ตอนที่ 216 เยี่ยมเยียน

ออกจากชางล่างเก๋อแล้ว หยางโปก็กล่าวกับกู้ฉางซุ่นว่า “ยินดีด้วยครับ เถ้าแก่กู้!”

กู้ฉางซุ่นหัวเราะ “ขอบคุณ ขอบคุณ!”

ตาอ้วนหลิวก็หัวเราะ “เงินห่อทองหายากมากจริงๆ วันนี้เถ้าแก่กู้โชคดีมาก โชคสูงเสียดฟ้าจริงๆ!”

ทั้งสามยกยอกันและกันอยู่รอบหนึ่ง ก็ถึงตอนบ่ายสามโมงกว่าแล้ว เวลานี้รีบกลับไปจิ่งเฉิงก็ยังทัน

แต่หยางโปในเมื่อมาถึงชางโจวแล้ว ย่อมไม่อาจทำงานจนละเลยเรื่องส่วนตัว เขากล่าวกับกู้ฉางซุ่นว่า

“เถ้าแก่กู้ ผมยังมีเพื่อนอยู่ที่นี่ วันนี้ผมจะไปเยี่ยม พวกคุณจะว่าอะไรไหมครับ?”

กู้ฉางซุ่นลังเลเล็กน้อย ตาอ้วนหลิวเอ่ยถามอยู่ด้านข้าง “นายจะไปเยี่ยมใคร? เป็นคนในวงการไหม

ไม่แน่ฉันอาจรู้จัก”

 

หยางโปส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไร เขาแซ่เยว่ ชื่อว่าเยว่เหยี่ยน”

“อ้อ ฉันรู้จัก” ตาอ้วนหลิวพยักหน้ากล่าวทันที

หยางโปมองไปอย่างประหลาดใจมาก ตาอ้วนหลิวหัวเราะเหอะเหอะ “นายก็จริงๆ เลย ในเมื่อถึงขนาดเข้าสำนักไปเยี่ยมเยียนได้ ถึงกับไม่รู้ฐานะของอีกฝ่าย ชื่อเสียงของตาเฒ่าเยว่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ เขามีชื่อเกือบค่อนเมืองชางโจว แทบจะทั้งเมืองชางโจวเรียกเขาว่าตาเฒ่าเยว่!”

หยางโปตกตะลึง ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายเคยติดต่อกัน เขาก็ยกย่องว่าเป็นชนรุ่นหลังของเยว่เผิงจิ่วถึงได้มอบกระบี่เป็นของขวัญไป ต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ติดต่อกันมาก เขาจะรู้ว่าเยว่เหยี่ยนถึงกับมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ได้ยังไง?

 

เวลานี้ กู้ฉางซุ่นก็มองไปทางตาอ้วนหลิว “เขาร่ำรวยที่สุดเหรอ?”

“เปล่า เขาไม่นับว่าร่ำรวยที่สุด เพราะว่าตาเฒ่าเยว่เป็นลูกหลานของสกุลเยว่ในปัจจุบัน ในทางศิลปะป้องกันตัวถึงระดับสูงที่สุด ศิษย์หลายสิบคนภายใต้การชี้แนะของเขา ส่วนมากก็ได้แชมป์ในศิลปะการต่อสู้ระดับประเทศ​ ตอนนี้ในทุกสำนักศิลปะป้องกันตัวภายในเมืองชางโจว ผู้ก่อตั้งโรงเรียนศิลปะป้องกันตัว หัวหน้าครูฝึกสอน มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วทั้งเมือง รวมกับผู้ที่ทำงานการกุศล ผู้ที่สูงส่งตำแหน่งใหญ่อีก ดังนั้นเรียกได้ว่ามีถึงครึ่งเมืองชางโจวเลย”

ตาอ้วนหลิวกล่าวแนะนำ หยางโปจึงได้จินตนาการถึงตอนนี้ที่เขาติดต่อกับเยว่เหยี่ยนได้ลงรอยกันแบบนี้ เขาก็ประหลาดใจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าสังคมในยุคสมัยนี้จะยังคงมีสำนักศิลปะป้องกันตัวขนาดใหญ่แบบนี้อยู่

 

กู้ฉางซุ่นกล่าวกับหยางโป “เธอไม่โทรไปถามที่อยู่ของเขาล่ะ?”

หยางโปพยักหน้า “ผมจะโทรตอนนี้เลย”

“ไม่ต้องโทรหรอก ฉันรู้ที่อยู่ของเขา พวกเราไปกันเลยก็ได้” ตาอ้วนหลิวเอ่ยอธิบาย “ตาเฒ่าเยว่เปิดโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เมื่อหลายปีก่อน เขาอยู่ที่นั่นตลอด ในเมืองชางโจวสุ่มดึงมาถามสักคนต่างก็รู้ที่อยู่ของเขา แค่ว่าถ้าหากนายไม่ระวังไปดึงเอาลูกศิษย์ลูกหาเขาเข้าก็จะถูกสอบสวนเอาได้!”

กล่าวจบ ตาอ้วนหลิวก็หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา

หยางโปประหลาดใจอีกครั้ง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าชื่อเสียงของเยว่เหยี่ยนจะถึงระดับนี้ เขาหันหน้ามองไปทางตาอ้วนหลิว “ทำไมคุณรู้จักเขาได้?”

 

“เพราะว่าตาเฒ่าเยว่ไม่ใช่แค่เป็นสำนักศิลปะป้องกันตัวขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็มีชื่อเสียงในฐานะปรมาจารย์ตีกระบี่คนหนึ่ง!” ตาอ้วนหลิวกล่าว

หยางโปตกตะลึง “อย่าบอกนะว่าตีกระบี่จ้านหลูปลอม?”

“เฮ้ย นายรู้ได้ยังไง?” ตาอ้วนหลิวมองมาอย่างตกตะลึง แต่เขาก็เอ่ยตอบในทันทีว่า “ใช่แล้ว ฉันรู้จักเขาน่าจะเพราะเรื่องกระบี่สมบัติจ้านหลู”

หยางโปพยักหน้า

ภายใต้การนำทางของตาอ้วนหลิว ทั้งกลุ่มมาถึงด้านหน้าลานบ้านสีเขียวเข้มอิฐดำหลังหนึ่ง ประตูใหญ่ทาด้วยสีแดง ธรณีประตูสูงลิบ รวมกับสิงโตหินคู่หนึ่งด้านนอก ลานบ้านโบราณแบบนี้ ภายในลานแว่วเสียงตะโกน “ฮึบฮะ ฮึบฮะ” ออกมา

 

หยางโปยืนอยู่ด้านนอกลานบ้าน ได้ยินเสียงตะโกนแบบนี้ก็ตื่นเต้นมาก เพราะว่าง่ายมากที่จะตัดสินได้ว่านี่คือเสียงฝึกศิลปะป้องกันตัว

ตอนหยางโปเป็นเด็กก็เคยจินตาการว่าจะไปเรียนวรยุทธ์ที่วัดเส้าหลิน แต่ว่าเขาก็ไม่มีโอกาสร่ำเรียนศิลปะป้องกันตัว ยิ่งรวมกับไม่มีอาจารย์ลึกลับสั่งสอนมวยปากว้าระดับสุดยอดให้ ตอนนี้เมื่อได้เห็นศิลปะป้องกันตัวของจริงแล้ว เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา

เคาะประตูใหญ่ เด็กอายุสิบสามสิบสี่เปิดประตู เขาสวมชุดฝึกยุทธ์สีขาว มองมาหาหยางโป “นายเป็นใคร มาที่นี่ทำไม?”

“ผมชื่อหยางโป มาหาตาเฒ่าเยว่” หยางโปกล่าว

 

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว กำลังจะปลายวัยฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อุณหภูมิลดต่ำลงแล้ว เขาสวมชุดฝึกยุทธ์เบาบางทั้งตัว ราวกับไม่รู้สึกหนาว แต่กลับเหงื่อออกที่หน้าผาก “ทุกวันคนมาหาอาจารย์ปู่ไม่พันคนก็แปดร้อย ถ้าหากนายไม่มีเหตุผลอะไร ฉันจะปิดประตูแล้วนะ!”

หยางโปชะงักไปเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าธรณีประตูของตาเฒ่าเยว่จะสูงถึงขนาดนี้ เขารีบหัวเราะกล่าวว่า “เธอรอเดี๋ยว ฉันโทรหาตาเฒ่าสักครู่”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า “คุณออกไปโทรเถอะ!”

กล่าวจบ เด็กหนุ่มก็จะปิดประตูแดงชาด มืออ้วนๆ ข้างหนึ่งก็ยื่นเข้าไปจากด้านนอก “เฮ้ เฮ้ พ่อหนุ่ม อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ!”

