บทที่ 1295+1296

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1295+1296 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1295 ตี้ฝูอี เจ้ามันจอมหลอกลวง…

การสอดประสานของจิตวิญญาณและเนื้อหนังสิถึงจะเป็นสิ่งสมบูรณ์แบบที่สุด และทำให้คนตื่นเต้นจนโลหิตเดือดพล่าน…

“สุรานี้ข้าใช้ลูกเหมยเหมันต์บ่มขึ้นมาด้วยเมื่อตนเชียวนะ เป็นรสลูกเหมยที่เจ้าชอบดื่ม ดื่มมันแล้วไม่เพียงแต่สามารถยกระดับพลังยุทธ์ของเจ้าได้เท่านั้น ยังทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่งด้วย ถึงขั้นที่ประกอบกิจครั้งแรกก็ไม่ทำให้เจ้าเจ็บปวด…” ตี้ฝูอีโคลงจอกสุราในมือเบาๆ สุรานั้นเป็นสีชมพูอ่อน เสมือนกลีบดอกท้อที่โปร่งแสง

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอเลียริมฝีปากอย่างห้ามใจไม่ไหว

เธอชอบดื่มสุรา โดยเฉพาะการดื่มสุราเลิศรสจากสารพัดแห่งยิ่งชอบเป็นพิเศษ ลูกเหมยเหมันต์ชนิดนี้เธอก็รู้จักเหมือนกัน ความหายากของมันกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับมักกะลีผลในตำนาน ลูกเดียวก็มีค่าควรเมืองแล้ว

ร่ำลือกันว่าหากใช้มันมาบ่มเป็นสุราสามารถปรับปรุงสมรรถภาพร่างกายของมนุษย์ได้มหาศาล ยืดอายุขัย ถึงขั้นที่บรรลุเป็นเซียนได้ทันที

หากชายหญิงบริโภคสุรานี้ก่อนร่วมคู่ ไม่เพียงสามารถความไวต่อสัมผัสของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ยังทำให้หญิงสาวที่มีสัมพันธ์เป็นครั้งแรกไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของการถูกคร่าพรหมจรรย์ด้วย หากว่าใช้ได้ถูกวิธี ไม่เพียงแต่ทำให้สตรีลิ้มรสความหฤหรรษ์สุดขีดของการร่วมคู่ได้เท่านั้น ยังทำให้นางสามารถดูดซับปราณหยางได้ทั้งหมด ช่วยยกระดับพลังยุทธ์…

สุราเช่นนี้ยอดเดียวก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้าต่อยตีกันจนหัวร้างข้างแตกได้แล้ว แต่ยามนี้ตี้ฝูอีกลับตระเตรียมไว้ถึงหนึ่งกา ดูเหมือนเขาจะทุ่มเทสุดกำลังเพื่อนให้คืนเข้าหอนี้หมดจดงดงามที่สุด สิ้นเปลืองกำลังไปมากมายจริงๆ

สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนจอกสุราอีกใบหนึ่ง แทบจะอยากกระโจนเข้าไป ดื่มสักจอกอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดก่อนแล้วค่อยว่ากัน

แต่ตอนนี้เธอสัมผัสข้าวของใดๆ ของโบกนี้ไม่ได้เลย ไม่ว่าสัมผัสสิ่งใดล้วนจะทะลุผ่านไปทันที ต่อให้เธอออกไปสุราจอกนี้เธอก็ดื่มลงท้องไปไม่ได้

จู่ๆ เธอก็สำนึกเสียใจอยู่บ้างที่หนีงานแต่ง!

ไม่ว่าเขากับอดีตประมุขเผ่าเงือกผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันใดกัน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ได้แต่งกับอีกฝ่าย อีกทั้งยามนี้ก็ชมชอบตนจริงๆ เธอแม้แต่จะต่อสู้ช่วงชิงก็ยังไม่สู้เลยออกมาตรงๆ เลยเช่นนี้ออกจะใจกว้างเกินไปหน่อยแล้ว!

อย่างน้อยเข้าพิธีกับเขาให้เสร็จดื่มสุราจอกนี้ก่อนแล้วค่อยหนีก็ยังดี…

เธอเลียริมฝีปากอีกครั้ง กำลังใคร่ครวญว่าจะออกไปดื่มสุราจอกนั้นดีหรือไม่ อย่างไรเสียเขาก็มองไม่เห็นเธอ ต่อให้เธอดื่มไม่ได้อย่างน้อยได้เข้าไปดมก็ยังดี แน่นอน ถ้าสามารถดื่มได้ก็จะดียิ่งยิ่งกว่า…

จู่ๆ ก็มีเสียงรายงานของมู่เฟิ่งแว่วมาจากด้านนอก “นายท่าน ประมุขเผ่าเงือกพาคนมาขอรับ”

หัวใจกู้ซีจิ่วดิ่งวูบ ร่างกายแนบสนิทไปกับผ้าม่าน

ตี้ฝูอีไม่ลุกขึ้น เอ่ยอย่างเฉยชา “พาเขาไปที่ตำหนักน้ำแข็งแล้วมอบร่างเดิมของกู้ซีจิ่วให้เขานำไปเสียก็พอ ให้เขาระวังหน่อย ให้ดำเนินการทุกอย่างตามวิธีที่เปิ่นจุนบอก อย่าให้มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย บอกเขาด้วย ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นเปิ่นจุนจะถล่มอาณาจักรเงือกของเขาเสีย!”

