เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1150 ทะเลไหลเชี่ยว (1)

แปลโดย iPAT

หลิวชิงหยูอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป

ฟางหยวนเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเมื่อเดินทางจากภาคใต้ไปยังภาคเหนือ เขาปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงเอาไว้ แต่ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยไม่สามารถปกปิดพลังอำนาจของวิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ

ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนเดินทางผ่านทะเลตะวันออก เขาได้ต่อสู้กับหลิวชิงหยู ถังซ่ง และเจาลี่ เขาเปิดเผยวิธีการบางอย่างโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยง

แม้อิงอู๋เซี่ยจะไม่เคยเห็นรูปลักษณ์ของฟางหยวน แต่จากคำอธิบายของหลิวชิงหยู อิงอู๋เซี่ยรู้สึกคุ้นเคยมาก

ตามสัญชาตญาณ เขาตรวจสอบและได้รับรายละเอียดจากหลิวชิงอวี๋มากขึ้น

‘วิญญาณอมตะดาบบิน วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ…’ อิงอู๋เซี่ยคิดกับตนเอง

‘ช่วงเวลาถูกต้อง’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของหลิวชิงหยูมีแนวโน้มที่จะเป็นฟางหยวน

‘บังเอิญจริงๆ ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับข้อมูลของฟางหยวนเช่นนี้ ฮ่าฮ่า เจตจำนงสวรรค์!’ อิงอู๋เซี่ยเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าในทะเลไหลเชี่ยวปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกตลอดเวลา

แต่อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่านอกจากกลุ่มเมฆหมอกเหล่านี้ เจตจำนงสวรรค์กำลังจับตามองเขาอยู่อย่างใกล้ชิด

สำหรับเจตจำนงสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกเขาล้วนเป็นเป้าหมายที่ต้องกำจัด

แน่นอนว่าในอดีตเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเป้าหมายหลัก อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนกลับดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์มากที่สุด

เจตจำนงสวรรค์กำลังล่อลวงให้ฟางหยวนกับอิงอู๋เซี่ยเผชิญหน้าและต่อสู้กัน นี่คือกลยุทธ์ยิงนกครั้งเดียวนกตายสองครั้ง

อิงอู๋เซี่ยประเมินสิ่งนี้และลอบส่งข้อมูลให้ไห่ลั่วหลันอย่างลับๆ

ไห่ลั่วหลันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้นางไม่พบสิ่งผิดปกติเพนาะนางไม่คุ้นเคยกับวิญญาณอมตะดาบบินและวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

เมื่อสามารถตอบสนอง นางรู้สึกตกใจเล็กน้อย

‘อิงอู๋เซี่ยค้นพบสิ่งสำคัญมาก นอกจากนั้นเขายังปรึกษาข้า?’

แต่หลังจากชั่วครู่ ไห่ลั่วหลันก็ตระหนักว่าหากนางเป็นอิงอู๋เซี่ย นางก็จะทำเช่นเดียวกันเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์

จนถึงเวลานี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงยังถูกยังไว้ในความมืด ซื่อหนิวมีความภักดีแต่เขาเป็นมนุษย์หินที่มีสติปัญญาไม่สูงนัก

ไห่ลั่วหลันเป็นพันธมิตรกับนิกายเงา นางไม่มีทางเลือกนอกจากร่วมมือกับอิงอู๋เซี่ย

‘จัดการฟางหยวน…’ ไห่ลั่วหลันเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน

นางมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนกับฟางหยวน

แรกเริ่มทั้งสองเป็นศัตรูกันก่อนจะกลายเป็นพันธมิตร แต่ตอนนี้โชคชะตากลับพลิกผันทำให้พวกเขากลับมาเป็นศัตรูกันอีกครั้ง

ไห่ลั่วหลันต้องยอมรับว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน เขามีอิทธิพลต่อนางเป็นอย่างมาก

แต่ในไม่ช้าไห่ลั่วหลันก็สงบจิตใจลงและถ่ายทอดเสียง “การวิเคราะห์ของเจ้าสมเหตุสมผล แต่เจ้าเดาได้เพียงตัวตนของฟางหยวน เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะมาที่นี่เพียงเพราะเบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล กระทั่งเขาจะมาจริงๆ แล้วมันเกี่ยวกับเราอย่างไร? เขาอาจมาไม่ถึงที่นี่และไม่พบพวกเรา”

