กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะเย้ย “จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขามีภรรยามีลูก และเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ แต่ข้ายังไม่มีลูก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตั้งใจเรียน ท่านอาจารย์ซั่งกวนวางใจได้ ข้าจะตั้งใจเรียนเรียน แสวงหาความรู้ ข้าจะแต่งเรื่องที่ดีที่สุดและน่าประทับใจที่สุด”

“เช่นนั้นก็ดี อาจารย์จะตั้งหน้าตั้งตารอ”

“รับคำสั่งเจ้าค่ะ รับรองว่าจะทำให้สำเร็จ”

ซั่งกวนฉู่นำปิ่นระย้าหยกขาวออกมาจากผ้าคลุม เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในสายตาของกู้ชูหน่วนมีความปรารถนาและความแน่วแน่ ราวกับว่าต้องการจะชนะ

เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ ประการแรกคือเขาต้องการมอบให้ปิ่นระย้ากับกู้ชูหน่วน แต่ก็ไม่มีเหตุผล

ประการที่สองคือต้องการดูว่านางจะสามารถแต่งเรื่องให้ประทับใจผู้คนอย่างไร และจะเกี่ยวข้องกับวัยเด็กของนางหรือไม่

ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาเรียนวิชานี้ และคิดว่าจะเขียนอย่างไร จึงจะสามารถทำให้ผู้คนประทับใจได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้ชูหน่วน นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ใกล้ชิดซั่งกวนฉู่ นางไม่อยากจะปล่อยไปอย่างเปล่าประโยชน์

กู้ชูหน่วนหยิบปากกาขึ้นมา และแทบไม่ต้องคิดอะไร นางเขียนได้อย่างลื่นไหล ราวกับว่ามีเรื่องมากมายที่อยู่ในหัวของนาง และอาจจะล้นกระดาษได้

เมื่อเห็นท่าทางของกู้ชูหน่วน กู้ชูอวิ๋นก็ยิ่งกังวลมากขึ้น แต่ยิ่งกังวล นางก็ยิ่งแต่งได้ไม่ดี และหัวสมองของนางก็จะระเบิด

“พวกเจ้าดูสิ กู้ชูหน่วนเขียนได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก”

“ใช่ ราวกับว่านางไม่ต้องคิดอะไร แต่เขียนได้ยาวเหยียด”

“นางคงไม่ได้เขียนส่งเดชหรอกนะ มีใครบ้างที่เขียนได้โดยไม่ต้องคิด ต่อให้เขียนส่งเดชก็ยังต้องคิด”

“ใครจะไปรู้ คุณหนูสามตระกูลกู้ไม่ใช่คุณหนูสามที่ไร้ความสามารถอีกต่อไปแล้ว บางทีนางอาจจะมีคารมคมคายจริง ๆ ก็ได้”

“ไอ้หยา ข้าว่าพวกเจ้าจะสนใจทำไมว่านางทำอะไร พวกเรารีบ ๆ เขียนให้เสร็จ จะได้ไม่ถูกนางตัดหน้า”

“ก็ใช่ พวกเรารีบ ๆ เขียนกันเถอะ”

เมื่อหมดเวลาของวิชานี้

ระฆังก็ดังขึ้น เป็นบ่งบอกว่าหมดเวลาแล้ว

อาจารย์ซั่งกวนกล่าวว่า “หมดเวลาแล้ว พวกเจ้าแต่งกันว่าอย่างไรบ้าง

“อาจารย์ ขอเวลาอีกหน่อยได้หรือไม่ ข้ายังแต่งไม่เสร็จเลย”

“อาจารย์ ข้าก็ยังแต่งไม่เสร็จ”

“อาจารย์ เวลาน้อยเกินไป ไม่ว่าจะแต่งอย่างไร ก็ยังไม่น่าประทับใจ”

“กู้ชูหน่วน เจ้าล่ะ” ซั่งกวนฉู่ถามกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนส่ายหัว “เวลาน้อยเกินไปจริง ๆ แต่อาจารย์บอกแล้วไม่ใช่หรือว่ามีเวลาครึ่งเดือนท่านให้เวลาข้าอีกหน่อย ข้าใกล้จะแต่งเสร็จแล้ว”

