ท่ามกลางหมอกสีเทาเย็นยะเยือก กู่ฉิงซานกำลังบินตรงไปยังเบื้องหน้า

ใบหยกว่ายเวียนโลกสวรรค์คอยปลดปล่อยพลังที่มองไม่เห็นออกมา ชักนำเขาไปยังโลกภาพทับซ้อนต่อไป

ส่วนเบื้องหลังของกู่ฉิงซาน ไม่ใกล้ไม่ไกล เป็นยุคภาพทับซ้อนที่กำลังสาดแสงสว่างจ้า ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงที่เกือบจะเผาไหม้ทุกสิ่ง วอดวายจนสิ้นแล้ว

สักพักหนึ่ง ภาพทับซ้อนที่ว่าก็สว่างไสวมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายแตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายเป็นประกายแสงระยิบระยับ

มันสลายหายไปในหมอกหนาอันไร้ที่สิ้นสุดของห้วงกาลเวลา

กู่ฉิงซานกัดฟัน และพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อยับยั้งกลิ่นอายร่างกายของตนเอง และจัดวางชุดค่ายกลปกปิดมากมาย โดยไม่คำนึงถึงศิลาวิญญาณที่ต้องสูญเสียไป

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันกะทันหันเกินไป

เหล่าทวยเทพกับมอนสเตอร์บรรพกาลร่วมมือกัน ทุ่มเททำลายเศษเสี้ยวยุคภาพทับซ้อนอย่างเต็มกำลัง

โชคยังดีที่ในช่วงเวลาวิกฤติสำคัญ ลั่วปิงลี่มาได้ทันเวลา มิฉะนั้นแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงเธอ ต่อให้เป็นกู่ฉิงซานเองก็คงมิแคล้วตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

กู่ฉิงซานย้อนนึกไปถึงฉากที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น

เขาค้นพบว่าตัวลั่วปิงลี่เองก็ยังไม่อาจหยั่งรู้ได้

มันค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องง่ายดายที่จะหน่วงเวลาหรือตัดขาดเวลากับสิ่งมีชีวิตอ่อนแอ

ทว่าหากเป้าหมายในตัวเลือกที่กล่าวมาเป็นเทพวิญญาณแล้วล่ะก็ เทคนิคเวลาจะถูกต่อต้านอย่างร้ายแรงโดยเทพวิญญาณ และมีโอกาสมากเลยทีเดียวที่มันจะผิดพลาด

อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่นี้ เป็นกองทัพใหญ่ของมอนสเตอร์บรรพกาลและเทพวิญญาณที่ทรงพลัง บุกมายังดินแดนของมนุษย์ แต่ลั่วปิงลี่ก็ยังคงสามารถใช้ออกด้วยเทคนิคหน่วงเวลาได้

สิ่งที่เธอทำคือชะลออัตราการไหลของเวลากับศัตรูทั้งหมด

นี่ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมซะจริงๆ

แต่ถึงกระนั้น ทั้งสองก็ยังเกือบที่จะถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้โดยเทพวิญญาณ

กู่ฉิงซานเค้นสมองขบคิด ส่วนลึกภายในหัวใจของเขาคล้ายจมอยู่กับการดิ้นรนอย่างร้ายแรง

นั่นเพราะในยุคภาพทับซ้อนก่อนหน้านี้ที่เขาหนีมา มันมีเหรียญโบราณที่จักใช้ควบคุมยับยั้งพลังของเทพวิญญาณอยู่

แต่ภาพทับซ้อนดังกล่าว ที่เผ่ามนุษย์ตระเตรียมการเอาไว้ บัดนี้ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว นี่ย่อมหมายความว่ากู่ฉิงซานสูญสิ้นโอกาสที่จะได้รับเหรียญโบราณ

หากไม่มีเหรียญนั่น มันจะส่งผลกระทบมากมายเพียงใดกันหนอต่อกระบวนการในขั้นต่อไป?

