บทที่ 1299+1300 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 1299 นี่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะชนะอีกแล้วหรือ?!
เนื่องจากจะต้องพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลังจริงๆ ถึงจะตกอยู่ในสภาพปางตายได้ ดังนั้นตี้ฝูอีจึงไม่สามารถออมมือได้…
เขายืนอยู่ที่เดิมครุ่นคิดเล็กน้อย ลดทอนพลังวิญญาณลงอีกระดับเสียเลย ลดเป็นขั้นหกแบบเดี่ยวๆ จากนั้นก็บุกเข้าไปในรังของสัตว์ร้ายขั้นเจ็ดตัวหนึ่ง…
นี่เป็นรังของหมีครามปีกเดี่ยวชนิดหนึ่ง ด้านในมีหมีอาศัยอยู่สี่ตัว
หมีชนิดนี้เป็นอันธพาลของยอดเขาที่เจ็ด และหมีที่อยู่ในรังนี้ก็เป็นลูกพี่ใหญ่ของเหล่าอันธพาลอีกที ปกติแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าไปยั่วยุ รังสีดุร้ายบนร่างของพวกมันทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระยะห้าลี้คร้ามครั่นจนตลิดหนีไป…
โดยทั่วไปแล้วหมีครามปีกเดี่ยวล้วนเป็นสัตว์สันโดษ แต่หมีรังนี้กลับมีสติปัญญาแล้ว และเข้าใจเหตุผลที่ว่าหมีมากพละกำลังสูง ดังนั้นไม่ว่าพวกมันจะล่าสัตว์หรือว่าปิดล้อมดินแดนก็ล้วนรวมตัวกันลงมือ ทำให้สัตว์ร้ายอื่นๆ ในยอดเขาที่เจ็ดเคียดแค้นชิงชังอย่างยิ่ง…
ตี้ฝูอีมาป่าทมิฬอยู่บ่อยครั้ง กระจ่างแจ้งในลักษณะนิสัยของสัตว์ร้ายบนยอดเขาเหล่านี้ยิ่งนัก ทราบถึงความร้ายกาจของหมีรังนี้ ดังนั้นเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ตนต้องการโดยเร็วที่สุด ภายใต้ระดับพลังวิญญาณขั้นหก จึงเลือกบุกเดี่ยวเข้าไปในรังหมีเสียแลย!
สี่ทูตตกตะลึงหัวใจแทบจะเด้งออกมา รีบรุดติดตามไปอย่างห่างๆ หวั่นเกรงว่าจะให้ความช่วยไม่ทัน…
เนื่องจากตามกฎแล้วไม่อาจมีผู้อื่นช่วยเหลือได้ ดังนั้นสี่ทูตจึงไม่กล้าลงมือส่งๆ ได้ยินเพียงเสียงหมีคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวแว่วออกมาจากรังหมี!
หมีตัวนี้คำรามเสียงก้องฟ้า สามารถทำให้ฟ้าดินไร้ซึ่งสีสันได้เลย ผืนดินใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือนปานเกิดแผ่นดินไหว
สี่ทูตอกสั่นขวัญแขวน ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่นใหญ่เกินไปแล้ว!
ดีร้ายอย่างไรท่านล่อออกมาทีละตัวก็ได้นี่ ตรงเข้าไปหาที่ตายในรังของผู้อื่นเช่นนี้ ถูกสี่ตัวนั้นล้อมไว้ ตะปบกรงเล็บไม่กี่ที ไยจะฉีกท่านจนกลายเป็นชิ้นๆ ไม่ได้เล่า?
เสียงคำรามของหมีในถ้ำน่าตกตะลึง สี่ทูตเกรงว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น กำลังตัดสินใจว่าจะเข้าไปช่วยคนข้างใน อย่างมากก็แค่ทำให้ครั้งนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์วิวาทไปอย่างเสียเปล่า ดีกว่าปล่อยให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นชิ้นๆ…
กลับนึกไม่ถึงว่าพวกเขายังไม่ทันโฉบไปถึงหน้าถ้ำหมี ก็เห็นหมีตัวหนึ่งลอยละลิ่วออกมา!
จากนั้นอีกตัวก็ลอยละลิ่วตามมาติดๆ…
หมีทั้งสองตัวอยู่ในสภาพจนตรอกยิ่งนัก ปีกถูกตัดทิ้งไปครึ่งหนึ่ง กางปีกที่มีอยู่ครึ่งเดียวเผ่นหนีไปโดยกรีดร้องโหยหวนเสียงดังอู้วๆ ไปตลอดทาง โลหิตไหลนองไปตลอดทาง…
สี่ทูตสบตากันแวบหนึ่ง ไม่ใช่กระมัง?!
นี่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะชนะอีกแล้วหรือ?!
ระดับพลังวิญญาณของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลดลงไปเป็นขั้นหกแล้ว หากว่าลดลงอีกก็ไม่ตรงตามมาตรฐานของตันถันภังคีแล้ว…
หากว่าแม้แต่หมีอันธพาลรังนี้ก็ไม่อาจซ้อมท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จนปางตายได้ เช่นนั้นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ทำได้เพียงบุกเข้าไปเสี่ยงโชคที่ยอดเขาที่แปดแล้ว
พวกกู้ซีจิ่วถูกขังไว้ในใจกลางตาค่ายเขาที่แปด เขตแดนของสถานที่แห่งนั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ สามารถปกป้องคนที่อยู่ด้านในไม่ให้ได้รับอันตรายจากสัตว์ร้ายของยอดเขาที่แปด แต่อาณาเขตที่โอบล้อมอยู่ด้านนอกของยอดเขาที่แปดเป็นเขตแดนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกับผู้อื่นตืดตั้งขึ้นมาเมื่อครั้งกระโน้น ผู้อื่นเข้าไปไม่ได้ แต่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้วิธีพิเศษเข้าออกยอดเขาที่แปดอย่างอิสระได้ โดยไม่ต้องทำลายเขตแดน
เพียงแต่ คนอื่นๆ ที่ดูดเข้าไปในตาค่ายล้วนได้รับการช่วยเหลือในยอดเขาที่หกที่เจ็ด หากว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ประสบอันตรายในยอดเขาที่แปดจะได้รับการช่วยเหลือเปล่านะ?
พวกเขาพะวกพะวงแทนเจ้านายของบ้านตนยิ่งนัก เพียงแต่พวกเขาก็หยุดพะวงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาพบว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้ออกมาเลย…
นี่ทำให้พวกเขาร้อนใจอีกครั้ง รีบรุดเข้าไปดูในถ้ำหมี หัวใจพลันเต้นโครมคราม!
ภายในถ้ำมีหมีนอนตายอยู่สองตัว แต่เจ้านายของพวกเขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
เจ้านายของพวกเขาถูกหมีเขมือบไปแล้ว หรือว่าได้รับความช่วยเหลืออย่างที่ต้องการแล้ว?
สี่ทูตมองหน้ากันเลิกลั่ก กังวลใจอย่างยิ่ง
เพียงแต่ถึงอย่างไรท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเทพ หากว่าเขาถูกหมีเขมือบเข้าไปดังว่า ดวงวิญญาณก็ยังคงอยู่ อย่างมากก็ไปเยือนยมโลกสักรอบ ดื่มชากับท่านยมบาลสักกา จากนั้นเขายังสามารถกลับมาได้ อย่างมากก็ต้องสิ้นเปลืองพลังยุทธ์ก่อสังขารใหม่ขึ้นมาเท่านั้นเอง
————————————————————————————-
บทที่ 1300 ไอ้สารเลวคนใดที่กล้ารบกวนการนอนของข้าผู้เฒ่า?
ได้ อย่างมากก็ต้องสิ้นเปลืองพลังยุทธ์ก่อสังขารใหม่ขึ้นมาเท่านั้นเอง ความยุ่งยากเพียงอย่างเดียวคือพลังยุทธ์ของสังขารใหม่จะต่ำต้อย ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง…
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาชมชอบการเสี่ยงภัย สนุกสนานที่ได้ทำกิจกรรมโลดโผนท้าทายตัวเอง เพียงแต่เขายังไม่เคยพลาดท่ามาก่อนเลย ดังนั้นนับตั้งแต่สี่ทูตติดตามเขา ก็ยังไม่เคยเห็นเขาเล่นสนุกจนตัวเองตายแล้วต้องประกอบร่างขึ้นใหม่เลย วิธีนี้เป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่าออกมาเอง สี่ทูตยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน…
ในตาค่ายของยอดเขาที่แปดนั้นไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้ อุปกรณ์สื่อสารใดๆ ล้วนไม่มีประโยชน์ ดังนั้นสี่ทูตก็ติดต่อเขาไม่ได้เช่นกัน
ทำได้เพียงสวดภาวนาต่อฟ้าดินอยู่ที่นี่ ขอร้องให้ปกปักษ์รักษาท่านเทพศักดิ์มากๆ หน่อย…
เนื่องจากก่อนออกเดินทางตี้ฝูอีได้มอบหมายกิจธุระทั้งหมดให้ พวกเขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ต้องไปจัดการตามที่ควร ดังนั้นสี่ทูตจึงจากไปด้วยด้วยความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มท้อง…
….