เรื่องที่ทุกคนแต่งต้องเผยแพร่ออกไป

ทุกคนต่างมองหน้ากัน

และตกตะลึงเมื่อเห็นเรื่องที่กู้ชูหน่วนแต่ง

ชื่อเรื่องนางพญาหวนคืนเมื่อมีทรราช และบทแรกคือนางเอกถูกทรมาน

ทุกคนล้วนแต่ถูกดึงดูดและไม่รู้สึกตัวอยู่นาน มีบางคนรอบดวงตาเปียกชื้น เช็ดน้ำตาและร้องไห้สะอึกสะอื้น “เรื่องที่พระชายาหานแต่งนั้น ช่างน่าเวทนาเสียเหลือเกิน เดิมทีนางเอกเป็นคนเดียวที่ได้รับความโปรดปราน แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นางถูกลักพาตัวเข้าไปในวังตอนอายุสิบขวบและถูกทรมานทุกค่ำคืน อีกทั้งยังถูกบังคับให้กำเนิดบุตรชายแก่ทรราชเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อ ตอนที่ถูกลักพาตัวไป นางเพิ่งอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร”

“ข้ารู้สึกว่าพี่ชายทั้งเจ็ดของนางเอกหยางฉู่รั่วนั้นน่าสงสาร แต่ละคนมีความสามารถที่น่าทึ่ง เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่คิดเลยว่าแต่ละคนจะตายอย่างอนาถ ผู้คนในตระกูลหยางล้วนแต่จงรักภักดีทั้งสิ้น เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อช่างชั่วช้ายิ่งนัก”

“ไม่สิ คนที่น่าสงสารที่สุดคือบุตรชายของหยางฉู่รั่ว เดิมทีเขาควรจะเป็นองค์ชาย แต่เป็นเพราะเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อไม่ยอมรับเขา เขาจึงต้องมีชีวิตอยู่ในวังเยี่ยงบ่าวรับใช้ และตั้งแต่เขาเกิดมาก็ไม่เคยได้กินอิ่มเลยสักมื้อ ชีวิตของเขาช่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่เขาก็ไม่เคยบ่น และทุกครั้งเขาก็จะเก็บอาหารไว้ให้หยางฉู่รั่วกิน เด็กคนนี้ช่างรู้ภาษายิ่งนัก และช่างน่าสงสารเสียจริง”

“ก็จริง ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ถูกขังให้อยู่ในหอหลานหลิง และไม่เคยออกไปแม้แต่ก้าวเดียว และครั้งเดียวที่ออกไปได้ก็ถูกบิดาผู้ให้กำเนิดตัวเอง ซึ่งก็คือเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อขังไว้ในกรงสัตว์ที่ดุร้าย และในที่สุดเขาก็ถูกสัตว์ร้ายกัดจนแขนขาด ในตอนนั้นเขาต้องทุกข์ทรมานมากแค่ไหน”

“ข้ารู้สึกว่าหยางฉู่รั่วน่าสงสาร ญาติพี่น้องของนางล้วนแต่ถูกทรมานจนตาย และนางยังต้องทนเห็นบุตรชายของตนเองถูกกัดจนแขนขาด และเลือดไหลนองจนตาย ในขณะที่สามีของนาง เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อปรบมือและหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่กับหญิงอื่น และสั่งไม่ให้หมอหลวงทำการรักษา เป็นเรื่องธรรมดาที่คนทั่วไปจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไร้อำนาจ”

“ไม่ ๆ ๆ เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อน่าสงสาร แม้ว่าเขาจะเป็นทรราชที่ทำร้ายคนในตระกูลหยางที่จงรักภักดี และทำร้ายหยางฉู่รั่วอย่างน่าเวทนา แต่เขาต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน หากไม่ใช่เพราะพี่สาวของหยางฉู่รั่วที่หลอกลวงเขาก่อน และเล่นกับความรู้สึกของเขา เขาก็คงจะไม่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ และกลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่มีทางที่เขาจะขังหยางฉู่รั่วไว้ที่หอหลานหลิง เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อทุ่มเงินจำนวนมากในการสร้างหอหลานหลิง เพื่อต้องการจะมอบให้กับพี่สาวของหยางฉู่รั่ว”

“ทรราชผู้นั้นน่าสงสารงันหรือ เจ้าเลิกล้อเล่นได้แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ดูว่ามือของเขาเปื้อนเลือดมากแค่ไหน”

เหล่านักเรียนในสำนักศึกษาทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ กู้ชูหน่วนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้ม “อาจารย์ ท่านดูสิ ทุกคนในสำนักศึกษาต่างสนใจเรื่องที่ข้าแต่ง และยังมีอีหหลายคนที่ประทับใจมากจนต้องหลั่งน้ำตา และอันดับหนึ่งจะใช่ของข้าหรือไม่?”

