บทที่ 1297+1298

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1297+1298 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1297 ไม่น่าเชื่อว่านางจะวิ่งไปถึงตาค่ายของยอดเขาที่แปดแล้ว!

ภายในวังค้ำนภา

ตี้ฝูอีตะลึงงันปานถูกสกัดจุดอยู่ครึ่งนาทีเต็มๆ!

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้เห็นนางอีกครั้ง!

แต่น่าเสียดายที่นางหายไปอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นที่เขาคว้านางไว้ไม่ทัน!

นางถอดวิญญาณอีกแล้ว…

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ร่างโคลนนิ่งนั้นของนางค่อนข้างพิเศษ หากไม่ใช้วิธีเฉพาะนางจะถอดวิญญาณไม่ได้ แต่นางทำได้จริงๆ แถมยังหลบอยู่ในห้องหอของเขาด้วย…

เขารู้ว่านางเป็นตัวแปร เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับนางไม่อาจใช้เหตุผลทั่วไปมาอนุมานได้ แต่เด็กสาวผู้นี้เป็นตัวแปรที่ยิ่งใหญ่เกินไปหน่อย ทำให้คนรับมือแทบไม่ไหว

น่าแปลก ในอดีตเมื่อนางอยู่ในภาพถอดวิญญาณ เขามองเธอนางได้ หนนี้เขาไม่ได้สังเกตล่วงหน้าเลยสักนิด

เป็นพลังยุทธ์ของเขาถดถอยลง หรือเป็นดวงวิญญาณของนางแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นแล้ว?

น่าตายนัก เขาถึงขั้นที่ไม่ทันได้ถามว่าสรุปแล้วตอนนี้นางอยู่ไหนกันแน่?!

อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญแล้ว ในเมื่อนางถอดวิญญาณมาถึงที่นี่ได้ บนดวงวิญญาณก็น่าจะมีกลิ่นอายของที่สถานที่ติดมาด้วยเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะอนุมานจากกลิ่นอายเล็กน้อยนั้นได้

เขาสูดหายใจเบาๆ มองสำรวจภายในห้องอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง จากนั้นก็ได้กลิ่นอายจางๆ ของนางอยู่บนม่านเตียง กลลิ่นอายของนางประหลาดอยู่บ้าง เจือกลิ่นสุราเล็กน้อย…

สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนในทันใด!

นั่นคือกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของผลถันภังคี

ทั่วแผ่นดินนี้มีเพียงสถานที่เดียวเท่านั้นที่มีผลไม้ชนิดนี้อยู่…ตาค่ายยอดเขาที่แปดของป่าทมิฬ

ไม่น่าเชื่อว่านางจะวิ่งไปถึงตาค่ายของยอดเขาที่แปดแล้ว!

เข้าไปได้อย่างไรกัน?

หากว่านางทำลายแล้วบุกเข้าไป เขาจะรับรู้ได้ทันที หากว่าเข้าไปโดยใช้วิธีเดียวกับผู้อื่น เขาก็จะรับรู้ได้เช่นกัน แต่ครั้งนี้เขาจับสัมผัสไม่ได้สักนิดเลย ไม่น่าเชื่อว่านางเข้าไปแล้วจริงๆ!

มิน่าเล่าดวงดาวที่เป็นตัวแทนของนางจึงสุกสว่างขึ้นเรื่อยๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะฝึกฝนอยู่ที่นั่น!

เขาหลับตาลงเล็กน้อย ดีเหลือเกิน ในที่สุดเขาก็มีสถานที่ให้ตามหานางแล้ว!

เพียงค่อนข้างยุ่งยากอยู่บ้างเท่านั้น…

….

“นางอยู่ในตาค่ายของยอดเขาที่แปดเหรอขอรับ?!” มู่เฟิงแสดงสีหน้าดั่งถูกสายฟ้าฟาด “เข้าไปได้อย่างไรกัน?”

“สวรรค์ ทำได้อย่างไร?!” มู่เหล่ยก็มีสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน

มู่เตี่ยนส่ายหน้า “แม่นางกู้คนนี้เป็นตัวประหลาดผู้หนึ่งเสมอมา นางมักจะทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้อยู่บ่อยครั้ง”

เดิมทีมู่อวิ๋นก็คิดจะเปิดปากแสดงความรู้สึกออกมาเช่นกัน แต่เมื่อคำพูดจ่ออยู่ตรงลิ้นเก็กลืนกลับลงไปอีกครั้ง

ปากจะพาซวย ความซวยจะมาเยือนเพราะปาก!

