บทที่ 269 – พิธีเปิดอันงดงาม (6)
มนุษยชาติได้สูญสิ้นไปแล้ว
ไม่สิ พูดให้ถูกต้องบอกว่ามันใกล้ที่จะสูญพันธุ์แล้ว แต่ในทางปฏิบัติก็สูญสิ้นไปแล้วจริงๆ
ราชินีปรสิตได้หันมาลงดาบมนุษยชาติในทันทีที่สหพันธรัฐล่มสลาย
ในตอนที่ป้อมปราการไทกอลยังคงอยู่ เธอแทบจะไม่แตะต้องมนุษยชาติเลย แต่ว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อสหพันธรัฐล่มสลาย
เมื่อกองทัพปรสิตได้เริ่มการโจมตี พวกมันก็ได้กระจายไปทั่วทั้งทวีปโดยที่ไม่มีใครหยุดเอาไว้ได้
มนุษชาติได้พยายามรวบรวมกองกำลังเพื่อต่อต้านกลับไป แต่ว่ามนุษยชาติก็ถูกปรสิตจัดการลงได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นเพียงกิ่งไม้ที่รอวันถูกหักเพียงเท่านั้น
ฮารามาร์ค เมืองที่เป็นแนวรบหน้าสุดของทางใต้ได้ถูกทำลายจนยับเยินภายใต้การบุกรุกของปรสิต
เทเรซ่า ฮัสเซย์ได้รวบรวมกองกำลังทหารที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจะเอามาเรียกว่ากองกำลังไมได้ และพยายามที่จะยึดเมืองคืน แต่ว่าเพราะจำนวนอันไม่สิ้นสุดของศัตรูได้บังคับให้พวกเธอต้องถอยแทบจะในทันที
อีวาก็เป็นเช่นเดียวกัน
อีวาเกลีน โรส และบุคคลอื่นๆที่เหลืออยู่ต่างก็พยายามต่อสู้อย่างสุดกำลังโดยเอาชีวิตเข้าแรก แต่ว่าในท้ายที่สุดทั้งเมืองก็ถูกยึดไป
และในวันนี้เมืองหลวงของมนุษยชาติก็ได้ลุกเป็นไฟ
นี่มันเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อฮารามาร์คล่มสลาย สกีเฮราซาร์ดก็ไม่ได้เป็นเมืองที่ปลอดภัยอีกต่อไป นี่เป็นสิ่งที่ถูกคาดการณ์เอาไว้นับตั้งแต่ที่อาณาจักรภูติล่มสลายไปจนทำให้ป้อมปราการไทกอลต้องถูกรื้อตามมาด้วยเมืองอีวา
สำหรับเมืองที่ยังคงอยู่คงเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นที่จะกลายเป็นเท่านั้น
พวกเขาคิดตื้นกันเกินไป
ใครจะไปรู้ว่าวิหารที่อยู่ใกล้เมือง และประตูมิติจะถูกทำลายไปในทันทีที่มีการปิดล้อม?
ไม่มีใครคิดเลยว่าจะมีคนทรยศอยู่มากขนาดนี้ พวกคนทรยศเพียงแต่ไม่ได้ลงมือมาตลอดเท่านั้นเอง
กว่ามนุษชาติจะรู้ตัวมันก็สายเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว
และในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องตอบแทนสิ่งนั้นกลับไป
***
ไกลออกไปในทางของสกีเฮราซาร์ดได้มีควันดำลอยขึ้นมาให้เห็น มันไม่จำเป็นต้องจินตนาการเลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น หากให้พูดก็คือมันได้กลายเป็นนรกอันน่าสยดสยองไปแล้ว
ยุนซอฮุยก็อทบจะถูกลากเข้าไปในนรกนั่นเช่นกัน หากว่าไม่ใช่เพราะชายตรงหน้าเธอเข้ามาแทรกแซง และใช้รอยเลือดของเธอแกะรอยตามมาจนเกือบจะฆ่าความบริสุทธิ์อันโสมมไปได้ เธอก็คงต้องเจอกับชะตากรรมอันน่าเลวร้ายเป็นแน่
ยุนซอฮุยที่มองดูภาพหมอกควันอันเลวร้ายลอยอยู่ทั่วเมืองได้พูดออกมาอย่างสงบ
“ขอบคุณ”
เธอได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
“ฉันรอดก็เพราะคุณ”
“เธอพูดมากเกินไปนะ…”
น้ำเสียงแหบแห้งได้ดังเข้าหูของเธอ นี่มันเป็นเสียงที่เย็นชาเหมือนกับน้ำแข็ง
“สำหรับคนทรยศ”
ม่านตาของเธอได้สั่นไหว ยุนซอฮุยได้ก้มหน้าลงและจ้องเขม็งไปที่ชายตรงหน้า
เขาเป็นมนุษยชาติเพียงคนเดียวที่ได้รับการยอมรับจากสหพันธรัฐ ชายผู้ที่ทำผู้บัญชาการกองทัพปรสิตต้องหวาดกลัว และเป็นชายผู้ที่ไม่ได้ถูกเทพองค์ใดเลือกแม้ว่าเขาจะทรงพลังมากก็ตามที
เขาคือปีศาจหอกระดับ 8 ซอลจีฮู
“คุณ”
ยุนซอฮุยได้กัดฟันออกมา
“หุบปาก”
ยังไงก็ตาม
“ทำไมไม่ทำตามฉันที่ฉันไป?”
