ตอนที่ 123
มอบรางวัล
“เจ้าทำได้ดีมากไป๋จูเหวิน”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางเน้นชื่อ ไป๋จูเหวิน เป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าผู้มาร่วมงานคราวนี้จะได้ยินเชื่อไป๋จูเหวินกันอย่างชัดเจน แน่นอนว่านับจากนี้ไป๋จูเหวินจะกลายเป็นผู้ถูกจับตามองอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่เหล่ายอดฝีมือต่างก็ได้รู้จักชายหนุ่มผู้นี้กันแล้ว
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสเทียนหมิง”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินกลับมายังที่นั่งของตนเองด้วยท่าทีสบายๆ ต่างกับเฟยหลงที่หมดสตินอนอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างเฒ่าประทับสวรรค์ไปแล้ว
“ยอดเยี่ยมมาก ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีวิชาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”หัวหน้าถังชื่นชมพลางตบบ่าไป๋จูเหวินเบาๆ สำหรับกลุ่มผู้ฝึกอสูรที่มีวิชาต่อสู้อ่อนด้อยกว่าสำนักหรือกลุ่มอื่นๆทำให้มันชื่นชมวิชาของไป๋จูเหวินไม่น้อย
“เจ้าทำได้ดีมาก”หวงหลงว่าพลางพยักหน้าเบาๆ ตัวมันเองก็ไม่นึกเลยว่าการนำไป๋จูเหวินมาในครั้งนี้จะสร้างชื่อเสียงให้กับกลุ่มนักล่าอสูรขนาดนี้ เนื่องจากไป๋จูเหวินมีพลังห่างกับผู้ชิงตำแหน่งทั้ง 2 ถึง 3 ระดับชั้น ทำให้เหล่ายอดฝีมือต่างคาดเดากันว่าที่ไป๋จูเหวินสามารถต่อสู้กับทั้งสองได้อย่างเหนือชั้นนั้นเป็นเพราะพลังอสูรอันเป็นความลับของกลุ่มนักล่าอสูรอย่างแน่นอน คำกล่าวที่ว่าอย่าได้วัดพลังของกลุ่มนักล่าอสูรจากระดับพลังวิญญาณเพียงอย่างเดียวนั้นยังคงเป็นจริงเสมอมา
“ยอดเยี่ยมมากศิษย์ของกลุ่มนักล่าอสูร”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังของไป๋จูเหวิน แต่ถึงไม่หันไปมองไป๋จูเหวินก็ทราบว่าใครเป็นผู้มาเยือน มันคือเซียนดาบนั่นเอง
“ท่านอาวุโสชมเกินไปแล้ว”ไป๋จูเหวินหันกลับไปหาเซียนดาบพลางประสานมืออย่างนอบน้อม
“ไม่เลย วิชาของเจ้าเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”เซียนดาบว่าพลางกุมด้ามดาบแน่น แม้จะสะใจไม่น้อยที่ได้เห็นเฟยหลงโดนจัดการไม่เป็นท่า แต่ตัวมันเองก็ต้องนึกถึงอนาคตต่อจากนี้เช่นกัน หากถามว่ามันสามารถเอาชนะวิชาของไป๋จูเหวินได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ แต่นั่นก็เพราะมันเองอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ด้วยกำลังของไป๋จูเหวินตอนนี้ไม่สามารถทำอันตรายอะไรมันได้ แต่หากตัวไป๋จูเหวินก้าวขึ้นมาอยู่ระดับเทียนเซียนเช่นกันจะเกิดอะไรขึ้น ตัวมันจะสามารถรับฝ่ามือที่ใช้จัดการเฟยหลงได้หรือไม่…
“หลังจากนี้เจ้าต้องระวังตัวเอาไว้ ชื่อเสียงมักมาพร้อมกับอันตรายเสมอ”เซียนดาบเตือนพลางปล่อยด้ามดาบของตน มันเชื่อว่าภายในงานชุมนุมครั้งนี้ย่อมมีผู้หวาดกลัวพลังของไป๋จูเหวินอยู่ไม่น้อย คงมีหลายคนที่คิดจะตัดไปแต่ต้นลม แต่เพราะอาวุโสเทียนหมิงและหัวหน้าถังอยู่ข้างมันอย่างชัดเจน พวกมันคงไม่ลงมือทำอะไรผลีผลามเป็นแน่