ต่อไปเขาจะเป็นคนที่หวงแหนวาจาดั่งทอง…

ตี้ฝูอีคอยให้พวกเขาตกตะลึงจนเสร็จ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “ตกใจเสร็จหมดแล้วใช่ไหม? ในเมื่อตกใจเสร็จแล้ว เช่นนั้นก็ฟังข้าพูด พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ป่าทมิฬอีกครั้ง ไปรอบนี้น่าจะกินเวลาค่อนข้างนาน ในหลายวันนี้ที่ข้าไม่อยู่ กิจธุระภายนอกมอบหมายให้พวกเจ้าทั้งสี่จัดการ มู่เฟิงเป็นหัวหน้าเช่นเคย คนที่เหลือคอยช่วยแบ่งเบา…”

มู่เฟิงสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา “นายท่าน ท่านคงไม่คิดจะเข้าไปในตาค่ายแห่งนั้นใช่ไหมขอรับ?! ท่านบอกไว้มิใช่หรือว่าที่เป็นเขตแดนฟ้าดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีเพียงคนที่ใกล้จะสิ้นชีพเท่านั้นถึงจะถูกต้นถันภังคีดูดเข้าไปเอง ไม่มีลู่ทางอื่นให้เข้าไปแล้ว แม้แต่ท่านเองก็ไม่อาจบุกเข้าไปตรงๆ ได้เช่นกัน…”

ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ ว่า “เช่นนั้นก็เข้าไปตามวิธีปกติก็พอแล้วนี่”

มู่เหล่ยแตกตื่น “ไม่ได้นะขอรับ! นายท่าน แบบนั้นอันตรายเกินไปแล้ว! อีกอย่างเข้าไปแล้วจะออกไม่ได้! หากว่าแม่นางกู้ไม่ได้อยู่ที่นั่น…”

“นางอยู่ที่นั่น” สุ้มเสียงของตี้ฝูอีมั่นใจยิ่งนัก

“แต่ว่า แต่ว่าผู้คนที่นั่นล้วนแต่เป็นอริกับท่านนะขอรับ!” มู่เฟิงก็ทนไม่ไหวตะโกนออกมาเช่นกัน “เมื่อท่านเข้าไปโดยสูญสิ้นพลังยุทธ์ หากว่าพวกเขาคิดแก้แค้นขึ้นมา แล้วรุมโจมตีท่าน…”

“ใช่แล้วๆ นายท่าน เรื่องนี้ต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนนะขอรับ!”

————————————————————————————-

บทที่ 1298 เขาทุบสัตว์ร้ายจนปางตายน่าจะไว้ใจได้มากกว่า!

“ใช่แล้วๆ นายท่าน เรื่องนี้ต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนนะขอรับ! ข้าน้อยรู้ว่านายท่านมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อแม่นางกู้ แต่เรื่องนี้ใหญ่หลวงเกินไป ข้าน้อยคิดว่าไม่คุ้มค่าให้นายท่านไปเสียงอันตรายมากขนาดนี้ นายท่านขอรับ ท่านเป็นเทพของโลกใบนี้ หากพลาดท่าออกมาจากที่นั่นไม่ได้ตลอดไป เช่นนั้น…” มู่อวิ๋นยอมรับความเสี่ยงที่จะถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลงทัณฑ์และกล่าวความเห็นของตนอออกมา

“ครานี้ที่เปิ่นจุนจะเข้าไปด้านในมิใช่เพื่อนางเสียทั้งหมด” ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเยือกเย็น “สัตว์ร้ายที่ดุร้ายที่สุดของโลกใบนี้ถูกผนึกไว้ในยอดเขาที่แปด ตาค่ายนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาผนึก ในอดีตคนเหล่านั้น เมื่อก่อนคนเหล่ากระทำเรื่องยิ่งใหญ่พลิกฟ้าอันใดไม่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อมีซีจิ่วเข้าไปก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว นางเป็นตัวแปรอย่างหนึ่ง หากว่านางเป็นแกนนำคนเหล่านั้นไปทำลายเขตแดนของแปดยอดเขาเข้าโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สัตว์ร้ายจะหวนสู่โลกา ใต้หล้าจะตกอยู่ในหายนะ เปิ่นจุนต้องเข้าไปควบคุมในตอนที่พวกเขายังไม่ได้ก่อความผิดพลาดขึ้น นี่ถึงจะเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ”

“เช่นนั้นข้าน้อยจะเข้าไปเองขอรับ!” มู่เฟิงเสนอตัว “หลังจากเข้าไปแล้วข้าจะอธิบายทุกอย่างแก่แม่นางกู้ให้กระจ่าง”

ตี้ฝูอีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เปิ่นจุนตัดสินใจไปแล้ว อย่าได้คัดค้านอีก!”

สี่ทูตเงียบงัน

นายท่าน ความจริงแล้วท่านหาข้ออ้างที่ยิ่งใหญ่มาเพื่อไปเสี่ยงภัยตามตื้อนางในดวงใจใช่หรือไม่?!

….

