บทที่ 1301+1302

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1301+1302 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1301 น่าเสียดายที่เขาเป็นบุรุษ ถ้าเป็นสตรีคงดีมากเลย!

เจ้าหอยยักษ์ยังคงไม่ขยับเขยื้อน “นางมีวิชาเคลื่อนย้าย สู้ไม่ได้นางก็เคลื่อนย้ายหนีได้ สัตว์ร้ายร้อยตัวก็ล้อมนางไว้ไม่อยู่ เอาล่ะ ผู้เฒ่าจะนอนแล้ว อย่าได้ใจเสาะจนมารบกวนผู้เฒ่าอีก ไม่อย่างนั้นผู้เฒ่าจะซัดเจ้าเสีย!”

พลางหุบฝาไม่สนใจหลัวจั่นอวี่อีกต่อไป

หลัวจั่นอวี่ยังคงไม่กล้ายั่วยุโทสะเจ้าหอยยักษ์ตัวนี้ ถึงแม้หอยยักษ์ตัวนี้เป็นสัตว์ขั้นเจ็ด แต่ฝีมือกลับเหนือว่าสัตว์ขั้นแปด โดยเฉพาะวิชาห้วงฝันมายาที่วิปริตยิ่งนัก หากไม่ระวังก็จะถูกมันแฉเรื่องส่วนตัวเข้า…

ดังนั้นหลัวจั่นอวี่จึงตรงไปหาลู่อู๋น้อย เขามองบนเตียงแวบหนึ่ง บนเตียงของกู้ซีจิ่วยังคงปูเครื่องนอนไว้ ในผ้านวมมีก้อนโป่งนูนขึ้นมา

หลัวจั่นอวี่เลิกผ้านวมออก พบว่าเจ้าลู่อู๋ตัวนั้นกอดหางทั้งเก้าของตนม้วนตัวจนกลมดิกนอนกรนฟี้ๆ บนร่างยังมีกลิ่นสุราอยู่ด้วย

ลู่อู๋ตัวนี้ยามปกติตื่นตัวยิ่งนัก ยามนี้ถูกเปิดผ้านวมแล้วก็ยังไม่ขยับ เห็นได้ชัดว่าดื่มมากไปเช่นกัน

หลัวจั่นอวี่เห็นว่าปกติมันค่อนข้างว่าง่าย ดังนั้นจึงลองลูบขนมันดู “ลู่อู๋ ลู่อู๋…”

พวกหางทั้งเก้าของลู่อู๋น้อยปรากฏรอยแยกเล็กน้อย ดวงตางดงามของลู่อู๋ทอแววค่อนข้างดุร้าย!

แอ๋ว!

มันร้องขู่คราหนึ่ง จากนั้นก็ม้วนตัวหลับไปเช่นเดิม

ในใจของหลัวจั่นอวี่หนาวยะเยือกเล็กน้อย เจ้าลู่อู๋ตัวนี้เป็นสัตว์วิเศษขั้นแปด ปกติเห็นมันขดตัวอยู่บนข้อมือกู้ซีจิ่วอย่างน่ารักน่าเอ็นดู เขาจึงนึกว่ามันเป็นตัวน่ารักตัวหนึ่ง กลับคาดไม่ถึงว่ามันจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดุร้ายถึงเพียงนี้!

ราวกับถ้าเขารบกวนอีกครั้ง มันจะยื่นกรงเล็บมาตะปบคนเสีย!

