กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 497
นางโดดเรียนไปนานเช่นนี้แล้ว หรือว่าไม่ควรไล่นางออกไปอีกหรือ?

เหตุใดถึงยังให้นางไปเรียนได้อีก?

“เอ่อ หานอ๋องไม่ได้บอกสำนักศึกษาหรืออย่างไรว่าข้าไม่จำเป็นต้องมาเรียนอีกแล้ว?”

“อาจารย์ซั่งกวนกล่าวว่า สำนักศึกษามีกฎเกณฑ์ของสำนักศึกษา ไม่ใช่ว่าท่านอยากมาเรียนก็มาเรียน ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน ต่อให้เป็นจักรพรรดิก็ไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งให้ใครออกจากสำนักศึกษาได้”

“อาจารย์ซั่งกวนฉู่ช่างเย่อหยิ่งยิ่งนัก ไม่เป็นไร ข้าจะไปพูดกับเขาให้รู้เรื่องเอง”

ภายในห้องเรียน

เมื่อนางปรากฏตัว ทุกคนต่างเงียบสงบและทุกคนต่างจ้องมองนางด้วยสายตาที่แปลกประหลาด

มีทั้งอิจฉาริษยา มีทั้งยกย่องชื่นชม ทั้งเหลือเชื่อ และมีทั้งไม่อยากจะเชื่อ

หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยเดินเข้ามาหานาง “พี่ใหญ่ ในที่สุดพี่ใหญ่ก็กลับมาที่สำนักศึกษา พวกเราคิดว่าพี่ใหญ่จะไม่กลับมาแล้วเสียอีก เมื่อวานพี่ใหญ่ทำได้สุดยอดมากเลย วิธีการยิงธนูช่างแม่นยำอย่างมากเลย พี่ใหญ่กลับมาสอนพวกข้าใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นพวกเขาสองเขา แต่กลับไม่เห็นเซี่ยวอวี่เซวียน กู้ชูหน่วนรู้สึกแปลกเล็กน้อย

“ยังไม่รู้เบาะแสการหายไปของเซี่ยวอวี่เซวียนอีกหรือ?”

สีหน้าของทั้งสองคนทรุดลง “ไม่มีเลย ไม่รู้ว่าลูกพี่ไปอยู่ที่ไหน แต่ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่ามีการบุกปล้นเรือนจำ ไม่รู้ว่าเป็นพี่ใหญ่เป็นคนลงมือหรือไม่”

“ครั้งนี้ฝ่าบาทสั่งให้แม่ทัพใหญ่เซี่ยวกลับเข้าไปประจำการยังตำแหน่งเดิม ขอเพียงแค่แม่ทัพใหญ่เซี่ยวสามารถได้รับชัยชนะในการศึกสงคราม เช่นนั้นลูกพี่ก็สามารถกลับมาได้”

“กู้ชูหน่วน เจ้าคืนสร้อยคอของข้ามาเดี๋ยวนี้นะ ข้าจะมอบสร้อยคอที่มีค่ามากกว่าให้เจ้าสิบอัน แต่เจ้าต้องคืนอันนั้นมาให้ข้า” จู่ๆ องค์หญิงตังตังก็ปรากฏตัวขึ้นมาและทำสีหน้าบูดบึ้งเพื่อทวงคืนสร้อยคอ

กู้ชูหน่วนยิ้ม “องค์หญิง ท่านพูดเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ท่านเป็นคนพูดเองว่าจะมอบให้กับข้า แต่เหตุใดตอนนี้กลับคืนคำเสียแล้วล่ะ? โชคดีที่ข้าเป็นคนมองการณ์ไกลและได้โยนสร้อยคำนั้นทิ้งไปเสียแล้ว”

“โยนทิ้ง?”

“ใช่สิ”

“โยนทิ้งที่ไหน”

“ในแม่น้ำ แม่น้ำนั้นทั้งเชี่ยวกรากทั้งอันตราย และยังมีกระแสน้ำวนอีกด้วย หากลับคืนไม่ได้แล้วแน่ๆ ”

“เจ้าถูกใจสร้อยเส้นนั้นมากไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าถึงโยนทิ้งไปล่ะ” องค์หญิงตังตังโกรธจัด

“ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่าสร้อยคอเส้นนั้นเป็นสิ่งโชคร้าย ในเมื่อเป็นสิ่งโชคร้าย เช่นนั้นแล้วข้าจะเก็บเอาไว้เพื่ออะไร และหลายวันมานี้ข้าก็อารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก ข้าจึงโยนสร้อยเส้นนั้นทิ้งไปในแม่น้ำราวกับขยะชิ้นหนึ่ง ท่านรู้หรือไม่ หลังจากที่โยนสร้อยเส้นนั้นทิ้งไปแล้ว ข้ากลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากและความกังวลใจต่างๆ

องค์หญิงตังตังตะโกนด่าด้วยความโกรธ “เจ้าโยนลงไปที่แม่น้ำสายไหน”

“ดุเช่นนี้เลยหรือ? ข้าก็โยนไปโดยไม่คิด ข้าไม่รู้หรอกว่าโยนทิ้งไปตอนไหน คาดว่าน่าจะเป็นแม่น้ำเฟิงจื่อกระมัง”

แม่น้ำเฟิงจื่อ?