เมื่อคืนกู้ซีจิ่วดื่มจนเมามายอยู่บ้าง นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนทราบกันถ้วนหน้า ดังนั้นทุกคนจึงนึกไปว่าวันนี้เธอคงตื่นสายมากเป็นแน่ และไม่มีใครมาเรียกเธอ
เมื่อเห็นว่าเที่ยงแล้ว ก็ยังไม่เห็นเธอออกมากินข้าว หลัวจั่นอวี่จึงค่อนข้างฉงน มาเคาะประตูเรียกเธอ
เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ลงสลักไว้ จึงผลักประตูเข้าไป จากนั้นก็พบว่ากู้ซีจิ่วไม่อยู่ในบ้าน เพียงทิ้งกระดาษไว้บนโต๊ะแผ่นหนึ่ง ‘ข้าไปเก็บสมุนไพร จะกลับมาตอนเย็น’
และภายในเรือนมีเพียงเจ้าหอยยักษ์ตัวนั้นกำลังนอนหลับน้ำลายไหลยืดอยู่ หลับจนลืมวันลืมคืน
หลายวันมานี้วิถีชีวิตของเจ้าหอยยักษ์มีชีวิตชีวามากจริงๆ ส่วนใหญ่กู้ซีจิ่วเลี้ยงพวกมันสามตัวแบบปล่อยตามอัธยาศัย ดังนั้นหลายวันมานี้เจ้าหอยยักษ์จึงออกไปล่าสัตว์กับลู่อู๋น้อยทุกวัน มุดหัวอยู่ในภูเขาด้านหลัง กินจนท้องป่อง ยามค่ำถึงกลับทุกวัน
เมื่อคืนมันตามไปกินเนื้อดื่มสุราด้วย กินเนื้อไปไม่น้อยเลย และดื่มสุราไปค่อนข้างมาก ตอนนี้ยังคงเป็นหอยที่กรึ่มสุราอยู่ หุบฝานอนกรนคร่อกๆ อยู่ตรงนั้น เนื่องจากยังกรึ่มๆ อยู่ ฝาของมันจึงปิดไม่สนิท น้ำลายไหลยืดออกมา
หลัวจั่นอวี่ตบปลุกมัน มันตื่นขึ้นอย่างมีน้ำโห อ้าฝาร้องด่าคน “ไอ้สารเลวคนใดที่กล้ารบกวนการนอนของข้าผู้เฒ่า?”
หลัวจั่นอวี่แทบอยากจะถีบมันสักที!
เจ้าหอยตัวนี้ปกติก็นับว่าเป็นหอยที่มีมารยาทตัวหนึ่ง แต่ระยะนี้คลุกคลีกับชายฉกรรจ์หยาบโลนนานไปหน่อย มันจึงได้เรียนรู้คำศัพท์มาเต็มท้อง เมื่อไม่เมาก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ยามนี้ยังกรึ่มๆ อยู่จึงธาตุแท้ออกมา
หลัวจั่นอวี่ถามถึงร่องรอยของเจ้านายมัน มันงุนงงยิ่งกว่าหลัวจั่นอวี่เสียอีก ดวงตาหรี่ปรือส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่รู้ เจ้านายไม่ได้แจ้งข้าไว้”
“เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่านางจะไปเก็บสมุนไพรอะไร?”
เจ้าหอยยักษ์กลอกตา “ผู้เฒ่าจะไปรู้ได้อย่างไร?!”
หลัวจั่นอวี่โมโหขึ้นมาแล้ว “ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เคยเห็นนางหลอมมโอสถมาหลายครั้งแล้วหรอกหรือ? มีสมุนไพรชนิดใดลดน้อยลงบ้าง?”
เจ้าหอยยักษ์ไม่สบอารมณ์ “การหลอมโอสถน่าเบื่อจะตายชัก! ผู้เฒ่ามองนางหลอมโอสถไปหลับไปอยู่บ่อยๆ จะรู้ได้ยังไงว่าสมุนไพรชนิดไหนของนางลดลงบ้าง?”
หลัวจั่นอวี่พูดไม่ออกแล้ว
เขาข่มเพลิงโทสะเอาไว้ “เช่นนั้นลู่อู๋กับเพรียกวายุเล่า?”
เจ้าหอยยักษ์ชี้ไปที่บนเตียง “ลู่อู๋อยู่บนเตียง ส่วนเพรียกวายุ…” มันกวาดตามองรอบเรือน “โอ้ เพรียกวายุไม่อยู่ น่าจะแบกเจ้านายไปเก็บสมุนไพรกระมัง เมื่อคืนมันก็ไม่ได้ดื่มสุราเท่าไหร่ด้วย…”
หลัวจั่นอวี่นวดคลึงหว่างคิ้ว “ภูเขาด้านหลังอันตรายมาก เจ้านายของเจ้าไปเพียงลำพังอันตรายเกินไปแล้ว ประสาทการรับกลิ่นของเจ้ายอดเยี่ยมมากมิใช่หรือ? พาข้าไปหานางสิ”
เจ้าหอยยักษ์ไม่แยแส “นางไม่เป็นไรหรอก สัตวร้ายในภูเขาด้านหลังระดับสูงสุดก็คือขั้นเจ็ด นางเป็นยอดฝีมือขั้นแปด มีแต่นางที่จะไปทำร้ายสัตว์ ไม่ถูกสัตว์ทำร้ายหรอก เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
หลัวจั่นอวี่ขมวดคิ้ว “สัตว์ร้ายบนภูเขาด้านหลังถึงแม้ระดับจะไม่นับว่าสูงจนเกินไป แต่ก็มีมากมายที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง หากถูกล้อมไว้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นแปดก็หนีไม่รอด นางตัวคนเดียวอันตรายเกินไปแล้ว!”
————————————————————————————-