกยูงสามสีนี้ให้เจ้าแล้วกัน”
“เจ้า… เจ้า…”
อวิ๋นอี๋โกรธจนแทบคลั่ง นางใช้หยกวิญญาณมากกว่าสิบล้านชิ้นเพื่อซื้อนกยูงสามสี สวรรค์! นางทำสิ่งใดลงไปช่างโง่งมเสียจริง
เวลานี้ เถ้าแก่เจ้าของร้านขายสัตว์วิญญาณกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ “คุณหนูอวิ๋น ไม่ทราบว่าจะจ่ายตอนนี้หรือจะให้ส่งคนไปรับในสำนักดีหรือ ?”
“ข้า… ข้า…” อวิ๋นอี๋รู้สึกมึนงง
มู่เฉียนซีสะใจนัก นางยังคงยิ้มอย่างหยอกเย้า “หืม ? หรือว่าคุณหนูอวิ๋นจะไม่มีหยกวิญญาณตามที่เสนอ ? หากเจ้าไม่มีมากถึงเพียงนั้นก็จงอย่าแสร้งทำหน้าใหญ่ใจโตจะซื้อจะแย่งสัตว์วิญญาณกับข้าเลย ให้ข้าซื้อนกยูงสามสีนี้เสียเถอะ”
อวิ๋นอี๋กัดฟัน แค่นเสียงกล่าวอย่างไม่ยินยอม “อย่าหวังเลย!” จากนั้นนางหันไปกล่าวกับเถ้าแก่ผู้ขายสัตว์วิญญาณ “ข้าจะลงนามในใบสัญญาซื้อขายเอาไว้ ประเดี๋ยวอีกสักครู่หนึ่งเจ้าส่งคนไปรับหยกวิญญาณได้ที่สํานัก นกยูงสามสีนี้เป็นของข้าแล้ว”
เถ้าแก่ส่งนกยูงสามสีมาไว้ในมือของอวิ๋นอี๋พลางยิ้มตาหยีแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นเชิญคุณหนูใหญ่อวิ๋นรับไว้”
ในทีแรกเถ้าแก่คิดว่าจะขายเพื่อเอาค่าเลี้ยงดูคืน ทว่าโชคดีนักที่ขายได้ในราคาสูงเช่นนี้ เถ้าแก่มองไปยังเด็กหนุ่มนัยน์ตาเขียวผู้นั้น ดวงตาฉายแววซาบซึ้งใจ
เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภของเขาอย่างแน่นอน
เวลานี้เอง ปรมาจารย์หม่าที่อยู่ด้านหลังกำแพงกล่าวขึ้น “นกยูงสามสีนี้ไร้ประโยชน์ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ข้าไม่สนใจที่จะฝึกให้เชื่อง หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ให้เชื่อง อย่าลืมซื้อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวอื่นอีกตัว”
กล่าวจบ ปรมาจารย์หม่าก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่ไว้หน้าอวิ๋นอี๋เลย
อวิ๋นอี๋รู้สึกราวกับว่าตนเองถูกตีแสกหน้า
ซื้ออีกตัวหนึ่ง!
เป็นไปไม่ได้แน่ หยกวิญญาณของทั้งสํานักมีไม่กี่สิบล้านเท่านั้น นางพลั้งเผลอใช้ไปสิบกว่าล้านแล้ว ท่านพ่อคงไม่ยอมให้นางจ่ายทรัพย์ก้อนใหญ่เพื่อซื้อสัตว์วิญญาณอีกเป็นตัวที่สองอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นกยูงสามสีตัวนี้หากไม่เชื่อง เช่นนั้นมันก็ไร้ประโยชน์อย่างที่ปรมาจารย์หม่ากล่าวไว้จริงแท้
นางพาคนวิ่งตามปรมาจารย์หม่าไปอย่างร้อนรน ตีหน้าซื่อพลางกล่าวเสียงเศร้าเคล้าความน่าสงสารว่า “ปรมาจารย์หม่า ท่านรอข้าก่อน โปรดฟังคําอธิบายจากอี้เอ๋อร์ก่อน”
มู่เฉียนซีส่ายศีรษะกับภาพที่เห็น นางหันไปหาเถ้าแก่ก่อนจะถามขึ้น “เถ้าแก่ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เถ้าแก่มีขาย พวกมันอยู่ที่นี่หรือไม่ ?”