แม่น้ำสายนั้นถือเป็นแม่น้ำที่ขึ้นชื่อน่าอันตรายที่สุดในรัฐเยี่ย

ทุกปีมักมีคนจำนวนมากต้องจมน้ำตายที่นั่น

องค์หญิงตังตังแทบอยากจะทุบตีนางให้ตายเสียให้ได้เลย

นางเดินหนีไป

หลิ่วเย่ว์กล่าวด้วยความเป็นกังวล “พี่ใหญ่ องค์หญิงตังตังรีบร้อนเดินออกไปเช่นนี้ จะไม่เกิดเรื่องอะไรกับนางใช่หรือไม่”

“คาดว่าคงรู้ว่าสร้อยคอเส้นนั้นไม่ธรรมดากระมัง นางเลยต้องการจะไปตามหากลับมาให้ได้ ไม่ต้องสนใจนางหรอก”

“อาจารย์ซั่งกวนมาแล้ว…”

“คารวะอาจารย์ซั่งกวน” นักเรียนทุกคนต่างพร้อมใจกันทำความเคารพ

กู้ชูหน่วนก็แสดงความเคารพเพื่อเป็นมารยาท

“นั่งลงเถอะ”

ซั่งกวนฉู่ยังคงอ่อนโยนและสง่าผ่าเผย ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มจางๆ ที่ดูทั้งอบอุ่นและเย็นชา และมีความสง่างามที่อธิบายไม่ได้ในท่าทางของเขา

เขาสูงและผอมเพรียว หน้าตาที่โดดเด่น ใบหน้าเป็นเหมือนงานที่โดดเด่นที่สุดในสวรรค์ซึ่งทำให้ดึงดูดผู้คนเพียงแค่มองดูเขาต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีอารมณ์ที่ประณีตและอ่อนโยนอย่างมาก

ยังไม่ทันที่ซั่งกวนฉู่จะอ้าปากพูด กู้ชูหน่วนก็พูดขึ้นมาก่อน “อาจารย์ซั่งกวน ข้าเป็นถึงพระชายาของหานอ๋องแล้ว วิชานี้ของสำนักศึกษา ข้าคงไม่ต้องเรียนแล้วกระมัง เพราะถึงอย่างไรข้าก็แต่งงานไปแล้ว”

ซั่งกวนฉู่มองหนังสือตำราในมือและพูดอย่างแผ่วเบาโดยไม่แหงนหน้าขึ้นมอง “เจ้าลองถามพวกเขาดูสิว่าภายในครอบครัวของพวกเขามีบ้างหรือไม่ที่ไม่มีทายาท”

กู้ชูหน่วนกวาดสายตาไปยังเพื่อนร่วมชั้นเรียน

หลิ่วเย่ว์และอวี่ฮุยตะโกนออกมาทันที “พวกข้าไม่มีอนุภรรยาและไม่มีทายาทด้วย”

นอกเหนือจากพวกเขาสองคนแล้ว คนอื่นที่เหลือต่างไม่พูดอะไร

กู้ชูหน่วนหมดคำพูด

นี่คืออะไรกัน?

แต่งงานไปแล้วและมีทายาทแล้ว ยังมาร่ำเรียนอะไรอีก ให้ลูกๆ ของพวกเขามาศึกษาร่ำเรียนไม่ดีกว่าหรือ

กู้ชูหน่วนกำลังคิดหาวิธีฉีกหน้าซั่งกวนฉู่ เมื่อนางกำลังจะเดินออกจากสำนักศึกษาหลวง นางกลับได้ยินซั่งกวนฉู่กล่าวว่า

“วิชาวันนี้ในห้องเรียนเป็นวิชาที่อิสระ ขอเพียงพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งเขียนบทความที่สามารถดึงดูดผู้อื่นและทำให้ทุกคนซาบซึ้งใจได้ เช่นนั้นก็จะได้อันดับที่หนึ่ง”

“อาจารย์ ได้อันดับหนึ่งแล้วจะมีประโยชน์อะไรหรือ”

“มีแน่นอน หากใครสามารถได้อันดับหนึ่ง ข้าก็จะมอบปิ่นระย้าอันนี้ให้กับเขา”

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะอย่างดูถูก

ก็เป็นเพียงแค่ปิ่นระย้าเท่านั้น จะมีประโยชน์อะไร หากมอบให้นาง นางก็คงไม่อยากได้

เมื่อกำลังเดินจากไป หางตาของนางก็บังเอิญไปสะดุดเข้ากับปิ่นระย้าที่อยู่ในมือของซั่งกวนฉู่

การก้าวเท้าของนางราวกับหยุดชะงัก เหตุใดขาถึงไม่ขยับไปไหนเลย

นั่นคือปิ่นระย้าแบบไหนกัน

มีสีขาวเหมือนหิมะ มีผีเสื้อสองตัวบินรวมกันอยู่ที่ด้านบน และลูกปัดหยกสีขาวห้อยลงมาที่ด้านล่างของผีเสื้อ

เหตุใดปิ่นระย้าอันนี้ถึงดูคุ้นหูคุ้นตามากเช่นนี้ มันคือสัญลักษณ์ที่แสดงบนเข็มทิศไม่ใช่หรือ?

กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปหาซั่งกวนฉู่ด้วยท่าทีที่โฉบเฉี่ยวและจ้องไปที่ปิ่นระย้าหยกขาวในมือของเขา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเหมือนกับปิ่นระย้าบนเข็มทิศอย่างมาก

ในใจของนางผุดสัมผัสของความสุขขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจของนางเต้นเร็วมาก ทำยังไงก็คิดไม่ถึงว่าสัญลักษณ์ปิ่นระย้าที่นางตามหาอย่างยากลำบากจะมาอยู่ในมือของซั่งกวนฉู่

มีเสียงตื่นเต้นดีใจดังขึ้นมาภายในห้องเรียน โดยเฉพาะนักเรียนผู้หญิง

“พระเจ้า ปิ่นระย้าอันนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาจากหยกขาวชั้นดีเชียวนะ จะต้องมีมูลค่ามากแน่ๆ”

“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน หยกนี้ทั้งใส่กริ๊งและเปล่งประกายแวววาว จะต้องไม่ใช่หยกธรรมดาอย่างแน่นอน อีกอย่างรูปทรงเช่นนี้ก็สวยงามมากเหลือเกิน ข้าเคยเห็นปิ่นระย้าที่สวยงามจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นปิ่นระย้าที่ไหนสวยงามมากเช่นนี้มาก่อนเลย”

“ข้าก็เหมือนกัน อีกอย่างพวกเจ้าเห็นหรือไม่ ด้านบนของปิ่นระย้ามีผีเสื้อสองตัวบินรวมกันอยู่ พวกเจ้าคิดว่า เหตุใดที่ซั่งกวนฉู่ถึงมอบผีเสื้อสองตัวบินด้วยกัน หรือว่าเขาต้องการหาคนที่ใช่และใช้เหตุผลนี้ มอบปิ่นระย้าอันนี้ให้กับคนที่อยู่ในใจของเขา”

ทันทีที่ประโยคนั้นพูดออกมา นักเรียนหญิงในสำนักศึกษาต่างอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา

ทุกคนต่างตั้งตารอว่าซั่งกวนฉู่จะมอบปิ่นระย้านั้นให้กับพวกนาง

นักเรียนชายกู้ต้องการอยากจะครอบครองปิ่นระย้าอันนั้น เพื่อมอบให้กับผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขา

กู้ชูอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

นางแอบรักซั่งกวนฉู่มานานเหลือเกินแล้ว

หากนางได้ครอบครองผีเสื้อบินคู่ของซั่งกวนฉู่ละก็ จะให้นางทำอะไร นางก็พร้อมยอมทำทุกอย่าง

นางอยากได้ปิ่นระย้าอันนั้นมากกว่าใครอื่น

กู้ชูหน่วนโน้มตัวไปข้างหน้าและพูดอย่างโหยหา “เมื่อสักครู่ท่านบอกว่า ขอเพียงแค่เขียนบทความที่ทำให้ทุกคนซาบซึ้งขึ้นมาได้ เช่นนั้นก็จะมอบปิ่นระย้าอันนี้ให้กับคนนั้น เป็นเรื่องจริงหรือ?”

“ข้าเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษา พูดอะไรไปแล้วก็ต้องทำให้ได้อย่างที่พูดสิ”

“ได้ มีหัวข้ออะไรกำหนดไว้หรือไม่ ข้าจะไปเขียนตอนนี้เลย”

“ไม่มี ไม่กำหนดหัวข้อ เขียนตามที่พวกเจ้าคิดขึ้นมาได้เลย”

“เช่นนั้นแล้วเวลาล่ะ?”

“ภายในครึ่งเดือน”

“ส่งก่อนกำหนดได้หรือไม่?”

“ได้”

ซั่งกวนฉู่แอบยกมุมปากยิ้มด้วยความพึงพอใจโดยไม่ให้ใครสังเกตได้

สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ไม่ผิดเลย กู้ชูหน่วนชอบปิ่นระย้าอันนี้

เขาเชื่อว่าขอเพียงนางตั้งใจเขียน เช่นนั้นแล้วอันดับที่หนึ่งจะต้องเป็นของนางอย่างแน่นอน

“ได้ อาจารย์ซั่งกวน ทุกคนในสำนักศึกษาต่างก็ได้ยิน ท่านห้ามเสียใจภายหลังก็แล้วกัน”

“แน่นอน แต่คุณหนูสามไม่ยอมจะอยู่ที่สำนักศึกษาต่อไปไม่ใช่หรือ หากเจ้าอยากจะออกไปละก็ ข้าสามารถช่วยพูดกับหัวหน้าสำนักศึกษาให้เจ้าได้”