ณ ยอดเขาที่เจ็ดของป่าทมิฬ

สี่ทูตยืนอกสั่นขวัญแขวนมองผู้เป็นนายผนึกพลังยุทธ์ทั้งหมดแล้วเดินเข้าสู่ส่วนลึกของป่าทมิฬจากที่ไกลๆ ด้านในมีเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและเสียงบดฟันของสัตว์ร้ายที่ทำให้คนรู้สึกเสียฟันแว่วออกมา

ต้นถันภังคีที่ตาค่ายของยอดเขาที่แปดเป็นต้นไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง รากของมันแผ่นขยายออกไปทุกทิศทาง ร่ำลือกันว่าลึกลงไปใต้ดินมันได้แพร่ขยายไปทั่วป่าทมิฬแล้ว

มันมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักอยู่อย่างหนึ่ง สามารถจับสัมผัสสถานการณ์ของผู้ที่บุกรุกเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว หลังจากผู้บุกรุกประสบการต่อสู้นองเลือด ในยามที่ใกล้จะสิ้นชีพ รากของมันจะดูดคนเข้าสู่ตาค่ายของยอดเขาที่แปด

แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยผู้บุกรุกทุกคน จะต้องเป็นผู้ที่มันเห็นว่าคู่ควรพอจะได้รับความช่วยเหลือเท่านั้น แน่นอนว่าหากผู้บุกรุกคนนั้นดวงไม่ดีถูกสัตว์ร้ายเขมือบทันที มันก็จะไม่ช่วยเหลือเช่นกัน

หลายปีมานี้ไม่ทราบเช่นกันว่าผู้ที่อ้างตนว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์แล้วถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โยนเข้าป่าทมิฬแห่งนี้มีมากน้อยเพียงใดแล้ว แต่ผู้ที่ถูกช่วยชีวิตไว้มีอัตราประมาณหนึ่งในสิบเท่านั้น

การช่วยคนของมันยังมีเงื่อนไขที่โหดเหี้ยมข้อหนึ่งด้วย นั่นก็คือพลังวิญญาณของผู้ที่ถูกช่วยต้องไม่ถึงขั้นแปด ดีที่สุดคือเหนือกว่าขั้นหกต่ำกว่าขั้นแปด เป็นระดับขั้นที่มันชมชอบช่วยเหลือที่สุด ถ้าระดับต่ำต้อยเกินไปมันจะรู้สึกว่าไม่คู่ควรให้ช่วยเหลือ ถ้าระดับสูงเกินไป…พลังวิญญาณสูงส่งถึงเพียงนี้ยังประสบเภทภัยจนปางตายได้อีก เช่นนั้นก็ไร้ความสามารถเกินไปแล้ว! ไม่ช่วย!

ตี้ฝูอีเพื่อเพิ่มอัตราในการถูกช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงถอดถอนพลังวิญญาณออกไปมากกว่าครึ่ง ทำให้ดูเหมือนเหมือนมีพลังวิญญาณขั้นหก จากนั้นเขาก็เหินพลิ้วเข้าไป…

สี่เทวทูตเป็นกังวลยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะซุ่มอยู่สี่มุมจับตามองจอยู่ไกลๆ ในใจได้ตัดสินใจไว้แล้ว ทันทีที่นายท่านประสบอันตรายร้ายแรง พวกเขาจะพุ่งเข้าไปช่วยคนอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น! ไม่อาจปล่อยให้นายท่านถูกสัตว์ร้ายอันใดเขมือบได้เด็ดขาด!

สัตว์บนยอดเขาที่เจ็ดคือสัตว์ร้ายขั้นเจ็ด ดุร้ายอย่างยิ่ง ว่ากันไปแล้วพลังวิญญาณของตี้ฝูอีในยามนี้เพียงขั้นหกนิดๆ น่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน

แต่ตอนนี้ถึงแม้พลังวิญญาณของตี้ฝูอีจะต่ำ แต่ประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับศัตรูกลับโชกโชนนัก หลังจากเขาเข้าสู่ยอดเขาที่เจ็ด ได้พบสัตว์ร้ายขั้นเจ็ดสามตัวรุมโจมตีในสถานที่แห่งหนึ่ง ผลคือสัตว์ร้ายระดับเจ็ดทั้งสามตัวถูกเขาพลั้งมือสังหารไป แม้แต่เสื้อคลุมของเขาก็ไม่ฉีกขาดเลยสักมุม!

สี่ทูตจับตาดูอยู่รอบๆ ครู่หนึ่ง ส่ายหัวกันอย่างพร้อมเพรียง นายท่านคิดจะบาดเจ็บปางตายที่นี่เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือดูเหมือนจะไม่ง่ายเสียแล้ว…

เขาทุบสัตว์ร้ายจนปางตายน่าจะไว้ใจได้มากกว่า!

————————————————————————————-