หลัวจั่นอวี่หมดหนทาง ในที่สุดก็ทราบแล้วว่าเจ้าสองตัวนี้ล้วนชักจูงไม่ได้ทั้งสิ้น จึงขุ่นเคืองแล้วไปคนเดียว

ตั้งแต่กู้ซีจิ่วมาถึงที่นี่ ยังไม่เคยออกไปเก็บสมุนไพรเองมาก่อน เขากลัวว่านางจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น…

เขาเพิ่งจะก้าวพ้นประตู กมีคนวิ่งมารายงานเหตุฉุกเฉิน บอกว่าใต้ต้นไม้ยักษ์ปรากฏผู้มาใหม่อีกคนแล้ว…

ฝีเท้าหลัวจั่นอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขายังห่วงพะวงถึงน้องสาว แต่ปกติแล้วผู้มาใหม่ล้วนบาดเจ็บสาหัสกันทั้งสิ้น ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน…

แน่นอน กู้ซีจิ่วเป็นกรณีพิเศษ

เขาสอบถามถึงอาการบาดเจ็บของผู้มาใหม่ เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ อาการบาดเจ็บของผู้มาใหม่สาหัสอย่างยิ่ง ซ้ำยังสลบอยู่ ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ในเมื่อหลัวจั่นอวี่เป็นหัวหน้าของที่นี่ ยามนี้การช่วยเหลือคนจึงเป็นหน้าที่ที่ไม่อาจผลักไสได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถอนหายใจ แล้วทำได้เพียงรีบรุดไป

คนผู้หนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นไม้ยักษ์ อาภรณ์บนร่างที่เคยขาวพิสุทธิ์กลายเป็นอาภรณ์สีโลหิต กลายเป็นอาภรณ์สีโลหิตที่มีสีขาวแต่งแต้ม รูปโฉมหล่อเหลายิ่ง สง่างามปานภาพทิวทัศน์น้ำหมึก เมื่อหลัวจั่นอวี่เห็นใบหน้านินี้ก็นิ่งค้างไปแวบหนึ่ง ชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นบุรุษที่รูปโฉมพิสุทธิ์เลิศล้ำเช่นนี้มาก่อนเลย

ยามนี้บุรุษผู้นี้หมดสติไปแล้ว แพขนตายาวงอน ไม่สั่นไหวเลยสักนิด

คนอื่นๆ ในหมู่บ้านที่ไม่ได้ออกไปไหนล้วนมาถึงแล้ว ล้อมวงอยู่ตรงนั้นมองบุรุษที่นอนอยู่ผู้นั้น ส่งเสียงจุ๊ๆ ด้วยความประหลาดใจ

“บุรุษผู้นี้หล่อเหลาเสียจริง!”

“ใช่แล้ว ท่านปู่เช่นข้ายังไม่เคยเห็นบุรุษที่รูปงามถึงเพียงนี้มาก่อนเลย…”

“ช่วงนี้ประหลาดเหลือเกิน หมู่บ้านของเราไม่มีคนเข้ามาเนิ่นนานแล้ว ครั้งนี้อับโชคเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าในระยะเวลาไม่กี่วันจะมีเข้ามาถึงสองคน ซ้ำยังงดงามยิ่งนักทั้งคู่เลย!”

“ข้ารู้สึกว่าความงามของเขาไม่เป็นรองแม่นางกู้เลย! ไม่รู้ว่าจะมีความสามารถเช่นนั้นเหมือนแม่นางกู้หรือไม่”

“น่าจะไม่มีกระมัง? ดูเหมือนพลังวิญญาณของเขาจะไม่สูงเท่าไหร่ ประมาณขั้นหก แต่แม่นางกู้น่ะขั้นแปดแล้ว!”

“น่าเสียดายที่เขาเป็นบุรุษ ถ้าเป็นสตรีคงดีมากเลย!”