…ร่างกายของเธอได้ผงะเมื่อเห็นดวงตาและใบหน้าที่ว่างเปล่าขาดซึ่งสิ่งที่คนปกติควรจะมี
“…ฉันไม่มีทางเลือก”
“…”
“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้ทำ แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่อาจจะสร้างสถานการณ์แบบที่คุณต้องการได้ และฉันก็ไม่ได้มีพลังในการทำแบบนั้น”
“น่าตกใจนะ ฉันก็ไม่คิดว่าฉันขออะไรยากๆไปนี่”
“ให้ตายสิ! เส้นทางหนีของเราได้หายไปในทันทีที่มีการปิดล้อมขึ้น ฉันจะทำอะไรได้ในเมื่อเราถูกโจมตีทั้งจากภายในแล้วก็ภายนอก?”
“ไม่ใช่ว่าฉันเตือนเธอล่วงหน้าแล้วหรอ?”
“ฉันคิดว่าคนทรยศถูกกำจัดไปหมดแล้ว ใครกันจะไปคิดว่าที่เรากำจัดไปเป็นแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น?”
“ในตอนอดีตดวงดาวแห่งความโลภตะโกนบอกเธอทีละคำ เธอไม่สนใจจะฟังเลยด้วยซ้ำ เธอก็สมควรแล้วล่ะ”
ซอลจีฮูได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา
“แล้วเธอก็กำลังจะบอกฉันว่าเธอพยายามแล้ว แต่ก็ล้มเหลวเพราะไร้พลัง?”
“…”
“คนเราเป็นสัตว์ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาด้วยสภาพแวดล้อม ในตอนที่ฉันเป็นทาสอยู่ที่ที่หนึ่ง มีคนบางคนที่โบกสัญญาแล้วบังคับโยนฉันออกไปทั้งๆที่ตอนนั้นฉันบาดเจ็บ และรู้สึกเหมือนกับกำลังจะตาย”
“ฉัน-!”
“แน่นอนว่า เมื่อไหร่ที่เซ็นต์สัญญาไปแล้วก็ต้องรับผลที่ตามมาต่อให้ต้องตายก็ตาม เธอทำถูก”
ซอลจีฮูได้ส่ายหัวอย่างช้าๆ และพูดออกมา
“ก็เหมือนอย่างที่ผู้หญิงคิมคนนั้นชอบพูดเสมอ คนที่ขัดต่อสัญญาเป็นการกระทำที่ทรยศต่อความศรัทธา และความเชื่อใจ”
ยุนซอฮุยได้กัดริมฝีปากล่าง
“แต่ว่าหากเธอทำงานแบบนี้ มันสมควรแล้วหรอที่จะมาคาดคั้นอะไรกับฉัน?”
ใบหน้าของยุนซอฮุยได้เต็มไปด้วยความโกรธ
“ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนหรือเหตุผลอะไร ผลที่ออกมามันทำให้เธอเป็นคนทรยศ”
“ถ้างั้นตามคำพูดคุณแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณก็เป็นคนทรยศหรอ?”