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มเย็นชา “นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่เข้าใจเจตจำนงสวรรค์ ก่อนหน้านี้เพื่อขัดขวางฟางหยวน เจตจำนงสวรรค์ได้วางแผนล่อฟางหยวนด้วยเบาะแสของมรดบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์และระวังตัว เขาไม่ตกหลุมพรางง่ายๆและเดินทางไปยังภาคเหนือโดยไม่หยุดพัก นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและทำให้แผนการของเจตจำนงสวรรค์กลายเป็นไร้ประโยชน์”

อิงอู๋เซี่ยเข้าใจผิดเล็กน้อย

ความจริงก็คือฟางหยวนไม่ได้รับเบาะแสใดๆเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลในเวลานั้นแต่เบาะแสกลับถูกสลักไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน

แน่นอนว่าแม้ฟางหยวนจะได้รับเบาะแสตั้งแต่ครั้งนั้น มันก็ไม่ทำให้เขากลับไปแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาช้าลง

“ตอนนี้ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ก่อนหน้าเขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตลอดเวลา เขาพึ่งสร้างข้อตกลงพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์รวมถึงชูตู่ ตอนนี้เขาย่อมต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลและเดินทางมาที่นี่” อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ

ด้วยความก้าวข้ามความยากลำบากมากมาย ความคิดของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นแหลมคมมากขึ้น ตอนนี้เขาแสดงออกราวกับผู้เชี่ยวชาญ

ไห่ลั่วหลันค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวน

นางยังรู้ว่าอิงอู๋เซี่ยบอกข้อมูลเหล่านี้เพราะต้องการกระตุ้นความเกลียดชังของนาง

ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น “เจ้าหมายความว่าหลิวชิงหยูคือการแจ้งเตือนจากเจตจำนงสวรรค์งั้นหรือ?”

“ถูกต้อง หลิวชิงหยูอาจเลือกสถานที่แห่งนี้ด้วยความบังเอิญ แต่แท้จริงแล้วเขาได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงสวรรค์ให้เลือกเกาะของเรา เจตจำนงสวรรค์อาจคิดว่ากับดักที่เคยวางเอาไว้ไม่สามารถกำจัดฟางหยวนที่แข็งแกร่งขึ้นได้อีกต่อไป ดังนั้นมันจึงต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเรา” อิงอู๋เซี่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มเย็นชา

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

นิกายเงาต่อต้านเจตจำนงสวรรค์มานานหลายปี อิงอู๋เซี่ยย่อมตระหนักถึงเป้าหมายและแผนการของมันโดยธรรมชาติ

“หากเป็นเช่นนั้นเราสามารถใช้โอกาสนี้ซุ่มโจมตีฟางหยวน ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการร่างทารกอมตะงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตอบ

อิงอู๋เซี่ยมองไห่ลั่วหลัน พวกเขาลอบพูดคุยก่อนที่อิงอู๋เซี่ยจะนำกลุ่มสมาชิกนิกายเงาออกเดินทาง

“อา…” หลิวชิงหยูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรู้สึกมึนงง

“ไห่ลั่วหลัน” อิงอู๋เซี่ยลอบส่งข้อความ “หากเราสามารถจับตัวฟางหยวนได้ในครั้งนี้ ข้าจะคืนอิสรภาพแก่เจ้า”

ทั้งร่างกายและจิตใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น

แต่ในไม่ช้านางก็สามารถตอบสนอง “มีเพียงเด็กน้อยเท่านั้นที่จะถูกเจ้าหลอก เจ้าจะยอมละทิ้งพลังการต่อสู้ของข้างั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ารู้จักข้าดีจริงๆ” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเสียงดัง

“เจ้าจะจัดการฟางหยวนอย่างไร? เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด” ไห่ลั่วหลันถาม

รอยยิ้มของอิงอู๋เซี่ยจางหายไป เขาถอนหายใจเมื่อได้ยินคำถามนี้

จากนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงตอบกลับ “ข้าจะไม่จัดการเขา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ”

“ไม่ เราทำได้ หากเราใช้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ พวกเราอาจประสบความสำเร็จ” ไห่ลั่วหลันแนะนำ