ผู้คนรวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตรงนั้น เหมือนทุกครั้งที่มีผู้มาใหม่เข้ามา พูดคุยแสดงความเห็น

เนื่องจากคนที่เพิ่งมาถึงที่นี่ล้วนอยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ทั้งสิ้น ทุกคนชินชากันนานแล้ว ดังนั้นต่อให้บนร่างของผู้ที่เข้ามามีโลหิตไหลรินดั่งสายน้ำ ก็ไม่ทำให้คนรู้สึกแตกตื่นตกใจแล้ว

ถึงแม้อาการบาดเจ็บของผู้ที่เพิ่งเข้ามาจะดูวิกฤตนัก แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่ถึงแก่ชีวิต

คนส่วนใหญ่หลังจากถูกช่วยเหลือแล้วจะสลบไสลไปสักวันสองวันถึงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา

————————————————————————————-

บทที่ 1302 พาข้าไปหานาง 1

อาการบาดเจ็บของคนผู้นี้ดูวิกฤตอย่างยิ่ง ทรวงอกยุบลงไป น่าจะมีกระดูกหักหลายท่อน ตรงหน้าท้องก็มีโลหิตสดๆ ไหลริน น่าจะมีบาดแผลเช่นกัน

หลัวจั่นอวี่ตรวจสอบอาการบาดเจ็บบนร่างเขาเล็กน้อย  พลันเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ! สายตาที่มองเขาค่อนข้างตกตะลึงอยู่บ้าง อุทานเสียงต่ำ “ประหลาดนัก!”

“หัวหน้า อะไรประหลาดรึ?” มีคนเอ่ยถาม “เขาถูกตัวอะไรทำร้ายหรือ? ดูสาหัสมากเลยนะ เป็นสัตว์ห้าหรือว่าขั้นหก?”

หลัวจั่นอวี่กล่าวเสียงขรึม “เป็นสัตว์ร้ายขั้นเจ็ด! แถมยังมิใช่สัตว์ร้ายขั้นเจ็ดเพียงตัวเดียวด้วย!”

ฝูงชนตะลึงพรึงเพริด

ไม่ใช่กระมัง?!

“หัวหน้า ท่านไม่ได้ดูผิดใช่ไหม? แต่ว่าเขามีพลังวิญญาณขั้นหก…”

พวกสัตว์บ่มเพาะได้ยาก แต่เมื่อพวกมันฝึกฝนแล้ว สัตว์ที่มีพลังวิญญาณขั้นหกสามารถสำแดงกระบวนท่าที่เทียบได้กับระดับพลังวิญญาณขั้นเจ็ดของมนุษย์ ผนวกกับพละกำลังมหาศาลของพวกมัน ยอดฝีมือพลังวิญญาณขั้นเจ็ดสู้ตัวต่อตัวกับสัตว์ร้ายขั้นหกก็กินแรงมากแล้ว แต่คนที่อยู่เบื้องหน้านี้เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ามีพลังวิญญาณขั้นหก เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสู้กับสัตว์ร้ายขั้นเจ็ดด้วยตัวคนเดียว? ซ้ำยังต่อสู้ลำพังกับสัตว์ร้ายมิใช่เพียงตัวเดียวด้วย!

“หัวหน้า เขาถูกสัตว์ใดทำร้ายหรือ?” มีคนถามอีก บนภูเขาด้านหลังของพวกเขามีสัตว์ร้ายขั้นหกขั้นเจ็ดมากที่สุด อีกทั้งพวกเขาต่อกรกับพวกสัตว์ร้ายอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงมีประสบการณ์ยิ่งนัก

หลัวจั่นอวี่เอ่ยเสียงขรึม “เป็นหมีครามปีกเดี่ยว! ดูจากบาดแผลบนร่างเขาและขนหมีที่ติดอยู่ เขาน่าจะสู้กับหมีครามสี่ตัวมา”

ฝูงชนเงียบงัน พวกเขายังเชื่อถือในสายตาของหลัวจั่นอวี่ยิ่งนัก

บ้าไปแล้ว!

คนที่เข้ามาในระยะนี้เหตุใดจึงผิดมนุษย์มนาขึ้นเรื่อยๆ เล่า?