“หยุดไร้สาระได้แล้ว เป็นเธอนั่นแหละ”
“ไม่ คุณต่างหาก”
มันเป็นภาพที่ดูแปลกตา ทั้งคู่ต่างก็เอาแต่โทษกันไปมาทั้งๆที่คนทรยศจริงๆไม่ได้อยู่ตรงนี้เลย
ยุนซอฮุยได้ตอบโต้ไปพร้อมกัดฟันแน่น
“ใครจะไปคิดว่าที่พึ่งสุดท้ายของมนุษยชาติจะถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ? ฉันพนันได้เลยว่าแม้กระทั่งปรสิตก็ไม่รู้”
“โอ้ ขอล่ะ พูดเหมือนกับเธอสนใจพาราไดซ์งั้นแหละ”
ซอลจีฮูได้แค่นเสียงออกมา
“แล้วก็หยุดไร้สาระได้แล้ว ตอนนี้เรากำลังคุยกันเรื่องสัญญาของเราอยู่”
ยุนซอฮุยได้กัดฟันของเธอ เธอรู้สึกทรมานจนเหมือนจะหายใจไม่ออก หากว่าเธอไม่ได้พูดอะไรกลับไปเธอรู้สึกเหมือนตัวเธอจะระเบิดออกมา
“ตอนนี้ฉันรู้แล้ว”
“?”
“ฉันรู้แล้วว่าทำไมเทพทั้งเจ็ดถึงไม่มีใครเลือกคุณ แค่เพราะผู้หญิงคนเดียว… คุณไม่ลังเลเลยสักนิดแม้ว่าจะต้องลากมนุษยชาติทั้งหมดไปสู่เกมการพนันของตัวเอง”
แต่ด้วยคมหอกที่กดเข้ามาที่เนื้อตรงคอของเธอทำให้เธอไม่อาจจะพูดจนจบได้ เลือดได้ไหลออกมาเป็นทางยาวไปจนถึงไหปลาร้าของเธอ เธอรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา แต่เธอก็ยังกัดฟันทนเอาไว้
“เอาเลย ฆ่าฉันเลยสิ!”
“…”
“ฉันบอกให้ฆ่าฉัน!”
ความเงียบได้เกิดขึ้นหลังจากเสียงตะโกนนี้
“ไปที่นัวร์”
“อะไรนะ?”
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง อึนยูริกับโอเดลเล็ต เดลฟีนได้บอกว่าพวกเธอเตรียมไพ่ตายสุดท้ายเอาไว้แล้ว ผู้รอดชีวิตจากสหพันธรัฐก็ยังรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เพราะงั้นเธอก็ควรจะไปด้วยเหมือนกัน ไปเตรียมตัวอีกครั้งซะ หากว่าเป็นเธอ ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องทำหน้าที่สำคัญได้แน่”
“ทำไมฉันต้องไป? ฉันจบแล้ว”
“เพราะสัญญาของเรามันยังไม่จบ”
สีหน้าของยุนซอฮุยได้มืดลงไป
“นาย… นี่คือเหตุผลที่นายช่วยฉันงั้นหรอ?”
ทันใดนั้นเธอก็ระเบิดหัวเราะออกมา แม้กระทั่งยุนซอฮุยก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมเธอถึงหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เธอได้หัวเราะก่อนที่จะหยุดอย่างกระทันหัน และถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“นายมีเหตุผลอะไร?”
“เหตุผล?”
“ทำไมปีศาจหอกผู้ยิ่งใหญ่ของเรา- ทำไมเขาถึงเกลียดฉันขนาดนี้?”
“นี่เธอพล่ามอะไร?”
ซอลจีฮูได้ขมวดคิ้วขึ้นมา
“พล่าม? ฉันรู้นะว่านายแค้นซินยอง แต่ว่าฉันยังช่วยนายไม่พอหรอ?”
“เธอทำมันมากเกินกว่าที่จำเป็นซะอีก”
ซอลจีฮูได้พยักหน้ายอมรับในคำพูดของเธอ
“แต่ว่าทั้งหมดนั่นมันเป็นการกระทำตามใจของเธอทั้งนั้น ฉันไม่เคยจำได้เลยว่าขอให้เธอช่วย”
เขาได้ค่อยๆถอนหอกออกมาในขณะที่ยุนซอฮุยมองเขาโดยไร้คำพูด จากนั้นเขาก็หันหน้าไปราวกับเธอไม่มีค่าให้คุยด้วยอีก ธุระของเขามันหมดลงแล้ว
“นายรู้ไหมว่าฉันพยายามมากแค่ไหนเพื่อนายกัน!?”
แต่ว่ายุนซอฮุยก็ยังไม่หยุด
“มันไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคิมฮันนาห์! ฉันได้ไล่เธอออกไปเพื่อนาย! นายรู้ไหมว่าฉันว่าฉันพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้นายสบายใจ!”
“นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรอ?”
ซอลจีฮูได้ถามออกมาอย่างจริงจัง
“อย่างน้อยฉันก็คิดว่าเธอมันเป็นคนที่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ อ่า นี่มันเป็นเพราะซินยองที่ทำให้เธอไม่ลังเลแม้กระทั่งฆ่าครอบครัวตัวเอง หายไปงั้นหรอ? นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้อารมณ์เธอปะทุขึ้นสิน?”
ใบหน้าของยุนซอฮุยได้บิดเบี้ยวไปเมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ย ลมหายใจของเธอได้หนักหน่วงมากยิ่งขึ้นอีก
“…นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน?”
เธอได้ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนกับจะร้องไห้
“เฮ้ ฉันไม่ใช่ซึงชิฮยอนนะ ฉันคือซอลจีฮู เข้าใจไหม?”
ซอลจีฮูพูดเหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องน่าตลกมาก
“แล้วก็พูดตามตรงเลยนะ เธอไม่ได้ทำอะไรให้ฉันเลย มันเพื่อซินยองต่างหาก นี่คือเหตุผลที่เธอยอมทิ้งทุกๆอย่างและยื้อตัวฉันเอาไว้ไม่ใช่หรอ?”
ดวงตาของยุนซอฮุยได้เบิกกว้างขึ้นมา
“อย่าเข้าใจผิดซะล่ะ ฉันไม่ได้บอกว่ามันแย่ เธอได้ใช้พลังของฉันเพื่อปกป้องบริษัทของเธอ และฉันก็ใช้เธอเพื่อบรรลุเป้าหมาย มันเป็นข้อตกลงที่ดี เพียงแต่ว่าปัญหามันอยู่ที่การดำเนินการ”
ริมฝีปากของเธอซีดและใบหน้าก็สั่นเทา
“โอ้ ก่อนเขาจะตายด้วยมือฉัน ซึงชิฮยอนได้บอกฉันว่าเธอมันเป็นยัยบ้า เขาพูดถูกจริงๆด้วย”
ซอลจีฮูได้เดาะลิ้น
“ก็นะ มันคงไม่เป็นไรหรอก จะไปหรือไม่ไปก็แล้วแต่เธอเลย”
“ฆ่าฉันสิ แค่ฆ่าฉันซะ!”
ยุนซอฮุยได้กรีดร้องท้าทายออกมา
“หากว่าอยากจะตายนัก ถ้างั้นทำไมไม่ฆ่าตัวตายไปซะล่ะ”
ซอลจีฮูได้เอียงหัวพูดออกมา
“…แม้ว่าฉันจะคิดว่ามันไม่มีอะไรน่าสมเพชไปกว่าการฆ่าตัวตายหลังจากจนมุมก็นะ… แต่ว่าหากเธอยังคงมีจิตสำนึกเหลืออยู่ก็ไปที่นัวร์ซะ”
หลังจากพูดแบบนี้ซอลจีฮูก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ยุนซอฮุยที่จู่ๆก็ถูกทิ้งเอาไว้ได้ทรุดตัวอยู่กับพื้นสักพักหนึ่ง
“ฮ่าาห์”
จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่า…. ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
เธอได้หัวเราะออกมา
“ฮืออ- ฮือออ-“
และร้องไห้
เธอได้สลับไปมาระหว่างหัวเราะกับร้องไห้เหมือนคนบ้า และหลังจากเวลาผ่านไปนาน…
“…ก็ได้”
เมื่อน้ำตาของเธอเหือดแห้ง…
“จนท้ายที่สุดนายก็จะทำแบบนี้สินะ…”
ยุนซอฮุยได้ลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
หลังจากมองไปที่ซอลจีฮูจากไปด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ เธอก็บังคับตัวเองหันร่างไป
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของนาย”
เธอได้เริ่มเดินโซเซไปพร้อมทั้งพึมพำอยู่กับตัวเอง มันเหมือนกับว่าเธอได้เสียสติไปแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวเกินกว่าจะพูดได้เกิดขึ้นกับสกีเฮราซาร์ดอย่างที่คาดเอาไว้
เปลวเพลิงได้สร้างควันฉุนเสียดแทงเข้ามาในจมูก และมีเสียงคำรามของมอนสเตอร์ เสียงกรีดร้อง และเสียงครวญครางดังออกมาทั่ว
ฝูงปรสิตที่กำลังปล้นสะดมเมืองอยู่ได้หันมาจ้องหญิงสาวที่เดินอยู่ในเมืองที่ล่มสลายเหมือนกับว่าเป็นบ้ายของเธอ พวกมันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนเดินเข้ามาหาพวกมันด้วยตัวเอง
ยังไงก็ตามหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง พวกมันก็พุ่งเข้าใส่เธออย่างรวดเร็ว และกดเธอเอาไว้กับพื้น ยุนซอฮุยไม่ได้ต่อต้าน และคุกเข่าลงไปอย่างอ่อนโยน
จากนั้นเอง
“โอ้ นี่มันอะไรกันเนี้ย?”