ควรจะมอบปิ่นระย้าหยกขาวให้กับนางได้แล้วหรือไม่?

ซั่งกวนฉู่มองไปที่ต้นฉบับที่นางเขียน นัยน์ตาของเขาจ้องมองไปที่คำว่าเฟิงหลิง และของเขาก็รู้สึกสับสนในใจ เมื่อได้ยินคำพูดของนาง จิตใจของเขาก็สงบลง และกล่าวว่า “ข้าบอกหรือว่าเรื่องที่เจ้าแต่ง ขอเพียงนักเรียนของสำนักศึกษาเท่านั้นที่ประทับใจ?”

“ความหมายว่าอย่างไร?”

“หมายความว่าทั้วทั้งเมืองหลวง รวมทั้งเหล่าราษฎรของรัฐเยี่ยก็ต้องประทับใจด้วย และผู้คนทั้งหมดต่างยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและน่าประทับใจที่สุดของสำนักศึกษา เพื่อที่จะคว้าอันดับหนึ่ง”

กู้ชูหน่วนเบะปาก สีหน้าของนางทรุดลงในทันที

นางรู้อยู่แล้วว่าซั่งกวนฉู่เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ จะใจดีได้อย่างไร

ที่แท้ก็ไม่ง่ายเลยที่จะได้ปิ่นระย้าหยกขาวของเขามา

หากจะให้เหล่าราษฎรของรัฐเยี่ยบอกว่าเรื่องที่นางแต่งเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดและน่าประทับใจที่สุด จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน?แล้วอี้เฉินเฟยจะรอจนถึงตอนนั้นได้หรือ?

“อาจารย์ซั่งกวน ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ ท่านรู้ว่ารัฐเยี่ยใหญ่มากแค่ไหน อย่าว่าแต่ให้พวกเขาประทับใจและยอมรับเลย แม้ว่าการเผยแพร่เข้าไปยังพวกเขาก็คงต้องใช้เวลาหนึ่งปีหรือสองปี”

หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ นางก็คงปฏิเสธที่จะแต่งเรื่องนี้ต่อไป และหาวิธีอื่นที่เอาปิ่นระย้าหยกขาวมา

นัยน์ตาของนางแน่วแน่มาก ซั่งกวนฉู่กล่าวเบา ๆ “เช่นนั้นก็ทั่วทั้งเมืองหลวง และไม่ต้องต่อรองอีก มิเช่นนั้นรางวัลจะถูกเอาคืน”

“อีกอย่าง เรื่องนี้ก็แต่งได้ดี ไม่ควรจบลงอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิก”

กู้ชูหน่วนกัดฟัน “ตกลง”

ช่างเถอะ เพื่อปิ่นระย้าหยกขาว นางจะต้องสู้

กู้ชูหน่วนแต่งเรื่องอยู่ที่สำนักศึกษาทั้งวัน นางแต่งเรื่องได้ดีมากจนดึงดูดความสนใจของนักเรียนในสำนักศึกษาอย่างลึกซึ้ง

นักเรียนทุกคนล้วนแต่ไม่สามารถเขียนต่อไปได้ แม้แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่สามารถเขียนต่อไปได้เช่นกัน

ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อดูนางเขียน และบางคนถึงกับรอดูทุกคำที่นางเขียน และคัดลอกกลับไปให้คนในครอบครัวอ่าน

ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนเขียนได้หนึ่งแผ่นก็จะมีคนรวบรวมไปให้อาจารย์ซั่งกวนอ่าน

อาจารย์ซั่งกวนแทบไม่ได้กลับไปเลยทั้งคืน เขานั่งอยู่ในสำนักศึกษา เพื่อรอต้นฉบับของกู้ชูหน่วน

สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน