ตอนที่ 217 ตาแก่ไร้ยางอาย

เยว่เหยี่ยนพยักหน้า “ทำไมจะจำไม่ได้ ฉันจำได้ชัดเจนมากเชียวล่ะ สิบห้าปีก่อนนายปีนขึ้นมาหาที่หน้าบ้านของฉัน อยากช่วยแนะนำราคาตลาดให้กับฉันแล้วถูกฉันปฏิเสธไป”

ตาอ้วนหลิวหัวเราะเหอะเหอะขึ้น

“ผลคือสิบปีก่อนหน้านี้ นายมาอีกครั้งหนึ่งก็ยังถูกฉันปฏิเสธไป” เยว่เหยี่ยนจ้องตาอ้วนหลิว “เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าสามปีก่อนหน้านี้ นายจะพาคนมาทันที อยากซื้อกระบี่เล่มหนึ่ง ตอนนั้นฉันกำลังขาดเงิน นับว่านายช่วยฉันไว้ครั้งใหญ่”

ตาอ้วนหลิวหัวเราะ “ผมสิที่ควรขอบคุณคุณ ยังดีที่คุณไม่ได้ปฏิเสธ”

เยว่เหยี่ยนหัวเราะ “เอาล่ะ พวกเราเข้าไปคุยกัน เข้าไปแล้วค่อยคุยกัน”

 

ทั้งกลุ่มเดินตามกันเข้าไป หยางโปถึงค่อยสังเกตเห็นว่าที่ลานบ้านนี้มันใหญ่ถึงขนาดหนึ่งสนามบาสเก็ตบอลเต็มๆ บริเวณใจกลางปรากฏลานประลองอยู่ลานหนึ่ง เด็กหนุ่มสิบกว่าคนยืนอยู่ตรงนั้น สวมชุดฝึกศิลปะการต่อสู้ชุดขาวมาที่ตำแหน่ง พวกของหยางโปเดินเข้ามาแล้ว พวกเด็กหนุ่มก็อดมองมาไม่ได้

เยว่เหยี่ยนกล่าว “อย่าวอกแวก!”

เหล่าเด็กหนุ่มร้อนจนเหงื่อท่วมตัว แล้วถอนสายตากลับมา

เข้าไปนั่งในห้องรับแขก ตาเฒ่าเหยี่ยนดึงหยางโปนั่งลงที่นั่งประธาน หยางโปรีบร้อนปฏิเสธ ปฏิเสธพัลวันอยู่ครู่หนึ่ง ตาเฒ่าเยว่ถึงได้นั่งลงไป

“เมื่อสองวันก่อนเยว่เหยายังพูดถึงนายอยู่เลย ถ้ารู้ว่านายมาแล้วเธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ!” ตาเฒ่าเยว่กล่าว

 

หยางโปหัวเราะ “เยว่เหยาอายุน้อยขนาดนี้ อยู่ในโรงเรียนถึงจะดีที่สุด”

เยว่เหยี่ยนพยักหน้า สบายอกสบายใจมาก “ใช่แล้ว เธอร่างกายอ่อนแอมากมาตั้งแต่เด็ก ฉันเลยต้องส่งเธอไปบนเขาเอ๋อเหมย ตอนนี้ลงเขามาแล้ว ฉันก็ส่งเธอเข้าโรงเรียน ตอนนี้ยังไม่เลิกเรียน รออีกเดี๋ยวก็น่าจะกลับมาแล้ว”

หยางโปประหลาดใจเล็กน้อย “เยว่เหยาโตบนเขามาตั้งแต่เด็กจะเรียนทันไหม? อายุอย่างเธอนี่น่าจะเรียนมัธยมปลายใช่ไหม?”

“เรียนมัธยมปลายปีสามแล้ว ปีหน้าก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธออยู่บนเขาก็เรียนนะ ฉันเชิญครูส่วนตัวขึ้นไปสอนบนเขา ดังนั้นการศึกษาของเธอจึงไม่ด้อยเลยแม้แต่น้อย” ตาเฒ่าเยว่กล่าวพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

 

หยางโปจ้องมอง ในใจคิดว่าคุณสมบัตินี้ไม่ธรรมดาเลย

ต่อมาทั้งสองคนก็เริ่มสนทนากัน พูดคุยสัพเพเหระไม่มีสาระอะไร

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดตาอ้วนหลิวก็ได้โอกาส เอ่ยแทรกว่า “ตาเฒ่า คุณได้ข่าวคราวของกระบี่จ้านหลูบ้างไหม?”

ตาเฒ่าเยว่ส่ายหน้า “ตั้งแต่บรรพบุรุษทำกระบี่จ้านหลูหายไปก็ไม่ได้มีบันทึกเอาไว้อีก สองปีก่อนฉันสืบค้นดูก็เจอว่าต่อมากระบี่จ้านหลูเคยปรากฏขึ้น ในการครอบครองของแม่ทัพชื่อดังสมัยปลายราชวงศ์หมิงหยวนฉงฮ่วน แต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวหลังจากนั้นอีกเลย”

ในใจหยางโปไม่มีหวังว่าจะหากระบี่จ้านหลูเจอสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังเอ่ยปลอบว่า “ตาเฒ่าวางใจเถอะ สวรรค์จะต้องเห็นถึงความจริงใจของตระกูลเยว่แน่ กระบี่ล้ำค่าจ้านหลูจะต้องปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน”

 

ตาอ้วนหลิวก็พยักหน้า เขาหัวเราะคิกคักหันไปกล่าวกับเยว่เหยี่ยนว่า “ตาเฒ่า ผมก็คิดว่ากระบี่จ้านหลูอาจจะยังปรากฏขึ้นได้ แต่ว่าถ้าหากถึงเวลานั้นแล้วในมือคุณมีเงินไม่พอ เกรงว่าจะเอามาไม่ได้นะ!”

เยว่เหยี่ยนชะงัก ถึงแม้เขาจะเข้าใจเจตนาของตาอ้วนหลิวดี แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ได้ปฏิเสธ เพราะว่าที่ตาอ้วนหลิวกล่าวก็มีเหตุผลมากจริงๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เยว่เหยี่ยนเอ่ยปากอย่างขึงขังว่า “งั้นดีล่ะ ในมือฉันยังมีกระบี่ประมาณห้าเล่ม ต่อไปก็ช่วยฉันขายไปทีนะ!”

กล่าวจบ เยว่เหยี่ยนก็ถอนหายใจเบาๆ “หลายปีนี้ฉันไม่สนใจเรื่องเงินทองมาตลอด กระบี่ล้ำค่าส่งออกไปหมดแล้ว ตอนนี้ดูท่าฉันจำเป็นต้องรวบรวมเงินแล้ว”

 

ตาอ้วนหลิวน่าจะคิดไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้ เขารู้สึกดีใจอย่างคาดไม่ถึง “ไม่รีบ ไม่รีบ กระบี่ห้าเล่มนี้ของคุณจะขายออกไปพร้อมกันไม่ได้ แยกขายออกไป ราคาก็จะยิ่งสูง”

เยว่เหยี่ยนพยักหน้า “เรื่องนี้นายมาจัดการเถอะ”

ขณะที่กล่าว ทันใดนั้นก็มีเด็กหนุ่มรุ่นวัยยี่สิบกว่าปีเดินเข้ามา กล่าวข้างใบหูของเยว่เหยี่ยนประโยคหนึ่ง เยว่เหยี่ยนพยักหน้า “รีบไปพักผ่อนเถอะ ช่วงนี้ลำบากเธอแล้ว”

เยว่เหยี่ยนหันหน้ามามองหยางโป “ต้องขออภัยจริงๆ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากมาตลอด ตอนนี้ที่ไปรับจวิ้นเหยาก็รีบไปรีบกลับ เป็นเพราะว่าตระกูลเยว่ปรับปรุงซ่อมแซมศาลบรรพชนมาตลอด ยุ่งมากจริงๆ พรุ่งนี้ปรับปรุงศาลบรรพชนเรียบร้อยแล้ว ก็จะทำพิธีเปิด ฉันขอเชิญทั้งสามท่านให้มาเป็นสักขีพยานด้วยนะ!”

 

พวกหยางโปสามคนสบตากัน ต่างก็ประหลาดใจมาก แต่ว่าสำหรับเรื่องแบบนี้ทุกคนไม่มีทางปฏิเสธ

“ได้เป็นสักขีพยานก็เป็นเกียรติอย่างมากจริงๆ!” กู้ฉางซุ่นกล่าวอย่างสุภาพ

หยางโปกับตาอ้วนหลิวก็พยักหน้า “ตกลงครับ!”