“ข้าจะระวัง”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา มันเองก็เห็นจากชายเสื้อขนสัตว์แล้ว ว่ามันหวาดระแวงในตัวมันแค่ไหน หากไม่ใช่เพราะเฒ่าประทับสวรรค์เอาเปรียบหยุนฟางทำให้มันไม่พอใจ มันคงไม่จงใจเอาชนะเฟยหลงอย่างขาดลอยเช่นนี้แน่ๆ
“ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้าเหมือนกัน”หยุนฟางที่อยู่ด้านหลังเซียนกระบี่ว่าพลางประสานมืออย่างนอบน้อม ตัวนางยอมรับว่าไป๋จูเหวินเหนือกว่าจากใจจริง จึงประสานมือให้อย่างสบายใจ
“ขอบคุณข้า?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว นางมาขอบคุณมันเรื่องอะไร
“ที่จัดการเฟยหลงอย่างสาสมยังไงล่ะ”หยุนฟางยิ้มพลางนึกถึงตอนที่ไป๋จูเหวินประลองกับเฟยหลง นางที่โดนเฟยหลงจัดการยังเจ็บใจไม่หาย แต่พอเห็นไป๋จูเหวินเอาชนะเฟยหลงได้นางก็รู้สึกดีไม่น้อย
“น่าเสียดายที่ข้าเสียพลังตอนสู้กับเจ้าไปเยอะ ไม่อย่างนั้นคงได้สู้กับเฟยหลงอย่างจริงจังมากกว่านี้”หยุนฟางว่าพลางถอนหายใจออกมา นางไม่ได้เจ็บใจที่พ่ายแพ้ แต่เจ็บใจที่นางไม่สามารถแสดงฝีมือออกไปได้ต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อนางได้เห็นการต่อสู้ของทั้งสอง นอกจากเรื่องฝีมือของไป๋จูเหวินที่เหนือกว่าเฟยหลงแล้ว ตัวนางเองก็ได้แต่ยอมรับเท่านั้นว่าตัวนางฝีมืออ่อนด้อยกว่าเฟยหลงอยู่ขั้นหนึ่ง ด้วยท่าโจมตีสุดท้ายของเฟยหลง ตัวนางคงไม่อาจต้านรับได้
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ตัวมันต้องเอาชนะเฟยหลงอยู่แล้ว ต่อให้มันทำตัวน่าเกรียดหรือไม่ผลออกมาก็ไม่ต่างกัน
“ไม่หรอก ข้าต้องขอบใจเจ้าจริงๆ หลังจากนี้ข้าจะตั้งใจฝึกฝนมากกว่านี้ แล้วข้าจะมาท้าสู้เจ้าอีก”หยุนฟางว่าพลางยิ้มบางๆ ตัวนางก่อนหน้านี้มั่นใจว่าหากเอาจริงจะสามารถเป็นอันดับ 1 ของยอดฝีมือรุ่นใหม่ได้ แต่ยามนี้นางเห็นชัดแล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า หลังจากนี้ตัวนางต้องตั้งใจฝึกฝนให้มากเพื่อเอาชนะไป๋จูเหวินให้ได้
“จะว่าไป วิชาของเจ้าคือวิชาอะไรงั้นหรือ ข้าไม่เคยเห็นวิชาแบบนี้ในหอตำราของกล่มนักล่าอสูรเลย”หลังจากเซียนดาบและหยุนฟางจากไป หัวหน้าถังก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แม้แต่บิดาของหวงหลงยังไม่มีวิชาเช่นนี้ทำให้มันอดสงสัยไม่ได้ว่าไป๋จูเหวินนำวิชามาจากไหน
“เรื่องนั้นไม่ใช่พี่หมิงเป็นผู้สอนหรอกหรือ”หวงหลงถามพลางมองไปทางอาวุโสเทียนหมิง ตัวหวงหลงนั้นได้ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่าไป๋จูเหวินได้วิชามาจากอาวุโสเทียนหมิง มันเลยคิดว่าวิชาฝ่ามือแปลกประหลาดพิสดารนั่นมาจากวิชาที่อาวุโสเทียนหมิงสะสมเอาไว้แน่ๆ