กู่ฉิงซานไม่อาจคาดเดาได้เลย

รอบกายเขา คล้ายกับว่ามีหมอกหนาอันเย็นเยียบ ท่วมทับอยู่ในความว่างเปล่า

ใบหยกว่ายเวียนโลกสวรรค์ยังคงส่งพลังออกมา ชักนำเขาอย่างไม่หยุดยั้ง ฝ่าหมอกหนาออกไป

กู่ฉิงซานหลบเลี่ยงบรรดายุคภาพทับซ้อน บินไปตามเส้นทางพิเศษ เพื่อพบเจอกับช่วงเวลาต่อไป ที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยเผ่าพันธุ์มนุษย์

นี่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง

เพราะไม่มีใครเลยที่สามารถช่วยเขาได้

กู่ฉิงซานเงียบงันไปนาน แล้วจู่ๆ เขาก็กัดฟัน ดึงดาบยาวออกมา

รังสีดาบกะพริบไหวในคราวแรก

เพล้ง!

บังเกิดเสียงปริร้าวที่ดังฟังชัด

ใบหยกว่ายเวียนโลกสวรรค์ถูกแทงโดยดาบของเขา แยกกระจายเป็นชิ้นไปทั่วฟ้า

หลังจากนั้นพลังงานจากใบหยกก็หายไป

หากปราศจากซึ่งพลังงานจากใบหยก กู่ฉิงซานก็ต้องจมอยู่ในส่วนลึกของหมอกหนาแห่งห้วงกาลเวลา

แต่เขายังคงบินต่อไป บินข้ามผ่านยุคภาพทับซ้อนนับไม่ถ้วน

โดยที่ใบหน้าของเขาช่างสงบเฉยชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

เขาปล่อยตัวเองให้จมลงสู่หนทางที่ไร้จุดหมาย

ทันใดนั้นเอง เขาก็ตกเข้าไปในยุคภาพทับซ้อนธรรมดาๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง

นี่ย่อมเป็นการสุ่มโดยสิ้นเชิง กระทั่งตัวกู่ฉิงซานเอง ก็ไม่ทราบว่าเขากำลังเข้าสู่ยุคโบราณในช่วงเวลาใด

ณ ผืนดินอันแห้งแล้ง

พระอาทิตย์สีแดงเข้มร่วงลงมาอยู่ในเส้นขอบฟ้า สะท้อนแสงและเงาจนเมฆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน

พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกลง หายลับไปตามเส้นขอบฟ้า

ท่ามกลางซากปรักหักพัง กู่ฉิงซานปรากฏกายขึ้น

เขาค้นพบว่าตนเองหยั่งเท้าลงบนสระเลือด

เหลียวมองไปตลอดรอบทิศทาง

พบว่ามันระเกะระกะไปด้วยแขน ขา และโครงกระดูกในสภาพไม่สมประกอบมากมาย

นี่คล้ายกันกับโรงเชือดของเผ่าพันธุ์มนุษย์เลย

แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะดูได้จากร่องรอยของโครงกระดูกเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันถูกกวาดล้างโดยมอนสเตอร์บรรพกาล

มอนสเตอร์บรรพกาลได้กินอาหารมื้อนี้จนเต็มอิ่ม และจากไปตั้งนานแล้ว

กู่ฉิงซานหยุดยืนอยู่ในจุดนั้น ปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไป ตรวจสอบตลอดทั้งสี่ทิศอย่างละเอียด

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองอยู่ในยุคโบราณช่วงเวลาใด ดังนั้นจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลทันที แล้วก็ค่อยตัดสินสถานการณ์ด้วยตัวเอง

ฉานนู่ปรากฏกายขึ้นจากในความว่างเปล่า

เธอก้มลงมองเลือดสีดำแดงบนพื้นดิน และตกใจกับซากสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น

เพราะแม้กระทั่งในนรก ฉากเช่นนี้ก็ยากนักที่จะพบเห็น

“นายน้อย เหตุใดท่านต้องทำลายใบหยกด้วย? หากพวกเราสูญสิ้นการนำทางของใบหยก พวกเราจะไม่สามารถค้นหาดาบนภาได้นะ” ฉานนู่ถามด้วยความสงสัย

กู่ฉิงซานสูดลมหายใจอย่างเงียบๆ และกล่าว “ข้าทราบดีว่ามันไม่สมควรที่จะทำลายใบหยกอย่างผลีผลาม”