 

ตาอ้วนหลิวหัวเราะ ท่าทีใจดี

คิ้วตกของเด็กหนุ่มเลิกขึ้น กระอักกระอวนมาก “ผมจะปิดประดูแล้ว คุณอย่ามาขวาง”

ตาอ้วนหลิวยังคงหัวเราะอย่างรื่นรมย์ “น้องชาย อย่ารีบร้อน รอเขาโทรศัพท์เสร็จก่อนก็ได้”

“รอเขาโทรเสร็จแล้วก็มาเคาะประตูอีกทีแล้วกัน!” เด็กหนุ่มตอบ

กล่าวจบ มือหนึ่งของเด็กหนุ่มก็ผลักไปด้านหน้าเต็มแรง สองมือของตาอ้วนหลิวดันอยู่นอกประตู ออกแรงผลักเข้าไปด้านใน

เสียง “ปัง!” ดังขึ้น ประตูสีแดงชาดปิดลง พวกของหยางโปถูกกันไว้ด้านนอก

ตาอ้วนหลิวดิ้นรนครู่หนึ่ง เกือบจะล้มลงไป เขาสะบัดมืออย่างอดไม่ได้ “ไอ้เด็กนี่แรงเยอะมากจริงๆ!”

 

หยางโปโทรศัพท์อยู่ทางนี้ก็ได้ยินเสียงอันอบอุ่นแว่วมาจากอีกฝ่าย “เถ้าแก่หยาง สวัสดี สวัสดี!”

“ตาเฒ่าคุณเกรงใจไปแล้ว” หยางโปหัวเราะ “ผมมาถึงชางโจวแล้ว”

“ดีเลย ดีมากจริงๆ ตอนแรกฉันก็คิดว่าอีกสองวันจะเชิญเธอมาพักที่นี่สักหลายวัน ตอนนี้เธอมาแล้ว ถ้างั้นก็ยิ่งดี!” เยว่เหยียนกระตือรือร้นมาก “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะส่งคนไปรับเธอ”

หยางโปตอบ “ตอนนี้ผมอยู่ด้านนอกสำนักศิลปะป้องกันตัว!”

“ด้านนอก?” เยว่เหยี่ยนชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะ “ดี รอเดี๋ยว รอเดี๋ยว!”

หยางโปยังไม่ทันพูดจา อีกฝ่ายก็ถึงกับวางสายไปแล้ว อย่างรวดเร็วภายในลานบ้านก็ได้ยินเสียงตะโกนหยุดชะงักลง ทุกคนตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “อาจารย์ปู่!”

 

จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา ประตูสีแดงชาดก็เปิดดัง “เคร้ง” ขึ้น

“เถ้าแก่หยาง สวัสดี!” เยว่เหยี่ยนเดินเข้ามาก่อน

หยางโปรีบเดินขึ้นหน้าไป “ตาเฒ่าเยว่”

ทั้งสองจับมือกัน ดูกระตือรือร้นอย่างมาก เยว่เหยี่ยนหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา “ในเมื่อมาชางโจวก็โทรบอกฉันเร็วสักหน่อยสิ ฉันไปรับเธอได้นะ!”

หยางโปโบกมือ “ผมก็ตัดสินใจมาอย่างกะทันหัน ถ้าหากวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วจะไม่มาหาคุณได้ยังไงกัน?”

เยว่เหยี่ยนดึงหยางโปเดินไปข้างใน “ไป พวกเราเข้าไปแล้วค่อยพูดกัน”

 

เด็กหนุ่มที่เปิดประตูเมื่อครู่คนนั้นตกใจกลัวจนตัวสั่น โชคดีที่สังเกตเห็นว่าหยางโปไม่ได้มองเขาถึงได้คลายใจลงเล็กน้อย

หยางโปชี้ไปทางด้านหลัง “นี่คือเพื่อนของผมสองคน พวกเรามาด้วยกัน ท่านนี้คือกู้ฉางซุ่น เถ้าแก่กู้”

เยว่เหยี่ยนเหลือบมอง “โอ้ นั่นเจ้าอ้วนน้อยนี่!”

ตาอ้วนหลิวเร่งเดินขึ้นหน้ามา “ตาเฒ่า คุณยังจำผมได้อีกนะ!”