เถ้าแก่ “ใช่ อยู่ที่นี่ทั้งหมด”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ใช่ว่านางชอบนกยูงสามสี เพียงแต่ว่านางไม่ชอบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นี่เลยสักตัว นางพบว่าอวิ๋นอี๋สนใจนกยูงสามสีนั่นจึงจงใจหลอกให้เสียทรัพย์ก้อนโต ช่างเหลือเชื่อที่คุณหนูผู้นั้นก็หลงเชื่อง่ายเสียจริง
เสี่ยวชีเป็นนักฆ่า เขาถือเป็นมือสังหารเก่งกล้าผู้หนึ่ง ให้นกยูงสามสีที่เหมือนแจกันดอกไม้เป็นสัตว์พันธสัญญาแก่เขา หากเป็นเช่นนั้นนางคงไม่มีอะไรต้องทำแล้ว
ทว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นผู้นั้นติดกับดัก ยอมเสียหยกวิญญาณมากมายเพื่อแย่งชิงนกยูงสามสีกับนาง
“เถ้าแก่ แท้ที่จริงข้าไม่ชอบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เห็นตรงบริเวณนี้ ทว่าในเมื่อมาที่นี่แล้ว เถ้าแก่พาข้าไปดูสัตว์วิญญาณอื่น ๆ ที่เหลือหน่อยเถอะ”
ความแข็งแกร่งของสัตว์วิญญาณตรงบริเวณที่นางยืนอยู่นั้นจัดได้ว่าค่อนข้างอ่อนแอเล็กน้อย มู่เฉียนซีกวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นนกสีดําตัวหนึ่งที่กําลังจะตายอยู่ในมุมนั้น เวลานี้เอง อู๋ตี้ที่อยู่ในพื้นที่พันธสัญญารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มันรู้สึกถึงกลิ่นอายพิเศษบางอย่าง
“นายท่าน นกตัวนั้นไม่ธรรมดา ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์บนร่างของมัน”
เสี่ยวหงกล่าวขึ้น “เจ้าแน่ใจรึว่าไม่ได้เข้าใจผิด ? สัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์… สัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์จะมีสภาพน่าสังเวชถึงเพียงนั้นเลยเชียวหรือ ?”
“สัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ที่ข้ากําลังพูดถึง คือมีความเป็นไปได้มากที่จะมีสายเลือดของสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ เพียงแต่ตอนนี้มันอ่อนแอมากก็เท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม มู่เฉียนซีสนใจนกสีดําตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นขึ้นมาแล้ว
“เถ้าแก่ เจ้านกสีดําตัวนี้เท่าไหร่หรือ ?” มู่เฉียนซีเอ่ยถาม
ทว่าเถ้าแก่คิดไม่ออก เขาไม่รู้จะประเมินราคาอย่างไร
ตั้งแต่คุณชายน้อยผู้นี้ถูกแย่งนกยูงสามสีไป เขาก็ไม่ชอบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น
“เจ้าหนุ่มเอ๋ย… เจ้าจงอย่าได้คิดสั้นไปชอบเจ้าตัวนี้เลย” เถ้าแก่กล่าวเสียงแผ่วเบา “เจ้าตัวนี้ข้าได้มาจากนักผจญภัยเมื่อครึ่งปีก่อน มันป่วยมาตลอด แม้แต่หมอยาทั้งหมดในตลาดซื้อขายของพวกเราก็ทําอะไรไม่ได้ ทําได้เพียงปล่อยมันไว้ที่นี่ให้รอดเองตายเอง อีกทั้งมันยังเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับสาม แต่หากเจ้าต้องการมัน หยกวิญญาณหนึ่งพันชิ้นก็เพียงพอ อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่ได้ซื้อนกยูงสามสี ข้าขายตัวนี้ให้ราคาถูกหน่อย นับว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างพวกเรา”
.