“ขอรับ” มู่เฟิงตอบรับคราหนึ่งแล้วจากไป

กู้ซีจิ่วนิ่งงันอยู่ตรงนั้น

ถึงแม้เธอจะเตรียมใจกับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ถึงขั้นที่เป็นเหตุผลในการจากไปครั้งนี้ แต่ตอนี้เมื่อได้ยินเองกับหูว่าเขาจะมอบร่างเดิมนั้นให้ประมุขเผ่าเงือกนำไป ในใจยังคงอึดอัดยิ่งนัก ทรวงอกคล้ายถูกคนยัดหินก้อนใหญ่อันใดเข้าไป อึดอัดทรมาน…

เมื่อมองดูห้องหออันวิจิตรงดงามที่ทำให้จินตนาการคนล่องลอยอีกครั้งก็ไม่รู้สึกว่าสวยสดตระการตาถึงเพียงนั้นอีกแล้ว ถึงขั้นที่รู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อยด้วยซ้ำ

เธอไม่ยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!

ขณะที่เธอกำลังจะจากไป กลับได้ยินตี้ฝูอีที่นั่งอยู่ตรงนั้นเอ่ยพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง “กู้ซีจิ่ว ชั่วชีวิตนี้ข้าชมชอบเจ้าเพียงผู้เดียว ไม่เคยมีผู้อื่นเลย เจ้า…”

เพลิงโทสะของกู้ซีจิ่วพวยพุ่งสูงสามจั้ง พุ่งออกไปอย่างทนไม่ไหว และไม่สนใจว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ ตะโกนใส่เขาด้วยความโกรธ “คนหลอกลวง! เจ้าชอบอดีตประมุขเงือกชัดๆ ซ้ำยังมอบร่างของข้าให้นางด้วย ตี้ฝูอี เจ้ามันจอมหลอกลวง…”

วาจาเผ็ดร้อนของเธอไม่ทันได้กล่าวจนจบ เนื่องจากเธอได้ยินใครบางคนร้องเรียกอยู่ข้างหูเธอ “ซีจิ่ว ซีจิ่ว…”

————————————————————————————-

บทที่ 1296 อย่าเอ่ยถึงเขา

จากนั้นห้องหอเอย ตี้ฝูอีเอย ทั้งหมดกลายเป็นหมอกควันสลายหายไป เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาก็คือใบหน้าที่ค่อนข้างเป็นกังวลของหลัวจั่นอวี่ เขากำลังโน้มตัวมองเธออยู่ “ตื่นแล้วหรือ? เจ้าฝันร้ายอีกแล้วใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วไม่ได้เอ่ยตอบ

หัวใจเธอเต้นกระหน่ำ ราวกับเพลิงโทสะยังคงลุกโหมอยู่ในทรวง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความฝัน แต่ฉากสุดท้ายในฝัน คล้ายว่าเธอจะเห็นดวงตาของตี้ฝูอีเบิกกว้างในทันทีและลุกพรวดขึ้นมาอย่างร้อนรน…

เพียงแต่ยามที่เขากำลังจะพุ่งเข้ามา เธอก็ตื่นเสียแล้ว!

พลังจินตนาการของเธอช่างแกร่งกล้ายิ่งนักโดยแท้ เป็นเพราะก่อนเมามายพะวงถึงคืนเข้าหอของตน ต่อมาเธอจึงแล่นไปหาเขาในความฝัน ซ้ำยังจินตนาการถึงข้าวของลักษณะข้าวของมากมายถึงเพียงนั้นด้วย…

ทุกอย่างในความฝันน่าจะไม่ใช่เรื่องจริงกระมัง เป็นพียงกลางวันเธอคิดคำนึงกลางคืนจึงใฝ่ฝันหาก็เท่านั้น

เพียงแต่ฉากสุดท้ายในความฝันทำให้เธอไม่สบายใจขึ้นมา มีเพลิงโทสะพลุ่งพล่าน

“ซีจิ่ว เจ้าฝันถึงตี้ฝูอีอีกแล้วหรือ?” หลัวจั่นอวี่ซักถาม นางตะโกนประโยคนั้นเสียงดังถึงเพียงนั้น จะให้เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก็ยากแล้ว

ในใจของกู้ซีจิ่วหงุดหงิด “อย่าเอ่ยถึงเขา!” เอ่ยถึงเขาแล้วเธอโมโหนัก

คนผู้นั้นมอบร่างของเธอให้แก่ผู้อื่น แล้วยังมาพูดอย่างเต็มปากเต็มคำได้อย่างไรว่ารักเธอเพียงคนเดียว? จอมหลอกลวง!