“เจ้าต้องการให้เขาตายจริงๆงั้นหรือ? ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยร่วมมือกับเขาก้าวข้ามภัยพิบัติมามากมาย”

“ฮืม ทุกคนล้วนทำเพื่อตนเอง หากเขาตายหรือพ่ายแพ้ มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า” ไห่ลั่วหลันปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา

อิงอู๋เซี่ยปฏิเสธคำแนะนำที่น่าดึงดูดใจนี้ “แม้เราจะใช้สถานที่แห่งนั้น แต่เป้าหมายของข้าคือจับตัวฟางหยวนที่มีชีวิตอยู่ หากเราใช้สถานที่แห่งนั้น เราจะทำได้เพียงหยุดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นการชั่วคราวเท่านั้น”

“นอกจากนี้แม้เราจะทำได้แต่ข้าจะไม่ทำ” อิงอู๋เซี่ยยิ้ม

ไห่ลั่วหลันถาม “เพราะเหตุใด?”

“เราต้องมองภาพใหญ่ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถช่วยร่างหลักของข้า พวกเราจะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ ความทรงจำของข้ามีขีดจำกัด หากพวกเราต่อสู้กับฟางหยวนตอนนี้ พวกเราจะตกลงสู่กับดักของเจตจำนงสวรรค์ ตอนนี้พวกเราจะออกจากทะเลตะวันออก! อย่างไรก็ตาม…ก่อนจากไป ข้าจะทิ้งบางอย่างเอาไว้เป็นของขวัญให้แก่ฟางหยวน ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ

วันต่อมา

‘ในที่สุดข้าก็มาถึงทะเลไหลเชี่ยว’ ฟางหยวนยืนอยู่บนก้อนเมฆและถอนหายใจ

ตามข่าวลือ ในอดีตเคยเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างผู้อมตะที่นี่

ไม่มีผู้อมตะระดับแปดแต่มีผู้อมตะระดับเจ็ดและระดับหกมากมาย

การต่อสู้ที่รุนแรงทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้ยังมีมรดกของผู้อมตะและทรัพย์สมบัติของพวกเขาที่ถูกทิ้งไว้หลังความตาย

ในประวัติศาสตร์มีผู้โชคดีได้รับมรดกของผู้อมตะบางคนในทะเลไหลเชี่ยว แม้จะมีผู้โชคดีไม่มาก แต่ข่าวลือก็ทำให้ผู้คนเดินทางมาที่นี่เพื่อแสวงหาโชคลาภ

ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆ

ทะเลไหลเชี่ยวมีลักษณะเฉพาะตัว พื้นผิวของมันเงียบสงบแต่ด้านล่างเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ

กระแสน้ำเหล่านี้เชื่อมต่อกันและเคลื่อนไหวไปอย่างไร้รูปแบบ

ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าทะเลไหลเชี่ยว

ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

ท้องฟ้าของที่นี่ถูกปกคลุมได้ด้วยชั้นเมฆสีขาวที่หนาทึบ แสงแดดไม่สามารถทะลุผ่านชั้นเมฆเหล่านี้ลงมาแต่มันยังทำให้สถานที่แห่งนี้สว่างขึ้นเล็กน้อย

เมื่อผู้อมตะมาที่นี่ พวกเขามักจะสูญเสียการรับรู้ทิศทาง ชั้นเมฆเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัด

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดเมฆเหล่านี้

ในการทำเช่นนั้นคนผู้หนึ่งจำเป็นต้องต่อสู้กับสวรรค์พิภพ ผู้อมตะที่มีความสามารถเช่นนี้มีอยู่น้อยมากกระทั่งในกลุ่มผู้อมตะระดับแปด การจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อทำลายเมฆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า

ฟางหยวนสูดหายใจก่อนที่กลิ่นอายของวิญญาณอมตะจะระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา

ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ สัมผัสแห่งโชค!

ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายนี้มาจากเฟิงจุน มันสามารถค้นหาผู้คนที่เชื่อมต่อกันด้วยโชคของพวกเขา ยิ่งเป้าหมายอยู่ใกล้ มันก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ

“โอ้ พวกเขาอยู่แถวนี้! พวกเขาอยู่ในทะเลไหลเชี่ยวงั้นหรือ?”