คนผู้นี้บาดเจ็บสาหัส ลมหายใจอ่อนระโหย เมื่อหลัวจั่นอวี่กดหน้าอกเขา ก็ทราบว่าซี่โครงเขาหักไปสี่ท่อน ท่อนหนึ่งในนั้นแทงเข้าที่ทรวงอกด้วย โดนหัวใจเล็กน้อย สภาพเช่นนี้ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายได้ ถ้าขยับแม้แต่น้อยอาจทำให้ซี่โครงท่อนที่หักแทงสู่หัวใจได้ เช่นนั้นคนผู้นี้จะต้องไม่รอดแน่!

คนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เมื่อถูกช่วยจนมาถึงที่นี่จะต้องเป็นผู้กล้าที่แท้จริงคนหนึ่ง ดังนั้นหลัวจั่นอวี่จึงยินดีจะช่วยรักษาให้เขาอย่างยิ่ง

อย่างไรเสียทุกคนก็เป็นบุรุษกันทั้งสิ้น เขาเลยไม่ถือสาที่จะทำการรักษาเขาที่นี่ ด้วยเหตุนี้หลัวจั่นอวี่จึงคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ยื่นมือไปแกะสาบเสื้อของคนผู้นั้น…

เพียงแต่ยังไม่ทันได้แกะสาบเสื้อออก จู่ๆ ข้อมือของหลัวจั่นอวี่ก็ถูกมือโชกเลือดข้างหนึ่งจับไว้!

หลัวจั่นอวี่สะดุ้งโหยง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบเขากับดวงตาลึกล้ำดั่งกระแสน้ำวนคู่หนึ่ง

คนผู้นั้นฟื้นแล้ว!

มือของคนผู้นั้นงดงามนัก ถึงแม้จะชุ่มไปด้วยโลหิตก็ไม่ส่งผลต่อความงามของมัน หลัวจั่นอวี่ยังไม่เคยเห็นมือที่งดงามถึงเพียงนี้ในร่างของชายฉกรรจ์มาก่อนเลย หากมิใช่ว่าคนผู้นี้มีลักษณะของบุรุษเพศที่เห็นได้ชัดเจน หลัวจั่นอวี่เกือบจะสงสัยแล้วว่าคนผู้นี้คือสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษ

คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือท่านหนึ่งแน่นอน เมื่อจับข้อมือคนก็จับตรงจุดชีพจรไว้ เห็นกันอยู่ชัดๆ เรี่ยวแรงไม่มาก แต่หลัวจั่นอวี่ยังคงรู้สึกว่าข้อมือชาหนึบเล็กน้อย

“เจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าจะรักษาให้เจ้า” หลัวจั่นอวี่เอ่ย

“ไม่ต้อง!” คนผู้นั้นปล่อยมือเขาแล้ว หลับตาลงนิดๆ หอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ยกมือหยิบถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้ออย่างยากลำบาก ล้วงเอายาลูกกลอนเขียวกระจ่างแวววาวเม็ดหนึ่งออกมาจากด้านบนแล้วกลืนลงไป…

คนผู้นี้เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าบาดเจ็บสาหัส เคลื่อนไหวก็ยากลำบากยิ่งนัก ทว่าอากัปกริยากลับให้ความรู้สึกงดงามปานสายธารไหลริน

นัยน์ตาของหลัวจั่นอวี่หดตัวเล็กน้อย ยาลูกกลอนในมือคนผู้นั้นเป็นโอสถระดับแปดในตำนาน! ที่แท้เขาเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงมีโอสถชนิดนี้?

โอสถของคนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นโอสถล้ำค่า เขากินโอสถนี้ลงไปไม่นานนัก สีหน้าที่เดิมทีซีดเผือดดุจหิมะก็ดุดีขึ้นมาเล็กน้อย โลหิตตรงช่องท้องก็ไหลช้าลงแล้ว…

จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบบาดแผลตรงทรวงอกตน มีลำแสงสีขาวจางๆ วาบออกมา หน้าอกที่ยุบลงไปก็ค่อยๆ นูนขึ้นมา…

———————————————————————————-