ต้อนรับกันรอบหนึ่ง เยว่เหยี่ยนก็ออกไปจัดการธุระ รอจนท้องฟ้ามืดหม่นลงไป เยว่เหยาก็สะพายกระเป๋าหนังสือกลับมาแล้ว

มองเห็นหยางโปนั่งอยู่ในห้องรับแขก เยว่เหยาก็เลิกคิ้วอย่างน่ามอง “หยางโป นายมาแล้ว!”

หยางโปหัวเราะ “ฉันมาแล้ว”

เยว่เหยาส่ายหน้า “นานขนาดนี้ถึงค่อยมาหาฉัน นายคงไม่ได้ไปค้นคว้าสุสานของฉินฮุ่ยมานะ?”

 

หยางโปส่ายหน้า “อย่าพูดจาเหลวไหล ฉันไปช่วยเธอเฆี่ยนศพมาแล้ว”

เยว่เหยาหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนแรกเธอก็ไม่ได้พูดมาก สนทนากับหยางโปไปหลายประโยคนี้ก็ไม่เลวแล้ว

ตาอ้วนหลิวมองเงาร่างที่จากไปของเยว่เหยา หันมายักคิ้วหลิ่วตากับหยางโป “แม่สาวน้อยสวยมาก หยางโป นายไม่มีรสนิยมจริงๆ สาวน้อยที่โตขนาดนี้นายก็ไม่ปล่อยไป!”

หยางโปมองเขาอย่างดูแคลน “แก่แล้วไร้ยางอายจริงๆ”

จากนั้น จู่ๆ หยางโปก็ได้ยินเสียง “แคร้ง” เก้าอี้ของตาอ้วนหลิวทันใดนั้นก็ร่วงลงไปกับพื้น กระทั่งพาตาอ้วนหลิวหน้าคะมำไปด้วย

 

หยางโปหันหน้ามามอง มองเห็นเท้าของเยว่เหยายังไม่ได้เก็บกลับไป ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเธอ “ตาแก่ไร้ยางอาย!”

มองเงาร่างที่จากไปของเยว่เหยา ตาอ้วนหลิวหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เดิมทีเขาล้อเล่น ไม่คิดเลยว่าแม่สาวน้อยจะถึงกับดุดันแบบนี้

หยางโปเอ่ยเตือนเสียงเบา “ลัวย่าวหัวตอนแรกก็ถูกเตะไปทีหนึ่ง เกือบจะฟ้าใส”

“ฟ้าใส? หมายความว่าอะไร?” ตาอ้วนหลิวปาดหน้าผาก ยังดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

“ถ้านายนกเขาไม่ขันก็คือฟ้าใส” หยางโปกล่าว

“เชี้ย!” ตาอ้วนหลิวอดที่จะสบถออกมาสักคำไม่ได้

 

กู้ฉางซุ่นนั่งดื่มชาอยู่ด้านข้าง “คนหนุ่มพูดจาหยาบคายจริงๆ “

หยางโปส่ายหน้าแล้วหัวเราะขึ้นมา

ถึงเวลามื้อค่ำ กู้ฉางซุ่นหยิบหินเถียนหวงขึ้นมาสำรวจกับเยว่เหยี่ยน เยว่เหยี่ยนศึกษาเรื่องหินเถียนหวงไว้มาก ทั้งสองคนสนทนากันอย่างออกรส ตาอ้วนหลิวหันมากล่าวกับหยางโปเสียงเบา “ในมือนายยังมีหินดิบอีกสามก้อนไม่ใช่เหรอ?​ เอามาดูกันก่อนแล้วค่อยกลับเอาไปตัดหินออกมา”

เยว่เหยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ก็มองมา “หยางโป นายมีหินดิบเถียนหวงเหรอ?”

หยางโปพยักหน้า “ซื้อมาสามก้อน แต่เป็นหินเล็กที่ดูไม่เข้าตา หน้าตาดูไม่ดีเลย เถ้าแก้โยนเอาไว้ทางหนึ่งผมก็เลยหยิบกลับมา”

 

“หยิบออกมาดูหน่อย” เยว่เหยี่ยนกล่าว

หยางโปจำต้องหยิบออกมา เยว่เหยี่ยนมองดูอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยยิ้มให้หยางโปแล้วกล่าว “พรุ่งนี้นะ ค่ำพรุ่งนี้ฉันจะมาช่วยนายตัดหิน คืนนี้ก็พักผ่อนให้ดี เก็บแรงเอาไว้รับสถานการณ์วันพรุ่งนี้ด้วย”

หยางโปหัวเราะ ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่หวังว่าจะได้หินดีสักนิด “โอเคครับ”