“ไม่ ถึงข้าจะเคยบอกว่ามันเป็นศิษย์ของข้า แต่ข้าก็แค่มอบเคล็ดวิชาโลหิตมังกรให้มันเท่านั้น”อาวุโสเทียนหมิงส่ายหน้าเบาๆ วิชาของไป๋จูเหวินนั้นมีติดตัวมาตั้งแต่สมัยที่มันไปพักอาศัยในสำนักยอดเมฆาแล้ว
“เรื่องนั้น…”ไป๋จูเหวินว่าพลางนำตำราเล่มหนึ่งออกมาจากมิติของมัน
“วิชาของข้าได้มาจากท่านน้าของข้าเองขอรับ ท่านเขียนเป็นตำราเอาไว้ให้ข้าได้เรียนรู้”ไป๋จูเหวินตอบพลางยื่นตำราของน้าพยัคฆ์ให้กับอาวุโสเทียนหมิง นับตั้งแต่เดินทางมาตัวมันได้รู้จักอาวุโสเทียนหมิงมานานแล้ว รียกได้ว่ามันเป็นคนที่ไป๋จูเหวินไว้ใจได้คนหนึ่งเลยทีเดียว
“นี่นะเหรอ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางลองเปิดตำราดู แต่ไม่ว่าจะอ่านไปเท่าไหร่ตัวมันก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขียนในตำราเสียที แม้แต่หน้าหลังๆที่มีวิชาของไป๋จูเหวินเองเขียนเอาไว้ ตัวมันก็ยังไม่ทราบว่าเนื้อหาในตำราหมายความว่าอย่างไร ต่อให้จดจำได้หมดก็ไม่ทราบว่าจะฝึกได้หรือไม่ เพราะคำอธิบายต่างๆล้วนไม่ใช่ภาษาที่มนาย์ใช้กัน วิธีการเรียกจุดชีพจรหรือก็ไม่เหมือนกัน ให้มันอ่านแทบตายก็ไม่มีทางเข้าใจได้แน่ๆ
“ไม่ไหวๆ แบบนี้ข้าฝึกไม่ได้หรอก”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางคืนตำราให้ไป๋จูเหวิน ในโลกนี้ผู้แกะความวิชาของอสุรได้คงมีแต่ไป๋จูเหวินเท่านั้นกระมัง
“ท่านน้าของเจ้า…”อาวุโส 7 ที่อยุ่ด้านหลังทวนคำพลางนึกถึงภาพในเขตอสูร น้าของไป๋จูเหวินย่อมเป็นราชาทั้ง 5 แห่งเขตอสูรผาไร้ก้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นนั้นวิชาเหล่านั้นก็มาจากอสูรเหล่านั้นงั้นหรือ มิน่าเล่าวิชาของไป๋จูเหวินถึงลึกลับเช่นนี้
“มีอะไรเหรออาวุโส 7”หวงหลงถามหลังจากอาวุโส 7 อุทานออกมา
“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”อาวุโส 7 ว่าพลางส่ายหน้าถี่ๆ
“หืม….”หวงหลงเห็นท่าทีแตกตื่นอย่างโจ่งแจ้งของอาวุโส 7 ก็มีท่าทีสงสัยในทันที แต่ก่อนจะถามอะไรออกไป…
“เริ่มพิธีมอบรางวัลได้”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางเดินออกมาที่กลางลานประลอง ทั้งนี้เป็นเพราะศิษย์ของมันเฟยหลงฟื้นคืนสติแล้ว จึงได้เริ่มพิธีมอบรางวัลโดยเร็ว
แม้เฒ่าประทับสวรรค์จะเป็นคนชอบเอาเปรียบคน แต่ของรางวัลของมันก็ดึงดูดใจจริงๆ ทันทีที่เหล่าศิษย์รุ่นใหม่อันดับ 1 – 5 ออกมายืนเรียกแถวกัน เฒ่าประทับสวรรค์ก็เดินมายืนอยู่ที่ผู้เข้าประลองที่ได้อันดับ 5 อย่างช้าๆ
“นี่เป็นรางวัลของเจ้า”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางยื่นหินวิญญาณขนาดใหญ่ให้กับอันดับ 5 ก่อนจะเดินมาทางอันดับ 4 ซึ่งมันก็มอบสมุนไพรหายากชนิดหนึ่งให้มันไปด้วยท่าทีสบายๆราวกับของเหล่านั้นไม่มีค่ากับมันเลย
“ต่อไปเป็นรางวัลของเจ้า”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางยื่นของบางอย่างที่มีลักษณะเป็นทรงกลมให้กับหยุนฟาง มันมีสีแดงปนม่วงและกลิ่นที่หอมหวนไม่น้อย