น้ำเสียงยินดีได้ดังออกมา ดวงตาที่ตายไปแล้วของยุนซอฮุยได้เปิดขึ้นเล็กน้อย
“เธอไม่ได้หนีไปกับปีศาจหอกหรอกหรอ?”
หญิงสาวสวมใส่ชุดเปิดเผยแทบทุกส่วนของร่างกายกำลังกระพือปีกค้างคาวบินอยู่ เธอคนนั้นก็คือคิมฮันนาห์ที่ได้เปลี่ยนไปเป็นซัคคิวบัส
“นี่เธอกลับมางั้นหรอ? นี่เธอบ้าไปแล้วจริงๆ?”
“ไม่ใช่ว่าเธอควรจะยินดีหรอ?”
ยุนซอฮุยได้ยิ้มออกมา
“เป้าหมายที่ต้องแก้แค้นได้กลับมาหาเธอ เอาเลย ขอบคุณฉันสิ”
คิมฮันนาห์ได้มองสังเกตดูยุนซอฮุยอย่างไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็ดูจะแทบไม่มีสติอยู่แล้ว
แม้ว่าเธอจะพอเข้าใจความรู้สึกของยุนซอฮุยได้บ้างเนื่องจากซินยองได้ล่มสลายไปแล้ว แต่สถานการณ์ก็ยังแปลกเกินไป ยุนซอฮุยมีสายตาที่อาฆาตแค้นไม่เหมือนกับคนที่กำลังสิ้นหวังเลยสักนิด
คิมฮันนาห์ได้หยักหน้าออกมาครั้งหนึ่งเพื่อบ่งบอกว่าเธอจะลองฟังสิ่งที่ยุนซอฮุยพูดก่อน
“พูดสิ”
“ให้ฉันได้เจอความบริสุทธิ์อันโสมม”
“ไม่ล่ะ หลังจากถูกปีศาจหอกหักเขาแล้วก็ตัดปีกไป เธอกำลังระเบิดความไม่พอใจอยู่”
“ถ้างั้นก็ผู้บัญชาการกองทัพคนไหนก็ได้ ฉันรู้ว่าอย่างน้อยเธอก็ทำมันได้”
“ฉันเข้าใจนะ แต่ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม?”
“ฉันต้องเจอกับพวกเขา”
คิมฮันนาห์ได้เลิกคิ้วขึ้นมา
“ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ฉันก็แค่อยากจะเห็นใบหน้าของไอ้คนไร้ปราณีต้องสิ้นหวัง ฉันอยากจะเห็นเขาคุกเข่าด้วยความเสียใจ
“อ่า”
ในที่สุดคิมฮันนาห์ก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว
“เธอ เธอถูกทิ้งแล้วสินะ?”
“ฟู่”
“ฉันบอกแล้ว แย่จริงๆ ฉันก็คิดไว้แล้วว่าเธอทลายกำแพงของเขาไม่ได้~”
เธอได้บินลงมาหัวเราะพร้อมทั้งลูบหัวของยุนซอฮุย
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วนี่ โดยพื้นฐานแล้วหมอนั่นมันต่างไปจากซึงชิฮยอน ฉันบอกแล้วว่าเขาเป็นคนบ้าที่ควบคุมไม่ได้”
“…”
“จะยังไงหากว่าควบคุมไม่ได้ เธอก็อยากจะทำลายมันงั้นสินะ?”
“เธอจะยอมรับไหม?”
ยุนซอฮุยได้ถ่มน้ำลายออกมาทั้งๆที่กัดฟันแน่น
“ก็ไม่รู้สิ้~”
จู่ๆคิมฮันนาห์ก็แสดงทีท่าหยิ่งผยอง และจับคางขึ้นมา
“การที่เธอไม่ได้ไปที่นัวร์ และกลับมาที่นี่เพียงลำพังเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง…”
“…”
“และฉันก็เพิ่งจะคิดแผนที่น่าสนใจได้ด้วยสิ… มันก็เยี่ยมนะ แต่ว่า…”
คิมฮันนาห์ได้ยิ้มออกมา
“ความอัปยศที่เธอทำไว้กับฉันมันยังคงไม่หายไปเลย ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ?”