“นายน้อย ถ้าเช่นนั้น…”

“แต่ระหว่างทาง ข้าก็ได้ตั้งคำถามกับตัวเองขึ้น”

“คำถามอันใด?”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ “ว่าหากข้าเป็นเทพที่ตระเตรียมแผนการร่วมกับเทพวิญญาณในยุคโบราณเอาไว้ล่วงหน้า ในระหว่างที่กำลังทำลายภาพทับซ้อนซึ่งกุมความลับของเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ ในขณะเดียวกันข้าจะทำอะไร”

กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “เห็นได้ชัดว่าหากข้าปล่อยให้ทำลายภาพทับซ้อนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดลง ข้าก็จะไม่สามารถทราบถึงข้อมูลที่เชื่อมโยงแบบเฉพาะเจาะจงเหล่านั้นได้ จะไม่มีผู้ใดสามารถค้นหาความลับสุดท้ายของเผ่ามนุษย์ได้อีกเลยตลอดกาล”

“ตราบใดที่กระทำสิ่งดังกล่าวจนบรรลุผล ความหวังทั้งหมดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะหายไป”

“ดังนั้น นายน้อยเลยทำลายใบหยก และไม่คิดจะเดินทางต่อใช่หรือไม่?” ฉานนู่ถาม

การแสดงออกถึงความลังเลอันหาได้ยากยิ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน

“ข้าเองก็… ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันถูกต้องหรือไม่ แต่ขอตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาอีกครั้ง ว่าหากข้ามาจากอนาคต และพยายามจะจับตัวกู่ฉิงซาน ข้าจะทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้”

ฉานนู่ตะลึงงัน ตอบกลับมาอย่างเรียบง่าย “เรื่องนั้นสุดที่ข้าจะคาดเดา”

กู่ฉิงซานกล่าว “หากข้าเป็นเขา ข้าย่อมไปเจรจาต่อรองกับเทพวิญญาณโบราณในทันที เพื่อที่ให้พวกเขา หยุดการทำลายความลับของภาพทับซ้อนเป็นการชั่วคราว ขณะเดียวกันก็ซุ่มซ่อนอยู่อย่างเงียบๆ เฝ้ารอให้กู่ฉิงซานปรากฏตัวออกมา”

“ซุ่มซ่อน แม้จะเป็นวิธีการโง่เง่า แต่ในเวลาเดียวกัน มันคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ความหมายก็คือ เทพวิญญาณเพียงเฝ้ารอให้ศัตรูหลบหนีจนอ่อนล้า เมื่อไหร่ที่กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้น ก็จักทะยานโถมโจมตีทันที ระเบิดพลังอำนาจที่เต็มเปี่ยมโค่นล้มกู่ฉิงซานลง”

ฉานนู่พอได้ยินก็สั่นสะท้าน อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา “แล้วเทพวิญญาณโบราณจะรับฟังคำพูดของมันหรือ?”

กู่ฉิงซานพึมพำ “พวกมันสมควรที่จะตกลงกัน… ก่อนหน้านี้ในโลกปีศาจซี่ฉี เทพวิญญาณโบราณเองก็กำลังไล่ล่าตัวข้า นี่พอจะอธิบายได้ว่า พวกมันเองก็สนใจในความลับสุดท้ายที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทิ้งเอาไว้เช่นกัน”

เขาสรุป “ไม่น่าจะผิดแล้วล่ะ ความแข็งแกร่งของกู่ฉิงซานเองก็อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นเทพวิญญาณย่อมยินยอมละทิ้งเรื่องการทำลายภาพทับซ้อนเอาไว้เบื้องหลัง เพื่อเฝ้ารอให้กู่ฉิงซานเข้ามางับเหยื่อ ตราบใดที่กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้น หลังจากนั้นการจะจับตัวข้าก็เป็นเรื่องง่าย ”

ฉานนู่ถอนหายใจ “นายน้อย ข้าคิดว่าหากเป็นเช่นนั้นมันก็อันตรายเกินไป ขอให้ท่านกลับไปยังปรภพด้วยกันกับข้าเถอะ แล้วข้าจะใช้อำนาจของภูเขาล้อมเหล็ก ที่สามารถต้านทานได้แม้กระทั่งสายลมแห่งความโกลาหล ช่วยปกป้องพวกเราในนรกเอง ถึงเวลานั้น ต่อให้เป็นเทพวิญญาณก็ยังไม่กล้าที่จะเข้ามาคร่ากุมราชาภูตเช่นท่าน”

กู่ฉิงซานมองเธอ เอ่ยเสียงหม่น “ฉานนู่ เจ้ากลัวหรือ?”