หลัวจั่นอวี่นิ่งงัน

เขานั่งลงหน้าเตียงกู้ซีจิ่ว เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ซีจิ่ว เจ้าบอกความจริงข้ามาเถอะ เขาเคยรังแกเจ้าใช่หรือไม่? หลอกลวงอันใดเจ้า?”

นี่เป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ทนดูนางถูกรังแกไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะอยากหนุนหลังนาง เขาแสดงท่าทีว่า ‘เจ้าพูดมาเลยพี่จะไปเชือดเขาเอง’ หัวใจกู้ซีจิ่วอบอุ่นเล็กน้อย แต่บัญชีระหว่างเธอกับตี้ฝูอีมิใช่เรื่องที่เล่าให้กระจ่างได้ในไม่กี่ประโยค ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้พวกเธอถูกขังไว้ที่นี่ ไม่มีทางไปพบตี้ฝูอีได้ อยากเชือดเขาก็ไปหาเขาไม่ได้อยู่ดี…

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงใช้ข้ออ้างว่า ‘เพียงฝันไปเท่านั้นไม่จำเป็นต้องยึดถือเป็นจริง’ มาบ่ายเบี่ยงไปอย่างลวกๆ

เธอมองดูท้องฟ้าด้านนอก ฟ้ายังไม่สว่าง ด้านนอกยังคงมืดมิดอยู่

เธอฉงนใจอยู่บ้าง “พี่ ท่านมาได้อย่างไร?”

หลัวจั่นอวี่เอ่ยตอบ “เมื่อคืนเห็นเจ้าเมาค่อนข้างหนัก กลัวว่าจะรับไม่ไหว ดังนั้นจึงทำน้ำแกงสร่างเมามาให้เจ้า…เห็นว่าเจ้ากำลังถูกฝันร้ายคุกคามอยู่พอดี ดังนั้นเลยปลุกเจ้า…”

จากนั้นก็ชามน้ำแกงที่มีไอกรุ่นจากบนโต๊ะมาส่งให้ถึงมือเธอ “เอ้า ดื่มลงไปสิ ทำให้สร่างเมาได้และบรรเทาอาการปวดหัวได้”

เนื่องจากเกี่ยวพันกับอาการเมาค้าง กู้ซีจิ่วจึงปวดหัวอยู่บ้างจริงๆ เธอดื่มน้ำแกงชามนั้นลงไป สงบใจลงเล็กน้อย จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ เมื่อก่อนเธอก็เคยฝันถึงตี้ฝูอีอยู่หนหนึ่งเช่นกัน ตอนนั้นตี้ฝูอีกำลังอาบน้ำอยู่ เขายังบังคับจูบเธอด้วย…ต่อมาเมื่อเธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ตี้ฝูอีก็บอกเธอว่านั่นเป็นความจริง มิใช่ความฝันเพียงข้างเดียวของเธอ…

ถ้างั้นครั้งนี้ล่ะ?

เป็นความฝันที่ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง?

ครั้งก่อนกล่าวไว้ว่าเธอถอดวิญญาณ ดังนั้นตี้ฝูอีจึงมองเธอได้ สัมผัสเธอได้

แต่ครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบดูเหมือนเขาจะมองไม่เห็นเธอเลย บางทีอาจเป็นแค่ความฝัน ไม่ใช่การถอดวิญญาณ

ไม่ถูกสิ ตอนที่เธอพุ่งออกไปตะโกนใส่เขาสองสามประโยคนั้น เห็นได้ชัดว่าเขามองเห็นเธอ ดังนั้นถึงลุกพรวดขึ้นมาอย่างตกตะลึงเช่นนั้น…

ฟ้ายังไม่สาง กู้ซีจิ่วจิ่วนอนมุดผ้าห่มต่อ “พี่ ขอบคุณสำหรับน้ำแกงสร่างเมาของท่าน ข้ายังอยากนอนต่ออีกสักงีบ…”

หลัวจั่นอวี่หลับจากจบงานเลี้ยงรอบกองไฟก็ตรงมาหาเธอเลย ยังไม่ได้พักผ่อนเช่นกัน ดังนั้นจึงเอ่ยกำชับเธอสองประโยค แล้วหันหลังจากไป

กู้ซีจิ่วหลับตาลงอีกครั้ง กลับพบว่าได้รับผลกระทบจากความฝันจึงนอนไม่หลับอยู่บ้าง เธอยังโมโหอยู่…

————————————————————————————-