คิมฮันนาห์ได้วางมือไว้บนอก และแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา นี่มันเป็นการเสแสร้ง
“ฉันต้องทำยังไง?”
“หืมมม”
คิมฮันนาห์ได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะหันกลับไปมองด้านหลัง
ไกลออกไปมีเสาสูงเฉียดฟ้าอยู่ ที่ปลายเสามีร่างเปลือยเปล่าถูกมัดเอาไว้
ดวงตาของยุนซอฮุยได้สั่นเทา
อีวาเกลีน โรสที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเคารพในฐานผู้พิทักษ์แห่งอีวา และราชินีชาล็อต อาเรีย ผู้ปกครองที่ซ่อนตัวอยู่ในวังตลอดเวลา
เธอเคยได้ยินข่าวมาว่าพวกเธอได้ถูกจับไปเป็นเชลย และถูกใช้ในการยั่วยุมนุษยชาติ ในที่สุดวันนี้เธอก็ได้ยืนยันมันด้วยตาตัวเองแล้ว
“หากว่าเธอแสดงให้ฉันเห็นว่าเธอทนได้สักครึ่งหนึ่งของความอัปยศและความเจ็บปวดที่ฉันได้เจอมาล่ะก็… ฉันก็อาจจะใจดีพอที่จะให้อภัยกับความผิดที่เธอเคยทำให้ฉันมาก็ได้นะ”
คิมฮันนาห์ได้เลียริมฝีปากพร้อมเหล่มองไปที่ร่างทั้งสองที่แขวนอยู่บนเสา
มุมปากของยุนซอฮุยได้กระตุกออกมา
“ฮ่าห์!”
เธอได้หลุดจากการจับของปรสิตที่จับแขนเธอเอาไว้ และพูดออกมาด้วยความอาฆาตแค้น
“ก็ได้ ทำตามต้องการเลย”
เธอได้จับเสื้อของเธอ และฉีกมันโดยไม่ลังเล
และทันทีที่เสื้อของเธอถูกฉีก ฝูงปรสิตก็ได้กระโจนเข้าใส่เธอ
ต่อจากนั้นเสียงร้องครวญครางก็ได้ดังออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของคิมฮันนาห์ที่ดังไปทั่วทั้งเมือง
***
วันรุ่งขึ้นหลังจากพิธีเปิดตัว
ยุนซอฮุยได้ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เช้า เธอได้กล่าวขอบคุณการต้อนรับพวกเขา และกล่าวลาโดยบอกว่ามีงานตะไปสะสาง เธอไม่ได้ขออะไรหรือพูดอะไรที่ผิดปกติเลย
เธอแค่จากไปหลังจากกล่าวแสดงความยินดี
“โอ้ จริงสิ คุณจีฮู เมื่อวานสนุกมากเลยค่ะ”
“ทั้งคู่ดูจะเริ่มสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นหรอ?”
คิมฮันนาห์ได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“ฉันเชื่อในจีฮูของเรา”
ซอยูฮุยก็ยังเสริมขึ้นมา
ซอลจีฮูไม่ได้ตอบกลับไป เขาไม่มีแรงที่จะทำแบบนั้น นิมิตที่เขาได้เห็นเมื่อวานมันน่าตกใจจนทำให้เขานอนไม่หลับเลย
มันก็ช่วยไม่ได้
เดิมซอลจีฮูคิดไว้ว่าเหตุผลที่ทำให้ตัวเขาเองเสียใจจนต้องพูดว่า ‘ฉันอยากเริ่มใหม่อีกครั้ง’ นั่นก็เพราะชะตากรรมของพาราไดซ์ แต่ยังไงก็ตามเมื่อได้เห็นนิมิตเมื่อวาน ทุกๆอย่างก็ได้เปลี่ยนไป
เขาก็ไม่มั่นใจ แต่เขารู้สึกสังหรใจว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อนมากกว่านั้น
‘ฉัน… เป็นชาวโลกประเภทไหนกัน?’
ยังไม่หมดเท่านั้น
นิมิตนี้ดูจะเหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนสงครามสุดท้าย…
‘ทำไม…’
ถึงแม้ว่าเขาจะได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งตกเป็นทาสของซินยอง แต่ความสัมพันธ์แบบไหนกันที่ทำให้ยุนซอฮุยตอบสนองรุนแรงแบบนั้น?
ซอลจีฮูไม่ได้รู้จักยุนซอฮุยดู แต่ว่าตัดสินจากสิ่งที่เขาได้เห็นและได้ยิน การกระทำของเธอในนิมิตมันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย
ซอลจีฮูได้สะบัดหัวอย่างแรงเมื่อความคิดได้กลายมาเป็นซับซ้อนอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนเขาตื่นขึ้นจากฝันร้าย แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้อะไรเลย
ซอลจีฮูได้เริ่มจดสิ่งต่างๆลงไปก่อนที่เขาจะลืม
-อึนยูริ เตรียมแผนกับโอเดลเล็ต เดลฟีนในสงครามสุดท้าย ไม่เคยมีใครพูดถึงเธอมาก่อน แต่สันนิษฐานได้ว่าเธอเป็นนักเวทย์
“เขียนอะไรอยู่งั้นหรอ?
เมื่อคิมฮันนาห์แอบยื่นหน้าเข้ามามอง ซอลจีฮูก็รีบปิดสมุดจดลงไป
คิมฮันนาห์”
และเขาได้พูดออกมา
“กว่าจะถึงเขตพื้นที่เป็นกลางเดือนมีนาคม เราเหลือเวลาอีกนานแค่ไหน?”
คิมฮันนาห์ได้เบิกตากว้างขึ้นมา
***
ในช่วงนี้ราชินีอีวา ชาล็อต อาเรียเริ่มปวดหัวเป็นอย่างนัก นี่ไม่ใช่เพราะใครอื่นแต่เป็นซอกกูนีร์ที่เข้าเฝ้าเธอทุกๆวัน
“องค์ราชินี”
ซอกกูนีร์ได้ปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าหนักแน่น
“อีวาเกลีนอาจจะเคยเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์มาก่อน แต่ว่าในตอนนี้พวกเขาเป็นองค์กรที่เต็มไปด้วยเหล่านักเลง ไม่ต่างไปจากสหพันธรัฐเลย ทำไมท่านถึงเอาแต่ชะลอการตัดสินใจทั้งหมดทั้งๆที่มีหลักฐานและพยานสนับสนุนเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก?”
ชาล็อต อาเรียได้มองดูผู้ดูแลราชวงศ์ด้วยสีหน้าที่บอกว่าเธอเหนื่อยกับเขามาก
เธอคิดว่าเขาจะหยุดเข้าเฝ้าหากเธอไม่สนใจเขาเหมือนกับที่เคยทำมาตอน แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้เขาเอาแต่เข้าเฝ้าเพื่อยื่นคำร้องอยู่เสมอ
ชาล็อต อาเรียได้หลับตาลง
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิดกันหรอกหรอ?”
“เข้าใจผิดอะไรกันครับ? พวกเขาโกหกทั้งเพ ได้โปรดอย่าได้หลงคำลวงของพวกเขานะครับ”
“พอได้แล้ว”
ชาล็อต อาเรียได้ขัดคำของเขาเอาไว้โดยที่ไม่ยอมทนฟังอีก แต่ซอกกูนีร์ก็ยังไม่ยอมถอย
“องค์ราชินี ท่านต้องการจะให้เขาต้องเจอจุดจบแห่งหายนะจากเหล่าปรสิตหรอครับ?”
“อะไรนะ?”
ชาล็อต อาเรียได้ขมวดคิ้วเรียวยาวออกมา เธอเริ่มโกรธขึ้นแล้ว
“ท่านคิดว่าพวกเราจะช่วยเราในตอนอีวาตกอยู่ในอันตรายหรอครรับ? ได้โปรดช่วยคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเรียกตัวชาวโลกเมื่อคราวก่อนด้วยครับ”
“ชาวโลกตามปกติก็เป็นแบบนี้กันอยู่แล้ว ยังไงก็ตามอีวาเกลีน… จองซูต่างออกไป”
“ตัวแทนจองซูก็ไม่ได้ตอบรับการเรียกตัวเช่นกันครับ”
“เธอบอกว่าเธอไม่รู้เรื่อง”
ชาล็อต อาเรียได้เดาะลิ้นออกมา
“เธอเป็นหญิงสาวที่สูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่ยังเด็กเหมือนกับฉัน เธอบอกว่าเธอต้องอยู่กับน้องชายที่นอนนิ่งอยู่บนตัวโดยกำลังอยู่ระหว่างเป็นและตาย ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นดี”
ชาล็อต อาเรียได้กัดฟันแน่น
“ถึงแม้ว่าเธอจะมาสาย แต่เธอก็กลับมาไม่ใช่หรอ?”