ฉานนู่ส่ายหัวและกล่าว “ข้ามิได้หวาดกลัวเทพวิญญาณ หากแต่เพียงหวาดกลัวว่าพวกมันจะนำเอาจิตวิญญาณของนายน้อยไป หากเป็นในกรณีนั้น โอกาสที่นายน้อยจะได้ไปเกิดใหม่คงไม่มีอีกแล้ว”

แววตาของกู่ฉิงซานค่อยๆ อ่อนโยนลง เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น

“วางใจเถอะ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น นายน้อยของเจ้าไม่เคยหวาดหวั่นพวกขยะเหล่านี้อยู่แล้ว”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และเริ่มย่ำเดินไปตามสระเลือดเบื้องหน้า

ระหว่างก้าวเดิน รูปลักษณ์ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ปากเอ่ยพึมพำ

“ซุ่มซ่อมตัวอย่างนั้นหรือ อันที่จริง ข้าเองก็คุ้นเคยกับกิจวัตรเช่นนั้นเป็นอย่างดีอยู่แล้ว”

ตอนแรก เขากลายเป็นชายร่างใหญ่ สักพักสลับกลายเป็นชายชราผมขาว จากนั้นกลายเป็นนักบวชเต๋าเครายาว , ต่อมากลายเป็นเด็กอายุเจ็ดถึงแปดขวบ และสุดท้ายกลายเป็นวัยรุ่น

วัยรุ่นหยุดฝีเท้า มองไปตามเลือดบนพื้นดิน เพ่งไปยังซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่

“ด้วยรูปลักษณ์ของพวกเจ้าที่มอบมันให้แก่ข้าจากหยาดโลหิตเหล่านี้ ข้าจะขอใช้ประโยชน์จากมัน แก้แค้นให้กับพวกเจ้าเอง”

สิ้นคำประกาศกร้าว เขาก็นำฉานนู่หายไปจากซากปรักหักพัง มิอาจมองเห็นได้อีกเลย

อีกด้านหนึ่ง

ภายในหมอกแห่งห้วงกาลเวลา

ณ ภาพทับซ้อนยุคโบราณ

ตลอดทั้งสี่ทิศในภาพทับซ้อนยุคนี้ มีร่างอยู่นับไม่ถ้วนกำลังซุ่มซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า

และด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา คงมีเพียงผู้ฝึกยุทธระดับสูงเช่นเดียวกันกับเซี่ยกู่หงส์เท่านั้นที่จะตรวจพบ ฉะนั้นผู้ฝึกยุทธเผ่าพันธุ์มนุษย์ธรรมดาๆ ย่อมไม่อาจสัมผัสอะไรได้

พวกเขากำลังแฝงตัวอยู่ในความว่างเปล่าอย่างเงียบๆ เฝ้ารออย่างอดทน

แม้ว่ามันจะใช้เวลาหลบซ่อนตัวอยู่นานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังอดทนกันเป็นอย่างมาก

แต่การรอคอย…คล้ายกับว่าจะไม่มีวันจบสิ้น

เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่พวกเขาเฝ้ารอ ไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏตัวเลย

ในที่สุด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า

“ข้าขอเดาว่า…เขาไม่น่าจะมาแล้ว”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำปรากฏกายขึ้นในความว่างเปล่า  กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟุ้งไปด้วยความเสียดาย

เขาก้มลงมองเหรียญโบราณที่อยู่ในมือ

พบว่าอีกไม่นาน

มันก็จะสามารถเปิดใช้งานได้อีกครั้งแล้ว!!

…………………….