“องุ่นเลือด..”เซียนดาบขมวดคิ้วพลางมองของรางวัลในมือหยุนฟาง ของหายากเช่นนี้นับว่าคุ้มค่าและเหมาะสมกับรางวัลของอันดับ 3 แล้ว หากหยุนฟางได้กินคงเพิ่มพลังให้นางไม่น้อยเลย
“ต่อไปก็..”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางเดินมายืนอยู่ตรงหน้าศิษย์ของมัน แน่นอนว่ายามนี้เฟยหลงหน้าหมองคล้ำก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้ารับมันไปซะ”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางยื่นอัญมณีสีเขียวเม็ดหนึ่งให้กับเฟยหลง
“ขอรับอาจารย์”เฟยหลงรับคำพลางกำอัญมณีสีเขียวเอาไว้ในมือ แน่นอนว่าสิ่งของชิ้นนี้เองก็สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าคนดูไม่น้อย เพราะมันคือดวงธาตุวายุที่จะทำให้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่มีพลังธาตุลมสามารถเพิ่มพูนพลังได้อย่างมาก หากเฟยหลงใช้มันอาจจะก้าวขึ้นระดับเหรินเซียนก็เป็นได้
“ต่อไป…”เฒ่าประทับสวรร๕ว่าพลางเดินมายืนหน้าไป๋จูเหวิน เพียงแต่คราวนี้มันไม่ได้หยิบอะไรออกมา… ความจริงแล้วมันเตรียมดวงธาตุวายุเอาไว้เป็นรางวัลอันดับ 1 เพราะคิดว่าเฟยหลงคงได้อันดับ 1 แน่ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าศิษย์ของมันจะพ่ายแพ้ได้
“เร็วๆสิเฒ่าประทับสวรรค์ พวกข้าอยากรู้แล้วว่าเจ้าเตรียมรางวัลอะไรเอาไว้”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางยิ่มอย่างอารมดี ตัวมันรู้จักเฒ่าประทับสวรรค์มานานก็พอเดาออกว่าจริงๆแล้วรางวัลที่ 1 มันมอบให้กับศิษย์ของมันไปแล้ว แต่ปัญหาคือรางวัลที่ 1 ของไป๋จูเหวินนั้นหากเป็นของที่ต่ำชั้นกว่าดวงธาตุวายุ เหล่ายอดฝีมือรอบๆคงมองออกเป็นแน่
“หนอยย..”เฒ่าประทับสวรรค์กัดฟันแน่น หากมันมอบของรางวัลได้ไม่ดีพอ ตัวมันคงโดนประนามเป็นแน่ และการจัดงานชุมนุมครั้งต่อไปก็จะมีปัญหา ยามนี้มันได้แต่ฝืนใจกรีดเลือดตัวเองเท่านั้น
“โอ้…”เหล่าผู้ชมต่างพากันส่งเสียงอื้ออึงเมื่อเฒ่าประทับสวรรค์เลือกสมุนไพรชนิดหนึ่งออกมาจากมิติของมัน สมุนไพรชนิดนี้นอกจากจะมีผลช่วยให้ร่างกายผู้กินพัฒนาขึ้นแล้วยังช่วยเสริมสร้างพลังวิญญาณอีกต่างหาก เพียงแต่… ผลลับที่ดีที่สุดของมันคือทำให้ผู้กินมันเข้าไปจะมีภูมิต้านทานพิษสูงมากจนแทบจะสามารถป้องกันพิษได้ทุกชนิดเลยทีเดียว
“เอ่อ…”ไป๋จูเหวินนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะรับรางวัลมาอย่างเก้ๆกังๆ ถึงผู้ชมรอบข้างจะพากันอิจฉาที่ไป๋จูเหวินได้รับสมุนไพรหายากเช่นนี้ แต่….ไม่ว่าจะมองอย่างไร สมุนไพรชนิดนี้ก็ขึ้นอยู่บนหลังท่านน้ามังกรไม่ใช่หรืออย่างไร แถมตัวมันในวัยเด็กยังเคยกินมาแล้วด้วย เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ไป๋จูเหวินสามารกินเนื้อสูรเป็นอาหารได้นั่นเอง