ตอนที่ 1382

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1382  เริ่มการล่า (4)

ในขณะที่คนจากวิหารฝูหัวกำลังกังวลอย่างมากนั้น  ร่างสองร่างยังคงซ่อนตัวอยู่เงียบๆภายในหมอกหนา  พวกเขาไม่ได้ถือสิ่งใดที่ให้แสงสว่างไว้ในมือเลย  แต่ดูเหมือนว่าสายตาของพวกเขาสามารถมองทะลุผ่านหมอกลึกลับและมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

“เฮ้  ไอ้พวกโง่อีกกลุ่มมาหาเราถึงที่แล้ว”  หนึ่งในผู้เยาว์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

“อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย”  เสียงเย็นชาของผู้เยาว์อีกคนดังขึ้นในหูเขา

หมอกหนาที่ทำให้ผู้คนมองอะไรไม่เห็นนั้น  เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เยาว์ทั้งสองคนนี้กลับเหมือนไม่มีมันอยู่เลย  ไม่มีอะไรปิดกั้นการมองเห็นของพวกเขาเลยสักนิด  สายตาของพวกเขามองทะลุผ่านหมอกและเห็นทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน  ท่าทางหวาดกลัวของคนจากวิหารฝูหัวสะท้อนให้เห็นชัดเจนในดวงตาของพวกเขา

“อย่าเพิ่งรีบร้อน  โอกาสที่เราจะได้ต่อสู้หายากจะตาย  ข้ารออยู่นานแล้ว  งานสนุกๆแบบนี้มักถูกเจ้าตัวร้ายพวกนั้นแย่งไปตลอด  เดือนที่แล้วก็ไม่ถึงตาข้าเลย  คันมือคันไม้อยู่นานแล้ว  ท่านรู้ไหม?”

ผู้เยาว์ที่เสียงเย็นชากวาดสายตามองเพื่อนของเขา  แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกจนปัญญา

“เจ้าอยากเสียเวลากับคนพวกนี้  หรือจะรีบกลับไปเพิ่มพลังวิญญาณสุดท้ายของเจ้า?  ถ้าข้าจำไม่ผิด  การฝึกฝนของเจ้าดูเหมือนจะช้าที่สุดในบรรดาพวกเราทุกคนนะ”

คำพูดเดียวของผู้เยาว์เสียงเย็นชาทำให้สหายของเขามีสีหน้าซึมเศร้าทันที

“ก็ได้ๆๆ!  จริงๆเลย พี่ฮัว ท่านจะชมข้าบ้างไม่ได้หรือไง?  ข้าไม่ได้พัฒนาช้าสักหน่อย  พวกท่านต่างหากที่เร็วเหมือนปีศาจ!  ข้าจะลงมือเดี๋ยวนี้แหละ  ไปล่ะนะ!”  ผู้เยาว์ที่ซึมเศร้าบ่นอย่างไม่พอใจ  ร่างของเขาพุ่งออกไปด้านหน้าทันที!

คนของวิหารฝูหัวที่กำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว  ไม่ได้สังเกตเลยว่าความตายใกล้ถึงตัวพวกเขาแล้ว!

ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของคนกลุ่มนั้น!

เลือดอุ่นๆพุ่งเป็นสายขึ้นไปในอากาศ  แล้วตกลงมาเหมือนสายฝน!

ชายที่ยืนอยู่แถวหน้าไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น  รู้สึกเพียงว่าคนทั้งกลุ่มที่ถูกความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจอยู่แล้ว  จู่ๆก็เกิดโกลาหลวุ่นวายขึ้น!

กลุ่มคนที่เงียบกันอยู่ก็มีเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวดังขึ้น    คนมากกว่าร้อยตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย!

“ศัตรูโจมตี!  ศัตรูโจมตี!”  ใครบางคนในกลุ่มร้องตะโกนออกมา

หัวหน้ากลุ่มตกใจ  เขาพยายามกดความกลัวในใจเอาไว้และตะโกนขึ้นว่า  “ทุกคนตั้งสติไว้!  อย่าตื่นตกใจ!  พวกเรามีคนตั้งเยอะ  ไม่ว่าใครจะมา  เราก็จะทำให้มันไม่สามารถกลับไปได้!”

ตั้งแต่ตอนที่คำพูดกล้าหาญพวกนั้นออกจากปากเขา  ความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ได้หยุดลงเลยสักวินาที

ผู้เยาว์ที่ยืนอยู่ในหมอกหนาเฝ้ามองสหายของเขาสร้างความวุ่นวายขึ้นในกลุ่มคนจากวิหารฝูหัวแล้วถอนหายใจเบาๆ  แหวนภูติประจำตัวบนนิ้วของเขาเรืองแสงอ่อนๆ  และขลุ่ยกระดูกสีขาวอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา

จากนั้นชายหนุ่มก็จรดขลุ่ยที่ริมฝีปากของเขาอย่างใจเย็นและค่อยๆเป่าทำนองเพลงอย่างช้าๆ

เสียงอันไพเราะของขลุ่ยดังก้องขึ้นในพื้นที่ว่างเปล่าภายใต้หมอกหนา  ลอยล่องอยู่ท่ามกลางเสียงร้องอย่างเจ็บปวด  ฟังดูลึกลับอย่างมาก

คนของวิหารฝูหัวที่ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย  เมื่อได้ยินเสียงขลุ่ย  ความรู้สึกแปลกๆก็กระจายไปทั่วร่างทันที

ความกลัว  ความตื่นตระหนก  และความไม่สบายใจของพวกเขาดูเหมือนจะหายไปเมื่อได้ยินท่องทำนองจากเสียงขลุ่ยนั้น  ความรู้สึกสบายๆและขี้เกียจซึมเข้าไปในทุกเส้นประสาทของพวกเขา  ทำให้ทุกคนพากันทิ้งดาบในมือโดยไม่รู้ตัว  คนที่ต้องการเรียกภูติประจำตัวออกมาก็ค่อยๆผ่อนคลายลงช้าๆ  ทันใดนั้นแขนขาของพวกเขาก็รู้สึกหนักจนทนไม่ไหว  จิตใจเหนื่อยล้าจนไม่อยากแม้แต่จะคิด  ทุกอย่างตรงหน้าไม่สำคัญสำหรับพวกเขาอีกต่อไป