“มันไม่ใช่สายแค่เล็กน้อยนะครับ เธอกลับมาหลังจากที่ปรสิตถอนกำลังไปแล้ว”
“สำหรับฉันแล้วคุณดูเหมือนกับกำลังพยายามจับผิดจองซูเลยนะ”
“ผมก็แค่พูดความจริงเท่านั้น”
ซอกกูนีร์ได้ก้มหัวให้กับชาล็อต อาเรียที่คำรามออกมา
“องค์ราชินี”
“พอได้แล้ว! ฉันบอกให้คุณหยุดไม่ใช่หรอ? นี่คุณเข้าใจสิ่งที่ฉันบอกไหม?”
ชาล็อค อาเรียได้โบกมือออกมาด้วยสีหน้าที่บอกอย่างชัดเจนว่าเธอเหนื่อยหน่ายเต็มทีแล้ว
“ฉันจะไปเจอกับหัวหน้าคาเพเดี่ยมเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ด้วยตัวเอง คุณออกไปได้แล้ว”
ซอกกูนีร์ได้หลับตาลงไป
การที่เธอบอกว่า ‘หัวหน้าคาเพเดี่ยม’ ทั้งๆที่พวกเขาได้ยื่นเอกสารลงทะเบียนเป็นองค์กรด้วยชื่อวัลฮาลาแล้วนี่มัน…
มันพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าชาล็อต อาเรียให้ความสนใจกับเมืองนี้แค่ไหนกัน
มันถึงขนาดทำให้เขาสงสัยว่าเธอใช่บุตรของราชาผู้ที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิสายฟ้าจริงๆหรือเปล่า และกระทั่งองค์ชายทั้งสองคนก็ยังได้แสดงถึงพรสวรรค์ด้านการศึกษา และวิถีดาบอันยอดเยี่ยมออกมาเช่นกัน
“…นี่คือโอกาสสุดท้ายของเราแล้ว”
ซอกกูนีร์ไม่เคยลืมว่ากษัตริย์คนก่อนได้ช่วยเขาเอาไว้ด้วยความเมตตา นี่เป็นเหตุผลที่เขายังไม่ทิ้งเธอไป
“อีวาเน่าเฟะยิ่งกว่าที่องค์ราชินีคิดเอาไว้ กำลังทหารได้ปลดประจำการออกไป และผู้คนก็ยากจนข้มแค้น เมืองนี้ได้รับความเสียหายอย่างมากจนแทบจะฟื้นตัวกลับมาไม่ได้ เพราะงั้นเราต้องคว้าทุกๆโอกาสที่มีไว้ให้ได้”
และดังนั้นข้ารับใช้เก่าแก่ผู้ซื่อสัตย์…
“ความหวังสุดท้ายได้มาที่นี่แล้ว เขาคือคนที่ทิ้งฮารามาร์คมาเพื่อทำตามเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เขาอยู่ในจุดที่ต่อให้เขาทำทุกวิธีเพื่อขอร้องอ้อนวอนให้เขาช่วยก็ยังไม่พอให้เขามาช่วยเลย เพราะงั้นแล้วทำไมท่านถึงไม่ยอมละทิ้งกิ่งไม้เน่าๆที่ท่านถือเอาไว้สักหน่อยล่ะ?”
…เขาไม่ยอมแพ้ และพยายามอ้อนวอนเธออย่างหนัก
“องค์ราชินี นี่เป็นคำขอสุดท้ายของข้ารับใช้ชราคนนี้ ได้โปรดเบิกเนตรเถอะนะครับ!”
(แจ้งกำหนดการลงตอนใหม่)
หลังจากนี้จะเปลี่ยนเวลาอัพลงทางไทยโนเวลเป็นสัปดาห์ละสามตอน โดยเวลาที่ลงจะแบ่งออกเป็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ครับ
ส่วนทางเฟสกลุ่มลับจะลงวันละตอนตามเดิม โดยสามารถจะติดต่อเข้ากลุ่มได้ที่เพจ Pumpkinman Translate หรือลิ้ง https://www.facebook.com/PumpkinMan-Translate-1953863708216765